สศช. 18 ก.พ.-สศช.เผยตัวเลขจีดีพีปี 2561 ขยายตัวร้อยละ 4.1น้อยกว่าคาดการณ์เดิม แต่เป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 6 ปี ส่วนจีดีพีปีนี้คาดขยายตัวร้อยละ
4 พร้อมคาดเงินสะพัดเลือกตั้งกระตุ้นจีดีพีร้อยละ 0.1-0.2 แต่ห่วงการจัดทำงบประมาณปี 2563 ล่าช้าช่วงรอยต่อหลังเลือกตั้ง
นายทศพร ศิริสัมพันธ์
เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ไตรมาส 4/2561 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 เร่งตัวจากการขยายตัวร้อยละ 3.2 ในไตรมาสก่อนหน้า
รวมตลอดปี 2561 เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 4.1 ต่ำกว่าที่คาดการณ์จะเติบโตร้อยละ 4.2
แต่เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ 4 ในปี2560 และเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 6 ปี โดยมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.7
การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 4.6 การลงทุนขยายตัวร้อยละ 3.8
ส่วนเศรษฐกิจไทยปี 2562 คาดว่า จะขยายตัวร้อยละ 3.5-4.5 ค่ากลางร้อยละ 4 โดยมีแรงหนุนจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือนยังมีแนวโน้มขยายตัวในเกณฑ์ดี
การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 4.2
การท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวจีนและยุโรป จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในไตรมาส 1
/2562 คาดนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยปีนี้ 41 ล้านคน รายได้ท่องเที่ยว 2.24 ล้านล้านบาท
ขณะที่คาดว่าการลงทุนโดยรวมขยายตัวที่ร้อยละ 5.1
ทั้งการลงทุนภาคเอกชน ขยายตัวร้อยละ 4.7
ลงทุนภาครัฐขยายตัวร้อยละ 6.2
จากความคืบหน้าของโครงการลงทุนภาครัฐ
ซึ่งมีโครงการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (
EEC) เพิ่มขึ้นร้อยละ 137.4
และการย้ายฐานการผลิตของบริษัทต่างชาติที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน
สำหรับมูลค่าการส่งออกในปีนี้ คาดว่าขยายตัวร้อยละ 4.1
เป็นการปรับลดลงจากการขยายตัวร้อยละ 4.6
ในการประมาณการครั้งก่อน เนื่องจากการค้าโลกชะลอตัว เหลือเติบโตร้อยละ 3.8 และผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน
รวมทั้งการปรับลดสมมุติฐานราคาสินค้าส่งออกจากร้อยละ 1-2
เป็นร้อยละ 0.5-1.5
ตามการปรับลดราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอยู่ที่ 67 -68 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ขณะที่บรรยากาศทางการเมืองและทิศทางหลังการเลือกตั้งยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม
โดยเฉพาะเม็ดเงินจากการเลือกตั้ง ทั้งงบประมาณจัดการเลือกตั้ง 6,100 ล้านบาท งบประมาณการหาเสียงของส.ส.เขต 16,690 ล้านบาท และงบค่าใช้จ่ายของพรรคการเมือง
ประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาท
ซึ่งขณะนี้เริ่มเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และคาดว่าจะมีผลกระตุ้นจีดีพีร้อยละ 0.1-0.2 ส่วนค่าเงินบาท เคลื่อนไหว 31.50-32.50
บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถประเมินทิศทางการเมืองหลังเลือกตั้งได้
โดยเป็นห่วงว่าการจัดทำงบประมาณปี 2563 อาจมีความเสี่ยงล่าช้า
ซึ่งอาจไม่ทัน 1 ตุลาคม 2562 ดังนั้นการอนุมัติงบประมาณโครงการลงทุนจะล่าช้าไปด้วย
จะกระทบทำให้แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4/2562 อาจลดลงตาม.-
สำนักข่าวไทย