23 ก.พ.-จากผลโพลจะเห็นว่า ประชาชนมีความสนใจเรื่องนโยบาย วันนี้ทีมข่าวการเมือง จะพาไปเปรียบเทียบนโยบายสวัสดิการรัฐของพรรคการเมืองต่างๆ ที่ใช้ในการหาเสียง ติดตามจากรายงาน
นโยบายสวัสดิการรัฐ แก้ปัญหาปากท้อง ให้เงินช่วยเหลือ เป็นนโยบายหลัก ที่หลายพรรคการเมือง ชูเป็นจุดขาย และแข่งขันกันแบบ จัดเต็มให้ประชาชน ตั้งแต่แรกเกิดจนแก่ เปรียบเทียบให้เห็นชัดๆ
เริ่มจากพรรคประชาธิปัตย์ เกิดปุ๊บแจกปั๊บ รับ1แสน และให้ตั้งแต่แรกเกิด จนถึง 8ขวบ โดยเด็กทารกแรกเกิดจะได้รับเงิน “เด็กเข้มแข็ง” 5,000 บาท ในเดือนแรก เดือนต่อ ๆ มา เดือน ละ 1,000 บาท เรื่อยไปจน 8 ขวบ รวมเป็นเงิน 100,000 บาท เชื่อว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาของไทย เด็กไทยจะแข็งแรงขึ้น เก่งขึ้น และมีทักษะที่ช่วยให้เผชิญกับโลกยุคใหม่ได้ดีขึ้นกว่าเดิม
ด้านพรรคพลังประชารัฐ ไม่น้อยหน้า ยังคงหาเสียงสนับสนุน จากแม่และเด็ก ชูมารดาประชารัฐถ้วนหน้า ท้องปุ๊บรับปั๊ป เดือนละ 3,000 บาท 9เดือน 27,000 บาท ค่าคลอด 10,000 บาท และค่าดูแลเด็กเดือนละ 2,000 บาทจนเด็กอายุหกขวบ รับเงินรวม 144,000 บาท คิดเป็นเงินรวม 181,000 บาทต่อเด็กเกิดใหม่หนึ่งคน และไม่ลืมคนพิการและชราด้วยการเพิ่มเบี้ยยังชีพให้
นโยบายเก่ายังขายได้ พรรคเพื่อไทยนำมาปัดฝุ่นใหม่ ชู 30บาทยุคใหม่ สร้างสุขภาพดีถ้วนหน้า “แข็งแรงก่อนแก่ ดูแลก่อนป่วย “ 30 บาทใหม่ ได้สิทธิ์ดูแลตั้งแต่ก่อนป่วย, ยาดี รักษาดี คุณภาพดี, ไม่ต้องรอคิว,ใส่ใจบุคลากร แถมด้วยเรียนฟรี15ปี มีโรงเรียนออนไลน์ เพิ่มเบี้ยยังชีพคนสูงอายุในอัตราที่เหมาะสม
เช่นเดียวกับอนาคตใหม่ ชูนโยบายตั้งแต่เกิดจนแก่ เพิ่มสิทธิลาคลอดให้ 180 วัน มีเงินเดือนเลี้ยงดูลูกอายุตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงอายุ6 ขวบ เดือนละ 1,200 บาท ให้ค่าครองชีพเยาวชน 12-18 ปี เพื่อการศึกษา ขยายสิทธิประกันสังคมครอบคลุมแรงงานนอกระบบ ยามเจ็บป่วยเพิ่มงบรายหัวในระบบประกันสุขภาพเป็น 4,000 บาท ต่อคนต่อปี เบี้ยคนชรา 1800 บาทต่อเดือน
นโยบายหวังให้จดจำและโดนใจ หวังผลคะแนนเสียง แต่ขั้นตอน กระบวนการ กว่าจะคลอดอกมาเป็นนโยบาย จะเป็นเรื่องจริง หรือ เพ้อฝัน ต้องรอพิสูจน์เข้ามาเป็นรัฐบาล แต่สิ่งสำคัญคือควรวางรากฐานให้ประชาชน พึ่งพาตัวเอง แบบยั่งยืน มากกว่า ลดแลกแจกแถม เพื่อประโยชน์ทางการเมือง.- สำนักข่าวไทย