“ภูมิธรรม” มอบนโยบาย มท. ขีดเส้น 3 เดือนปราบยาต้องขยับ

กระทรวงมหาดไทย 4 ก.ค.- “ภูมิธรรม” มอบนโยบายมหาดไทย ย้ำไม่มีสิงห์สีต่างๆ มีแต่สิงห์มหาดไทย ไม่หนุนเล่นพวกพ้อง ขีดเส้น 3 เดือนแรกผลงานปราบยาเสพติดต้องขยับ เผยชาวบ้านบอกรู้แหล่งหมด แต่ผู้ว่าฯ-นายอำเภอ-ผู้การ ไม่รู้ไม่ได้


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวมอบนโยบายให้กับข้าราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทย โดยมี ปลัดกระทรวงมหาดไทย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย อธิบดี หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดปริมณฑลและจังหวัดใกล้เคียง 15 จังหวัด ร่วมประชุม โดยเป็นการประชุมผ่านระบบ Video Conference ไปยังศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยินดีและขอบคุณที่ให้การต้อนรับ หวังว่าการทำงานต่อไปข้างหน้าของเรา คงจะต้องร่วมมือกันทุกส่วน ต้องทำให้มหาดไทยเป็นหนึ่งเดียว ในการช่วยกันแก้ไขขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล และสามารถทำให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤติไป


สิ่งสำคัญที่ตนมาเยี่ยมครั้งที่แล้ว ก็ได้บอกว่ากลไกของมหาไทยเป็นกลไกสำคัญมาก ทั้งระดับจังหวัด อำเภอทั่วประเทศและเป็นกลไกที่จะสามารถออกนโยบายดีๆ หรือสิ่งที่คิดว่าไปแก้ปัญหาให้ประชาชนทั้งหมด ได้ดี นี่คือเรื่องสำคัญ

“อีกเรื่องคืออยากเห็นความเป็นปึกแผ่น เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ที่นี่ไม่มีสิงห์ดำ สิงห์แดง สิงห์ขาวสิงห์เขียว สิงห์ทอง สิงห์น้ำเงิน อะไรทั้งนั้น มีแต่สิงห์มหาไทย ตนไม่นิยมหรือสนับสนุนในลักษณะการเล่นพวกพ้อง ตนต้องการคนมีความสามารถ ถ้ามีความสามารถ อาสาทำงาน สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ก็ยินดีทั้งนั้น” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มต้นจะทำงานร่วมกันได้อย่างไร ที่ผ่านมาก็ต้องมาดูเรื่องนโยบาย ตนคิดว่าการบริหารราชการแผ่นดิน ถ้านโยบายออกมาแล้วยังไม่เข้มข้น ไม่ขยับ ไม่ดำเนินการ เป็นสิ่งที่ตนรับไม่ได้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่ยังนิ่งเฉย หรือทำไม่เต็มหน่วย หรือจะเกษียณแล้วก็ไม่ทำอะไรเลย ถ้าไม่มีปัญหาสำคัญไม่เป็นไร แต่ถ้ามีปัญหาสำคัญก็ต้องจัดการให้จบ เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่ตนยังอยากเห็นกระทรวงมหาดไทยเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขวิกฤตของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตของชีวิต วิกฤตยาเสพติด


นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยาเสพติดถือเป็นเรือธงอันดับหนึ่ง ตนจะทำที่มหาดไทยให้เห็นผล อย่างน้อยต้องความเปลี่ยนแปลงความคืบหน้าในช่วงที่ตนมา 3 เดือนแรก และจะวางต่อไป เพราะก่อนที่ตนจะมามหาดไทย ตนได้จัดการแก้ปัญหา โดยเป็นผู้รับผิดชอบ Seal Stop Safe ด้วย น่าจะประมาณ 14 จังหวัด แต่ตอนนี้ที่อยากทำไม่ได้เน้น 14 จังหวัด แต่เน้นผู้ว่าทั้งประเทศ เพราะวิกฤติยาเสพติด เป็นวิกฤติที่คนดีหมดความอดทนแล้ว เพราะต้องเผชิญกับทุกข์ที่ไม่ได้ก่อ พร้อมระบุจากการลงพื้นที่ ชาวบ้านบอกว่าเรื่องในหมู่บ้านรู้หมด รู้ว่าใครขาย ใครเป็นแหล่งกระจาย ใครสมคบกับข้าราชการดำเนินการทั้งหมด เพราะฉะนั้นวันนี้ต้องหยุด ประชาชนรู้หมด แต่ผู้กำกับ นายอำเภอ ผู้ว่าฯ ผู้การ ไม่ค่อยรู้ ก็จะมาตรวจสอบดูว่ามันเป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องเป็นคนควบคุมในจังหวัดทั้งหมด ผู้การจังหวัดก็ต้องควรรู้ ภาพรวมที่ผ่านมาเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ตอนนี้สำหรับมหาดไทย เป็นเรือธงสำคัญที่ต้องผลักดันให้ได้ ตนจะดำเนินการร่วมกับศูนย์ปราบปรามยาเสพติดของ ป.ป.ส. และของทหาร ตำรวจที่เกี่ยวข้อง รู้สึกจะประชุมวันที่ 14 กรกฎาคมนี้ ซึ่งจะบูรณาการร่วมกันทั้งหมด

นายภูมิธรรม กล่าวว่า การที่ตนเป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และวันนี้มาดูมหาดไทยก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะที่ผ่านมายังไม่มีกลไกมหาดไทย เข้าไปอยู่ในความรับผิดชอบ ในเมื่อทุกอย่างมาอยู่ร่วมกัน ก็ควรทำงานให้เป็นเอกภาพ นอกจากนี้ถ้าเกี่ยวพันร่วมกันทั้งหมด ก็จะมีการปราบปรามผู้มีธิพล ปราบปรามอาชญากรข้ามชาติ ปราบปรามภัยร้ายแรงทั้งหลาย ซึ่งเดี๋ยวนี้เป็นภัยข้ามชาติแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็ได้รวบรวมข้อมูลมาในขั้นต้น ก็รู้หมดโดยเฉพาะส่วนสำคัญ สืบสาวไปได้หมดว่าบัญชีม้าที่เกิดขึ้นผ่านใครไปบ้าง ตอนนี้ตนดูแล ปปง. ด้วยก็ต้องใช้ ปปง. ในการสาวเส้นทางการเงิน ซึ่งเชื่อว่าอีกไม่นานเร็วๆนี้ จะทยอยให้เห็นว่าใครเข้าไปเกี่ยวข้อง อยากให้ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าฯ นายอำเภอทุกคน ผู้รับผิดชอบในกระทรวงมหาดไทยทุกคน เรื่องนี้ต้องหยุด เพราะส่งผลกระทบถึงประชาชนทุกระดับ ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่อยากให้จัดการ

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนเข้าใจในปรัชญาของกระทรวงมหาดไทย วันนี้ทุกคนได้รับการโปรดเกล้าฯ คือได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้มาทำงาน ซึ่งในพระบรมราโชวาทที่มอบให้กับรัฐมนตรีทุกคน ก็คือให้มาช่วยจัดการภัยพิบัติ ดูแลปัญหาทุกทุกข์ประชาชน เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นเรื่องสำคัญ.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านหนักสุดเป็นประวัติการณ์

น่าน 24 ก.ค. – ยังน่าห่วง น้ำท่วมเขตเศรษฐกิจและตัวเมืองน่าน หนักสุดเป็นประวัติการณ์ บางจุดท่วมสูงถึงชั้น 2 ของบ้าน ประชาชนติดอยู่ในบ้านกลางน้ำ ยิ่งค่ำยิ่งลำบาก .-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือด “ไทย-กัมพูชา”

24 ก.ค. – ไล่เรียงไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นในวันนี้ (24 ก.ค.) มีที่มาที่ไปอย่างไร พลันที่ชุดลาดตระเวน กองพันทหารราบที่ 14 เหยียบกับระเบิดที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเย็นวานนี้ (23 ก.ค.) ทำให้ทหาร 1 นาย บาดเจ็บสาหัสขาขาด อีก 4 นาย บาดเจ็บ ซ้ำรอยเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ทำให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดถึงขีดสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยกระดับมาตรการตอบโต้สั่งปิดด่าน 4 แห่ง คือ ช่องอานม้า, ช่องสะงำ, ช่องจอม และช่องสายตะกู พร้อมปิดสถานที่ท่องเที่ยว 2 แห่ง คือ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควายทันที 07.35 น. วันนี้ (24 ก.ค.) ความรุนแรงเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม รายงานว่าได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ […]

ไม่พลาดเป้า! เอฟ-16 ทิ้งบอมบ์รอบ 2 กลับฐานปลอดภัย

24 ก.ค.- ทอ.เปิดปฏิบัติการ ส่งเอฟ-16 ทิ้งบอมบ์ฝั่งกัมพูชาไม่พลาดเป้า กลับฐานแล้วอย่างปลอดภัย เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 ก.ค.68 กองทัพอากาศ เปิดปฏิบัติการ ส่ง F-16 รอบ 2 ของวันนี้ 4 เครื่อง ในการโจมตีทางอากาศตอบโต้กองทัพกัมพูชา ในจุดสำคัญ ทางทิศใต้ของปราสาทตาเมือนธม ไม่พลาดเป้า โดยล่าสุด 17.00 น. F-16 ทั้ง 4 เครื่อง กลับฐานบิน ปลอดภัย หลังสนับสนุน เปิดปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” -สำนักข่าวไทย