“สมคิด” มอบนโยบายสภาพัฒน์ชี้นำหน่วยงานต่าง ๆ

กรุงเทพฯ 21 ก.พ. – รองนายกรัฐมนตรีมอบนโยบาย สศช. ชี้นำหน่วยงานต่าง ๆ ไม่เป็นกระโถน ครม.


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาตรวจเยี่ยมราชการและมอบนโยบายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) โดยกล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาได้ดูข่าวเกี่ยวกับธุรกิจและการเงินทางช่องบลูมเบิร์ก เทเลวิขั่น ซึ่งสถานีช่องนี้มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นครนิวยอร์คซิตี้ของสหรัฐอเมริกา โดยบลูมเบิร์กรายงานข่าวว่าค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้นแสดงว่าเศรษฐกิจไทยดีขึ้นและเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่การที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจะมีอุปสรรคต่อการส่งออก เมื่อเห็นการรายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศแล้วใครจะพูดว่าเศรษฐกิจไทยไม่ดี ไม่ต้องไปฟัง โดยคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตมากกว่าร้อยละ 3

นายสมคิด กล่าวให้นโยบายว่า สศช.จะต้องเป็นผู้ชี้นำว่ากระทรวงไหนควรจะทำอย่างไร  สศช.ต้องนำประเทศและหากจะให้รัฐบาลช่วยเหลืออะไร สามารถแจ้งมาได้เลยทันที ทั้งนี้ ส่วนตัวเห็นว่า สศช.ต้องชี้นำคณะรัฐมนตรี หรือ ครม.ไม่ใช่ทำตัวเป็นกระโถน ครม.


นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ สศช. กล่าวในที่ประชุมว่า ปี 2562 สศช.ตั้งเป้าหมายจะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตร้อยละ 4 ขึ้นไป โดยจะต่อยอด 5 อุตสาหกรรมเดิมที่มีศักยภาพ ประกอบด้วย อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ  การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ และอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร และสร้าง 5 อุตสาหกรรมใหม่ในอนาคต  ประกอบด้วย อุตสาหกรรมหุ่นยนต์  อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์    อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ  อุตสาหกรรมดิจิตอล  และอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร 

นอกจากนี้ มีแผนที่จะใช้ศักยภาพของพื้นที่และโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการลงทุนด้านระบบสาธารณูปโภค เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น โดยให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง เช่น การพัฒนาและฟื้นฟูเมืองเก่าในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเเละเชื่อมโยงเชียงใหม่ เชียงราย เชียงแสน เชียงของ เชียงรุ้ง และเชียงตุงเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เช่น เลย หนองบัวลำภู หนองคาย อุดรธานี บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร เป็นศูนย์กลางผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผ้าย้อมครามและการเลี้ยงโคเนื้อคุณภาพสูง รวมทั้งการพัฒนาจังหวัดระนอง เป็นประตูการค้าด้านตะว้นตกเชื่อมโยงการท่องเที่ยวฝั่งทะเลอันดามัน โดยจะมีโครงการรถไฟรางคู่จากชุมพรไปยังระนอง เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

“ไฮโซกำมะลอ” กระโดดชั้น 3 สน.โคกคราม

“ไฮโซเก๊” โลก 2 ใบ เครียดปีนตึก หลังถูก “คะน้า” ดาราสาว ออกมาแฉกลางรายการดัง จนตำรวจต้องเข้าเกลี้ยกล่อมพาไปโรงพัก แต่ยังวิ่งหนีการควบคุม กระโดดลงมาจากชั้น 3 สน.โครกคราม บาดเจ็บ

วันที่ 11 ปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. ถล่ม

วันที่ 11 ของปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. พังถล่ม เจ้าหน้าที่เดินหน้าใช้เครื่องจักรหนักเข้า เคลียร์ซากต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซนบี และซี ที่คาดว่าเป็นจุดที่มีผู้ติดค้างอยู่จำนวนมาก

ชุดค้นหาลงโพรงโซน B, C ลึก 5-6 เมตร ได้กลิ่นแรง ไม่พบผู้สูญหาย

“กู้ภัย” เผยเจาะโพรงพื้นที่โซน B และ C ได้แล้ว พร้อมส่งชุดค้นหาลงโพรงไปตรวจสอบลึก 5-6 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม แต่ได้กลิ่นแรง เร่งเดินหน้าเครื่องจักรหนักเคลียร์ซากต่อเนื่อง ยันจะช่วยเหลือจนกว่านำร่างสุดท้ายออกมาครบ