ครม.เห็นชอบปรับปรุง พ.ร.บ.สินค้าเกษตร-อุตสาหกรรม

ทำเนียบรัฐบาล 30 ส.ค. – นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล  ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ สำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า  ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติร่างแก้ไขพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อปกป้องให้คนไทยได้บริโภคและใช้สินค้าอุตสาหกรรมที่มีคุณภาพ พร้อมปรับระบบการทำงานของส่วนราชการให้กระชับ เพื่อส่งเสริมการส่งออก รวมทั้งรองรับ S-curve และไทยแลนด์ 4.0


สำหรับร่างปรับปรุงพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร มีการเปลี่ยนแปลง  5 ด้าน ได้แก่ ด้านการอนุญาต เดิมสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติเท่านั้น ส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการอนุมัติ และเมื่อแก้ไขพระราชบัญญัติแล้วจะทำให้สามารถมอบหน่วยงานอื่นช่วยดูแลเกิดความรวดเร็วมากขึ้น เช่น กรมการข้าวดูแลเรื่องคำขอใบอนุญาตเกี่ยวกับข้าว กรมการปศุสัตว์ดูแลคำขอที่เกี่ยวข้องกับปศุสัตว์

ด้านการกำหนดมาตรฐานบังคับและการยกเว้นบังคับ เดิมจะใช้บังคับเฉพาะผู้ผลิตเท่านั้น แต่ในอนาคตมาตรฐานดังกล่าวจะครอบคลุมผู้นำเข้า-ผู้ส่งออกแล้วแต่กรณี เนื่องจากมาตรฐานบังคับบางอย่างใช้บังคับเฉพาะสินค้าส่งออกเท่านั้น เช่น การส่งออกไก่ไปจำหน่ายสหภาพยุโรป (อียู) อย่างไรก็ตาม จะไม่กระทบกับสินค้าที่จำหน่ายในประเทศ


ด้านเครื่องหมายรับรอง เดิมมีเพียง  2 แบบ คือ เครื่องหมายบังคับที่ผู้ประกอบการทุกรายต้องมี แบบที่ 2 เป็นเครื่องหมายโดยสมัครใจที่จะมาขอได้ แต่ในอนาคตเพื่อสามารถรองรับสินค้าเฉพาะบางอย่าง เช่น สินค้าออร์แกนิคที่ได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ไม่สามารถออกเครื่องหมายรับรองได้ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารฯ จะสามารถออกมาตรฐานได้  ขณะเดียวกันสินค้าฮาลาล ก็จะมีเครื่องหมายฮาลาลรับรองมาตรฐานสินค้าที่ส่งออกไปได้ทั่วโลก

ด้านการยอมรับสินค้ามาตรฐานบังคับจากต่างประเทศ เดิมต้องทำเรื่องขอรับรองมาตรฐานจากสำนักงานมาตรฐานจากหน่วยงานของไทยอีกครั้ง กฎหมายแก้ไขใหม่จะมีมาตรฐานชัดเจนว่าถ้ามีประเทศมาตรฐานบังคับทัดเทียมประเทศไทยสามารถใช้ได้โดยไม่ต้องตรวจ โดยไม่ต้องมีข้อตกลงระหว่างประเทศที่เป็นการยอมรับ  2 ประเทศ และไม่ต้องมีการลงนาม ขณะเดียวกันในประเทศที่มีมาตรฐานแตกต่างจากประเทศไทย หน่วยงานของไทยสามารถมอบหมายให้ประเทศนั้น ๆ ตรวจรับรองตามมาตรฐานของหน่วยงานมาตรฐานของไทยได้ โดยคำรับรองจากหน่วยงานต่างประเทศ จึงจะทำให้สะดวกมากขึ้น

ด้านการออกมาตรฐานบังคับกรณีเร่งด่วนกรณีดูแลด้านสุขอนามัยของประชาชน เช่น การปนเปื้อน สามารถออกประกาศได้ทันที โดยไม่ต้องออกกฎกระทรวงและสามารถนำมาตรฐานทั่วไปที่เป็นมาตรฐานระหว่างประเทศมาใช้ได้ทันทีส่งผลให้มีความคล่องตัว


ส่วนการแก้ไขพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม  จะมีการเปลี่ยนแปลง 7 ด้าน  ซึ่งเป็นการแก้ไข พ.รบ.เป็นครั้งที่  2 ในรอบ  2 ปี  เพื่อปรับให้การพิจารณามาตรฐานเร็วขึ้นสอดรับการมี  New S-Curve และไทยแลนด์ 4.0 รวมถึงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี เพื่อให้สินค้าอุตสาหกรรมสามารถเข้าสู่ตลาดและแข่งขันได้เร็วขึ้น รวมทั้งคุ้มครองผู้บริโภค  เรื่องแรกที่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น คณะกรรมการวิชาการผู้กำหนดมาตรฐาน จากเดิมแต่งตั้งโดยรัฐมนตรี แต่หลังแก้ไขแต่งตั้งโดยคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) การออกประกาศมาตรฐานอุตสาหกรรม จากที่ต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกาที่ใช้เวลามากเปลี่ยนเป็นให้รัฐมนตรีประกาศได้เลย ช่วยร่นระยะเวลาการออกประกาศมาตรฐานจากเดิมใช้เวลานานถึง 542 วัน ลดลงเหลือ 180 วันเท่านั้น หรือจากปีครึ่งเหลือเพียงครึ่งปี ทำให้สามารถออกมาตรฐานเร็วขึ้น หากเป็นการออกมาตรฐานทั่วไปจะลดระยะเวลาจากเดิม 390 วัน จะลดลงเหลือ 150 วัน เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังเพิ่มบทลงโทษจากเดิมจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท เปลี่ยนเป็นปรับขั้นต่ำ 50,000 บาท เพิ่มวงเงินปรับขึ้นสูงเป็น  5 ล้านบาท เพื่อปกป้องให้ประชาชนไทยได้รับสินค้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ขณะเดียวกันเพื่อทำให้ผู้ประกอบการมีความคล่องตัวปรับตัวเข้าสู่เศรษฐกิจและเทคโนโลยีมาใช้ ซึ่งช่วงที่ผ่านมาดำเนินคดีสินค้าไม่ได้มาตรฐาน 100 ราย  มูลค่า 3,700 ล้านบาท โดยเฉพาะสินค้าเหล็ก.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ไทยมีฝนเพิ่มขึ้น ฝนตกหนักบางแห่ง เตือน 6 จว.ระวังน้ำท่วม

กทม. 16 ส.ค.-กรมอุตุฯ รายงานไทยมีฝนเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์กระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง เตือน จ.พิษณุโลก เพชรบูรณ์ จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์กระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์ จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือตอนล่าง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ […]

ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 : 230

รัฐสภา 15 ส.ค.- ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 ต่อ 230 ด้าน ‘พิชัย’ ขอบคุณสภาฯ ยันจะใช้งบให้ตรงตามวัตถุประสงค์โปร่งใส-เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีการตั้งวงเงินงบประมาณ จำนวน 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งที่ประชุมสภาฯ ใช้เวลาอภิปรายตลอด 3 วัน ระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม และลงมติเมื่อเวลา 22.50 น. ผลปรากฏว่า จากจำนวนสมาชิก 487 เสียง เห็นด้วย 257 เสียง ไม่เห็นด้วย 230 เสียง งดออกเสียง 1 […]

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]