เพื่อไทยปราศรัยใหญ่ ครั้งแรกในรอบ 5 ปี

กทม. 15 ก.พ.-พรรคเพื่อไทยเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งแรกในรอบ 5 ปี ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการ กทม. ระดมขุนพลนักการเมืองรุ่นเก๋า ชูนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจ  


บรรยากาศยิ่งดึกยิ่งคึกคัก เหล่าแกนนำรุ่นใหญ่ของพรรครวม 16 คน สลับขึ้นเวทีปราศรัย เรียกเสียงเชียร์จากผู้ที่มาสนับสนุน ต่างโชว์วิสัยทัศน์ ชูนโยบายสร้างรายได้ ขยายโอกาส ปฏิรูปการศึกษาการแก้ปัญหายาเสพติด พร้อมทั้งมั่นใจว่าจะชนะการเลือกตั้ง


พรรคเพื่อไทย จัดปราศรัยใหญ่ในกรุงเทพ ขนแกนนำคนสำคัญของพรรคปราศรัยคับคั่ง โดยทันทีที่ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคขึ้นเวที ก็เรียกเสียงฮือฮาจากประชาชนที่มาฟังนโยบาย ที่ลานคนเมือง โดยปราศรัยอย่างดุเดือดว่าขอให้เลือกพรรคเพื่อไทย เพื่อคืนอำนาจจากเผด็จการมาเป็นประชาธิปไตย และล้มการสืบทอดอำนาจ พร้อมมั่นใจว่าจะชนะการเลือกตั้ง โดยเชิญชวนให้คนเข้าคูหา เลือกรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง  

ขณะที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาเศรษฐกิจ ที่ต้องเร่งแก้ปัญหา ลดความเหลื่อมล้ำ กระจายรายได้ให้ทุกภาคส่วนมีความแข็งแรง โดยเฉพาะการผลิตสินค้าในประเทศต้องเข้มแข็ง 


คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ปราศรัยว่าครั้งสุดท้ายที่ได้ขึ้นปราศรัยคือปี 2548 เป็น 14 ปี และจากการลงพื้นที่ไปพบปะกับประชาชนพบว่า เศรษฐกิจแย่มาก นี่คือความเจ็บปวดจากคนทำงานพรรคเพื่อไทย ประชาชนถูกยึดอำนาจด้วยเหตุผลต่างๆ นานา และรัฐบาล คสช.สัญญาว่าจะคืนความสุขให้ประชาชนและสัญญาว่าขอเวลาอีกไม่นาน เป็นเวลากว่า 5 ปีแล้ว

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่าพรรคเพื่อไทย มีความพร้อมที่จะเข้ามาบริหารประเทศอย่างมืออาชีพ แก้ปัญหาในทุกมิติ วันนี้เพื่อไทยจะกลับมากู้เสียงประเทศให้เวทีโลก หมดเวลาให้รถถังแล้ว และไม่อยากแจกบัตรคนจนแล้ว อยากแจกบัตรคนรวย วันนี้ทุกคนต้องอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี จะไม่มีใครจนทุกคนต้องมีรายได้เพิ่มขึ้น

โดยคุณหญิงสุดารัตน์ ได้เปิดเผย 5 มาตรการกอบกู้เศรษฐกิจ โดยจะมีการปรับโครงสร้างหนี้ครั้งใหญ่ ให้นักธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กยืนให้ได้ เนื่องจากในอนาคตอันใกล้เศรษฐกิจจะแย่ โดยเพื่อได้จะให้คนไทยสามารถอยู่รอดในระบบเศรษฐกิจได้, เติมเงินทุนให้ประชาชน ตนเชื่อว่า ทุกคนอยากทำงานไม่อยากจน ไม่ต้องการรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปตลอดชีวิต ขยายแหล่งทุนให้สามารถเข้าถึงได้จึง ต้องมีธนาคารพัฒนารายได้ในทุกจังหวัด หรือ Finance Company, ชูทั้งโลกเป็นตลาดสินค้า ประชาชนต้องมีที่ขายของ ที่ต้องมีการจัดระเบียบแบบฉลาด พาสินค้าไทยไปบุกตลาดโลกให้สำเร็จ ซึ่งในอดีตทำมาแล้วและจะทำให้สำเร็จ, มาตรการอำนวยความสะดวกใบอนุญาต ลดการขออนุญาตที่ต้องง่ายโปร่งใสรวดเร็ว พร้อมกับชูนโยบายลดภาษีอย่างฉลาด แต่ไม่ใช่การรีดภาษีจากผู้มีรายได้น้อย 

ด้านการเกษตร คุณหญิงสุดารัตน์ เปิดเผยว่าพรรคเพื่อไทยมีนโยบายพักชำระหนี้เกษตรกร 3 ปี ,ภายใน 6 เดือนราคาสินค้าต้องเพิ่มค้น 30 %  ต่อไปนี้เกษตรกรต้องกำหนดราคาการขายสินค้าได้ และเป็นศูนย์กลางอาหารปลอดภัยสินค้าโลก และมีกองทุนการปรับเปลี่ยนหน้าดินและยืนยันว่าจะเป็นรายได้ที่ยั่งยืน

ด้านการท่องเที่ยวจะพัฒนาให้ กทม. เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวโลก โดยตั้งเป้า 2 ปี เพิ่มนักท่องเที่ยว 50 ล้านคน เม็ดเงิน 3 ล้านล้านบาท และสร้างความมั่นใจในความปลอดภัย พร้อมกับสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ เตรียมเสนอยกเลิกวีซ่าไทย-จีน เพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเป็น 15 ล้านคน พร้อมพัฒนา Street Food เป็นศูนย์กลางดึงดูดนักท่องเที่ยว

พร้อมเสนอ Smart Small Business Center สร้างให้คนรุ่นใหม่มีธุรกิจของตนเอง โดยจะตัดงบประมาณมาจากกระทรวงกลาโหม 10% เนื่องจากจะไม่มีการเกณฑ์ทหาร นำคนรุ่นใหม่มาสร้างนักธุรกิจรุ่นใหม่ พร้อมกับมีกองทุนคนเปลี่ยนงาน บัตรทองสตาร์ทอัพ มีสิทธิพิเศษนอกเหนือเขตอีอีซี 

ส่วนการรักษาพยาบาล จะนำ 30 บาทรักษาทุกโรค ยาดี รักษาดี ไม่ต้องรอคิว มีหมอประจำตัวอยู่ในโทรศัพท์มือถือ

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะทวงคืนอากาศดีภายใน 3 ปี จะตั้งศูนย์วอร์รูมต้านฝุ่นพิษ และจะบอกความจริงกับประชาชน พร้อมเร่งนำเข้าหน้ากากและเครื่องฟอกอากาศแบบไม่มีภาษี เพื่อให้ประชาชนมีเครื่องป้องกันตัวเอง และใน 4 ปีจะเปลี่ยนรถเมล์ทั้งหมดให้เป็นระบบไฟฟ้า แทนการซื้อรถถังจากจีน

“โดย 4 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาล คสช.ใช้งบประมาณไป 14.4 ล้านล้านบาท ประชาชนมีหนี้สะสมเพิ่มมากขึ้น และเป็นไปตามที่รัฐบาล คสช.สัญญาไว้เมื่อ 2 ปี ก่อนว่าคนจนจะหมดไป แต่ตอนนี้จนทั่วหน้า และการเลือกตั้งในครั้งนี้เลือกตั้งใบเดียวเลือกทั้งคน พรรค และนายกรัฐมนตรี และขอให้จำเพียงโลโก้ของพรรคเพื่อไทย ตนเชื่อว่าทุกคนจำได้เพราะถูกสลักไว้ในใจคนไทยอยู่แล้ว ส่วน ส.ว. จำนวน 250 คนมาจากการคัดเลือกของ คสช. และมีสิทธิ์เลือกนายกรัฐมนตรี พร้อมกับสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ถึง 2 สมัย ถือว่าเป็นการร่างรัฐธรรมนูญที่เอาเปรียบมากที่สุด โดยกติกาจะไม่ยิ่งใหญ่ไปกว่าหัวใจประชาชนไทย ซึ่งต้องจับมือกันให้แน่นออกจากทุกข์”

สำหรับการปราศรัยใหญ่ ในกรุงเทพฯ ครั้งนี้ ได้มีการเปิดตัวผู้สมัครกรุงเทพมหานครของพรรคเพื่อไทย ทั้ง 22 เขต โดยแกนนำแต่ละคน เน้นการนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ, พัฒนาประเทศ ทำกระบวนการกฎหมายให้ยุติธรรม สร้างคนสร้างชาติด้วยการศึกษา เรียนฟรี 15 ปี และปรับลดดอกเบี้ย กยศ. โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักผู้สนับสนุนพรรคร่วมร้องเพลง และชูป้ายเชียร์ผู้สมัครพรรคในเขตต่างๆ ตลอดการปราศรัยด้วย .- สำนักข่าวไทย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย

ครม.เคาะเยียวยาผู้เสียชีวิตเหตุชายแดน รายละ 8-10 ล้าน

กรุงเทพฯ 5 ส.ค. – ครม. อนุมัติเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รายละ 8-10 ล้านบาท พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข่าวปลอม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการกระชุม ครม. วาระสำคัญของรัฐบาล “ก้าวผ่านสองวิกฤติ เดินหน้าไปด้วยกัน” โดยระบุว่า รัฐบาลขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักของครอบครัวทุกๆ ครอบครัว แม้ว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นจะประเมินเป็นมูลค่ามิได้ แต่รัฐบาลจะขอผนึกกำลังจากทุกภาคส่วน เพื่อชดเชยความสูญเสียต่อชีวิต ทรัพย์สิน และรายได้ของพี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบ โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเงินเยียวยาให้แก่ครอบครัวทหารที่เสียชีวิต รวมรายละ 10 ล้านบาท และครอบครัวประชาชนที่เสียชีวิต รวมรายละ 8 ล้านบาท พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและวิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันข่าวปลอม ที่มุ่งหมายจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงสถานการณ์ที่ไทยเราต้องประสบกับมาตรการภาษีการค้าจากสหรัฐอเมริกา ขอยืนยันว่าได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างรอบคอบและต่อเนื่อง โดยยึดหลักผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ ส่วนการที่สหรัฐอเมริกาประกาศอัตราภาษีการค้าของไทยที่ร้อยละ 19 ทำให้ไทยยังคงมีศักยภาพแข่งขันได้ในเวทีโลก และยังคงความได้เปรียบประเทศคู่แข่งขันในภูมิภาค รัฐบาลจึงได้กำหนดมาตรการทางการเงิน ทั้งมาตรการ Soft loan มาตรการพักชำระหนี้ การส่งเสริมให้คนไทยใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศ และการตั้งงบประมาณเพื่อสนับสนุนและรองรับการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย ทั้งรายใหญ่และรายย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความเข้มแข็งให้แก่พี่น้องเกษตรกรไทย เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนจะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ไปด้วยกันได้อย่างมั่นคง […]