เพื่อไทยปราศรัยใหญ่ ครั้งแรกในรอบ 5 ปี

กทม. 15 ก.พ.-พรรคเพื่อไทยเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งแรกในรอบ 5 ปี ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการ กทม. ระดมขุนพลนักการเมืองรุ่นเก๋า ชูนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจ  


บรรยากาศยิ่งดึกยิ่งคึกคัก เหล่าแกนนำรุ่นใหญ่ของพรรครวม 16 คน สลับขึ้นเวทีปราศรัย เรียกเสียงเชียร์จากผู้ที่มาสนับสนุน ต่างโชว์วิสัยทัศน์ ชูนโยบายสร้างรายได้ ขยายโอกาส ปฏิรูปการศึกษาการแก้ปัญหายาเสพติด พร้อมทั้งมั่นใจว่าจะชนะการเลือกตั้ง


พรรคเพื่อไทย จัดปราศรัยใหญ่ในกรุงเทพ ขนแกนนำคนสำคัญของพรรคปราศรัยคับคั่ง โดยทันทีที่ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคขึ้นเวที ก็เรียกเสียงฮือฮาจากประชาชนที่มาฟังนโยบาย ที่ลานคนเมือง โดยปราศรัยอย่างดุเดือดว่าขอให้เลือกพรรคเพื่อไทย เพื่อคืนอำนาจจากเผด็จการมาเป็นประชาธิปไตย และล้มการสืบทอดอำนาจ พร้อมมั่นใจว่าจะชนะการเลือกตั้ง โดยเชิญชวนให้คนเข้าคูหา เลือกรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง  

ขณะที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาเศรษฐกิจ ที่ต้องเร่งแก้ปัญหา ลดความเหลื่อมล้ำ กระจายรายได้ให้ทุกภาคส่วนมีความแข็งแรง โดยเฉพาะการผลิตสินค้าในประเทศต้องเข้มแข็ง 


คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ปราศรัยว่าครั้งสุดท้ายที่ได้ขึ้นปราศรัยคือปี 2548 เป็น 14 ปี และจากการลงพื้นที่ไปพบปะกับประชาชนพบว่า เศรษฐกิจแย่มาก นี่คือความเจ็บปวดจากคนทำงานพรรคเพื่อไทย ประชาชนถูกยึดอำนาจด้วยเหตุผลต่างๆ นานา และรัฐบาล คสช.สัญญาว่าจะคืนความสุขให้ประชาชนและสัญญาว่าขอเวลาอีกไม่นาน เป็นเวลากว่า 5 ปีแล้ว

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่าพรรคเพื่อไทย มีความพร้อมที่จะเข้ามาบริหารประเทศอย่างมืออาชีพ แก้ปัญหาในทุกมิติ วันนี้เพื่อไทยจะกลับมากู้เสียงประเทศให้เวทีโลก หมดเวลาให้รถถังแล้ว และไม่อยากแจกบัตรคนจนแล้ว อยากแจกบัตรคนรวย วันนี้ทุกคนต้องอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี จะไม่มีใครจนทุกคนต้องมีรายได้เพิ่มขึ้น

โดยคุณหญิงสุดารัตน์ ได้เปิดเผย 5 มาตรการกอบกู้เศรษฐกิจ โดยจะมีการปรับโครงสร้างหนี้ครั้งใหญ่ ให้นักธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กยืนให้ได้ เนื่องจากในอนาคตอันใกล้เศรษฐกิจจะแย่ โดยเพื่อได้จะให้คนไทยสามารถอยู่รอดในระบบเศรษฐกิจได้, เติมเงินทุนให้ประชาชน ตนเชื่อว่า ทุกคนอยากทำงานไม่อยากจน ไม่ต้องการรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปตลอดชีวิต ขยายแหล่งทุนให้สามารถเข้าถึงได้จึง ต้องมีธนาคารพัฒนารายได้ในทุกจังหวัด หรือ Finance Company, ชูทั้งโลกเป็นตลาดสินค้า ประชาชนต้องมีที่ขายของ ที่ต้องมีการจัดระเบียบแบบฉลาด พาสินค้าไทยไปบุกตลาดโลกให้สำเร็จ ซึ่งในอดีตทำมาแล้วและจะทำให้สำเร็จ, มาตรการอำนวยความสะดวกใบอนุญาต ลดการขออนุญาตที่ต้องง่ายโปร่งใสรวดเร็ว พร้อมกับชูนโยบายลดภาษีอย่างฉลาด แต่ไม่ใช่การรีดภาษีจากผู้มีรายได้น้อย 

ด้านการเกษตร คุณหญิงสุดารัตน์ เปิดเผยว่าพรรคเพื่อไทยมีนโยบายพักชำระหนี้เกษตรกร 3 ปี ,ภายใน 6 เดือนราคาสินค้าต้องเพิ่มค้น 30 %  ต่อไปนี้เกษตรกรต้องกำหนดราคาการขายสินค้าได้ และเป็นศูนย์กลางอาหารปลอดภัยสินค้าโลก และมีกองทุนการปรับเปลี่ยนหน้าดินและยืนยันว่าจะเป็นรายได้ที่ยั่งยืน

ด้านการท่องเที่ยวจะพัฒนาให้ กทม. เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวโลก โดยตั้งเป้า 2 ปี เพิ่มนักท่องเที่ยว 50 ล้านคน เม็ดเงิน 3 ล้านล้านบาท และสร้างความมั่นใจในความปลอดภัย พร้อมกับสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ เตรียมเสนอยกเลิกวีซ่าไทย-จีน เพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเป็น 15 ล้านคน พร้อมพัฒนา Street Food เป็นศูนย์กลางดึงดูดนักท่องเที่ยว

พร้อมเสนอ Smart Small Business Center สร้างให้คนรุ่นใหม่มีธุรกิจของตนเอง โดยจะตัดงบประมาณมาจากกระทรวงกลาโหม 10% เนื่องจากจะไม่มีการเกณฑ์ทหาร นำคนรุ่นใหม่มาสร้างนักธุรกิจรุ่นใหม่ พร้อมกับมีกองทุนคนเปลี่ยนงาน บัตรทองสตาร์ทอัพ มีสิทธิพิเศษนอกเหนือเขตอีอีซี 

ส่วนการรักษาพยาบาล จะนำ 30 บาทรักษาทุกโรค ยาดี รักษาดี ไม่ต้องรอคิว มีหมอประจำตัวอยู่ในโทรศัพท์มือถือ

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะทวงคืนอากาศดีภายใน 3 ปี จะตั้งศูนย์วอร์รูมต้านฝุ่นพิษ และจะบอกความจริงกับประชาชน พร้อมเร่งนำเข้าหน้ากากและเครื่องฟอกอากาศแบบไม่มีภาษี เพื่อให้ประชาชนมีเครื่องป้องกันตัวเอง และใน 4 ปีจะเปลี่ยนรถเมล์ทั้งหมดให้เป็นระบบไฟฟ้า แทนการซื้อรถถังจากจีน

“โดย 4 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาล คสช.ใช้งบประมาณไป 14.4 ล้านล้านบาท ประชาชนมีหนี้สะสมเพิ่มมากขึ้น และเป็นไปตามที่รัฐบาล คสช.สัญญาไว้เมื่อ 2 ปี ก่อนว่าคนจนจะหมดไป แต่ตอนนี้จนทั่วหน้า และการเลือกตั้งในครั้งนี้เลือกตั้งใบเดียวเลือกทั้งคน พรรค และนายกรัฐมนตรี และขอให้จำเพียงโลโก้ของพรรคเพื่อไทย ตนเชื่อว่าทุกคนจำได้เพราะถูกสลักไว้ในใจคนไทยอยู่แล้ว ส่วน ส.ว. จำนวน 250 คนมาจากการคัดเลือกของ คสช. และมีสิทธิ์เลือกนายกรัฐมนตรี พร้อมกับสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ถึง 2 สมัย ถือว่าเป็นการร่างรัฐธรรมนูญที่เอาเปรียบมากที่สุด โดยกติกาจะไม่ยิ่งใหญ่ไปกว่าหัวใจประชาชนไทย ซึ่งต้องจับมือกันให้แน่นออกจากทุกข์”

สำหรับการปราศรัยใหญ่ ในกรุงเทพฯ ครั้งนี้ ได้มีการเปิดตัวผู้สมัครกรุงเทพมหานครของพรรคเพื่อไทย ทั้ง 22 เขต โดยแกนนำแต่ละคน เน้นการนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ, พัฒนาประเทศ ทำกระบวนการกฎหมายให้ยุติธรรม สร้างคนสร้างชาติด้วยการศึกษา เรียนฟรี 15 ปี และปรับลดดอกเบี้ย กยศ. โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักผู้สนับสนุนพรรคร่วมร้องเพลง และชูป้ายเชียร์ผู้สมัครพรรคในเขตต่างๆ ตลอดการปราศรัยด้วย .- สำนักข่าวไทย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พระขโมยรถยนต์โยมวันเข้าพรรษา

กาฬสินธุ์ 12 ก.ค.-วงการผ้าเหลืองไม่แผ่ว พระหนุ่มขโมยรถยนต์ญาติโยมที่มาทำบุญวันเข้าพรรษา ถูกตำรวจสกัดจับได้ทันควัน ตำรวจ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สกัดจับรถเก๋งสีดำคันบริเวณสี่แยกไฟแดง อ.สมเด็จ หลังรับแจ้งว่าพระสงฆ์หนุ่มแอบขโมยรถจากญาติโยมที่มาทำบุญในวันเข้าพรรษา แล้วขับหนีมาทาง อำเภอสมเด็จ ตำรวจจึงออกสกัดจับจนเจอ ส่วนพระสงฆ์ที่ก่อเหตุมีอาการพูดจาวกไปวนมา ตำรวจจึงนำตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก และแจ้งให้เจ้าของรถมารับรถคืน เตรียมดำเนินคดีกับพระรูปนี้ต่อไป หลังสึกจากการเป็นพระ.-สำนักข่าวไทย

น้ำป่าทะลักท่วมแพร่ บ้านเรือนเสียหายหนัก

แพร่ 12 ก.ค.-ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรช่วงกลางดึก เสียหาย 2 อำเภอ เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนในตำบลแดนชุมพล จังหวัดแพร่ และอำเภอร้องกวางบางส่วน เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มและแนวทางน้ำธรรมชาติที่รับน้ำจากภูเขาและป่าใกล้เคียง ปริมาณน้ำที่หลากเข้ามาเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว ทรัพย์สินของประชาชนบางส่วนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านโทกค่า อำเภอสอง จังหวัดแพร่ หลายหลังคาเรือนได้รับผลกระทบเนื่องจาก ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ปีนี้น้ำมากกว่าทุกปี ทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ได้รับความเสียหาย ครั้งสุดท้ายที่เคยท่วม ตั้งแต่ปี 2538 .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ปมมีชื่อพระโผล่คลิปสีกา ก.

กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ เผยกรณีปรากฏชื่อ “พระปริยัติธาดา” ในคลิปพัวพันสีกา ก. มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร จากกรณีปรากฏรายชื่อพระในคลิปมีความสัมพันธ์กับ “สีกา ก.” จนถึงขั้นปาราชิก หนึ่งในนั้นคือ พระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และมีรายงานข่าวว่าท่านหายตัวจากวัดหลังจากตกเป็นข่าว ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดกัลยาณมิตรฯ พบว่าพระของวัดทุกรูปลงโบสถ์เพื่อประกอบศาสนกิจเนื่องในวันเข้าพรรษา ภายในพระอุโบสถ ภายหลังประกอบศาสนกิจลงโบสถ์ของพระวัดกัลยาณมิตรฯ เสร็จสิ้น พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ได้ถ่ายรูปกับพระใหม่และพระสงฆ์ในวัด และให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพ พร้อมกับพูดคุยเบื้องต้น กรณีปรากฏชื่อของพระปริยัติธาดา เป็นหนึ่งในบุคคลในคลิปที่เกี่ยวข้องกับสีกา ก. ว่าส่วนตัวไม่ทราบ คนเราไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่น มองเป็นเรื่องธรรมชาติในสังคมที่มีทั้งคนดีและไม่ดี เรื่องนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร และอยากถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เพื่อขอดูคลิปที่กล่าวอ้าง ถ้าภาพมันชัดเจนก็ต้องออกตามกฎ ซึ่งใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อถามว่า พระปริยัติธาดา ออกไปจากวัดตั้งแต่เมื่อไร พระพรหมกวี บอกว่า ท่านออกไปจากวัด 6-7 วันแล้ว ก็ออกไปเฉยๆ ไม่ได้สึกออกไป และไม่รู้ว่าตอนนี้สึกหรือยัง แต่หากจะสึกต้องแจ้งมาที่วัด […]

ข่าวแนะนำ

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิกพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ตาวัย 71 ปี ขับรถพุ่งชนรถพ่วงเสียชีวิต

สมุทรสงคราม 13 ก.ค.-ตาวัย 71 ปี ขับเก๋งพุ่งชนกลางลำรถพ่วงบรรทุกเสาเข็มขณะกำลังกลับรถ เสียชีวิตบนถนนสมุทรสงครามบางแพ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม กล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะรถพ่วงบรรทุกเสาเข็มกำลังกลับรถทำให้ตัวรถขวางถนน จังหวะนั้นรถเก๋ง ขับมาด้วยความเร็ว พุ่งชนเข้ากลางลำรถพ่วง เหตุเกิดบนถนนสมุทรสงครามบางแพ บริเวณจุดกลับรถหน้าโรงบรรจุแก๊สหุงต้ม ฝั่งขาเข้าแม่กลอง ม.9 ต.บางช้าง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ช่วงเวลา 19.18 น.วานนี้ (12 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อัมพวา รับแจ้ง จึงเข้าตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย ที่เกิดเหตุพบนายชาญพินิต ส่งชัย อายุ 71 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร คาดเข็มขัดนิรภัย นั่งหมดสติไม่รู้สึกตัวบนเบาะคนขับ เจ้าหน้าที่ต้องใช้อุปกรณ์ตัดถ่างประมาณ 5 นาที กว่าจะนำร่างนายชาญพินิต ออกมาและพยายามปั๊มหัวใจช่วยชีวิต แต่นายชาญพินิต เสียชีวิตแล้ว ใกล้กันพบรถพ่วง 22 ล้อ ลูกพ่วงไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดขวางถนนในลักษณะกำลังกลับรถ บริเวณล้อหลังรถพ่วงมี 3 เพลา รวม 12 ล้อ […]

เตรียมขอข้อมูลเส้นทางการเงิน 4 วัดดัง

13 ก.ค. – ตำรวจเตรียมขอข้อมูลเส้นทางการเงิน 4 วัดดัง เข้าข่ายยักยอกเงินวัด โอนให้สีกา ก. หรือไม่ พบเจ้าอาวาสหนึ่งใน 4 วัด โอนกว่า 1 ล้านบาท ความคืบหน้าการตรวจสอบเส้นทางการเงินของสีกา ก. จากข้อมูลการสืบสวน ตำรวจเตรียมขอความร่วมมือเข้าตรวจสอบวัดที่พบว่ามีความเกี่ยวข้อง 4 วัด ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ได้แก่ วัดชูจิตธรรมาราม พระอารามหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา, วัดใหญ่จอมปราสาท จ.สมุทรสาคร, วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ขอตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระชั้นผู้ใหญ่และบัญชีวัด เพื่อหาข้อเท็จจริงว่าเงินที่โอนให้สีกา ก. เป็นเงินส่วนตัวหรือเงินวัด หลังพบว่าพระบางรูปที่มีความสัมพันธ์กับสีกา ก. รวบอำนาจการบริหารจัดการเงินของวัดเพื่อให้ทำธุรกรรมได้สะดวก โดยเฉพาะเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท พบเส้นทางการเงินโอนให้สีกา ก. 2 บัญชี เป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท ส่วนพระรูปอื่นๆ ที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ ส่วนสีกา ก. จะมีเจตนาในการข่มขู่รีดไถเงินจากพระหรือไม่ ทางการสอบสวนยังไม่พบหลักฐานชัดเจนเพราะเป็นรสนิยมส่วนตัว โดยพุ่งเป้าเข้าหาพระชั้นผู้ใหญ่ เพื่อมีความสัมพันธ์และนำเงินมาใช้ส่วนตัว […]