สทนช.เตรียมชงแผนรับมือฤดูร้อน

กรุงเทพฯ 12 ก.พ. – สทนช.ถกหน่วยเกี่ยวข้องติวเข้มมาตรการป้องกันผลกระทบขาดแคลนน้ำ หลังกรมอุตุฯ คาดไทยเข้าสู่ฤดูร้อนปลาย ก.พ. – พ.ค. เตรียมชง “บิ๊กฉัตร” เห็นชอบมาตรการป้องผลกระทบ


นายสมเกียรติ  ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า ตามที่ สทนช.จัดการประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำและสภาพอากาศของประเทศไทย เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์  3 เดือนหน้า ปริมาณฝนรวมของประเทศไทยจะต่ำกว่าค่าปกติในภาคเหนือ และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยปริมาณฝนรวมต่ำกว่าปกติร้อยละ 5  ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตะวันออก และกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ปริมาณฝนรวมต่ำกว่าปกติ ร้อยละ 10 และฤดูร้อนของประเทศไทยปีนี้คาดว่าจะเริ่มประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์และจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนพฤษภาคม โดยฤดูร้อนปีนี้คาดว่าอุณหภูมิบริเวณประเทศไทยตอนบนจะสูงกว่าค่าปกติและสูงกว่าปีที่แล้ว ส่วนปริมาณฝนจะต่ำกว่าค่าปกติร้อยละ 10-30 เว้นแต่เดือนเมษายนที่มีฝนใกล้เคียงปกติบริเวณภาคเหนือ  จากลักษณะอากาศดังกล่าวอาจส่งผลให้เพิ่มความสูญเสียน้ำในระบบและแหล่งน้ำมากขึ้น 

นายสมเกียรติ กล่าวว่า สทนช.ได้ประสานขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มข้นควบคุมการจัดสรรน้ำให้เป็นไปตามแผน พร้อมงดส่งน้ำนอกแผน การตรวจสอบพื้นที่เพาะปลูกเกินแผน จัดทำทะเบียนเกษตรกรที่เพาะปลูกพืชรอบ 2 แจ้งเตือนเกษตรกรงดการปลูกพืชฤดูแล้งและพืชต่อเนื่อง  พร้อมทั้งแจ้งเตือนขอความร่วมมือทุกภาคส่วนก่อนจะดำเนินการตาม พ.ร.บ.น้ำ พ.ศ. 2561 ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์พื้นที่ที่มีการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งมากกว่าแผนปี 2561/2562 จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมชลประทาน  GISTDA กรมทรัพยากรน้ำ  โดยมีการเปรียบเทียบแผนและผลการเพาะปลูกทั้งในเขตชลประทานและนอกเขตชลประทานรายจังหวัด พบว่าในเขตพื้นที่ชลประทานมีแผนเพาะปลูกข้าว 8.03 ล้านไร่ ผล 7.69 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 96  แม้ว่าภาพรวมมีพื้นที่ปลูกไม่เกินแผน แต่พบว่ามีบางพื้นที่มีการเพาะปลูกข้าวเกินแผน 822,082 ไร่ ใน 24 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร นครสวรรค์ พะเยา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี ขอนแก่น อำนาจเจริญ อุบลราชธานี กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี ลพบุรี ชลบุรี ตราด ปราจีนบุรี ระยอง สระแก้ว สุพรรณบุรี และจังหวัดตรัง ขณะที่นอกเขตพื้นที่ชลประทานภาพรวมยังไม่เกินแผนเช่นเดียวกัน โดยแผนเพาะปลูกข้าว 3.18 ล้านไร่ ผล 2.02 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 64 มีการเพาะปลูกข้าวเกินแผนบางพื้นที่ 34,142 ไร่ ใน 4 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก บุรีรัมย์ สุรินทร์ และพระนครศรีอยุธยา ซึ่ง สทนช.ได้ประสานขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบจัดสรรน้ำทั้งในและนอกเขตขลประทาน วิเคราะห์หาสาเหตุพื้นที่ที่มีการปลูกพืชต่ำกว่าแผน ทำให้พื้นที่อื่นที่มีความพร้อมอาจขาดโอกาสในการใช้น้ำเพื่อการปลูกพืชด้วย 


อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทุกหน่วยงานได้ร่วมกันกำหนดกรอบแนวทางและมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาความเสี่ยงขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2561/2562 ประกอบด้วย 5 มาตรการหลัก โดย สทนช.จะได้นำเสนอต่อพลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะอนุกรรมการวิเคราะห์ติดตามสถานการณ์น้ำฯ รับทราบ  ได้แก่ 1.ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมจัดทำมาตรการควบคุมพื้นที่เพาะปลูกพืชให้สอดคล้องกับแผนการจัดสรรน้ำ 2.ติดตามเฝ้าระวังสภาพน้ำในลำน้ำสายหลักและพื้นที่เสี่ยงภัยต่าง ๆ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ทางจังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ราษฎรในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทราบและเตรียมการป้องกัน 3.การประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ รณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงขาดแคลนน้ำ ใช้น้ำในช่วงฤดูแล้งนี้อย่างประหยัดโดยเฉพาะเพื่อการอุปโภคบริโภค ไม่ปลูกพืชฤดูแล้ง โดยเฉพาะการขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 22 จังหวัด ในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา ให้ช่วยประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรไม่เพาะปลูกข้าวต่อเนื่องหลังการเก็บเกี่ยว และปรับเปลี่ยนอาชีพอื่น เนื่องจากมีการเพาะปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่ตอนบนมากกว่าแผนฯ ทำให้ต้องเพิ่มการระบายมากกว่าแผนเป็นช่วง ๆ เพื่อรักษาระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาและระบบชลประทาน รวมถึงควบคุมคุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด 4.การเตรียมความพร้อมในด้านเครื่องจักร-เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ รถขุด เรือขุด วัสดุอุปกรณ์ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนหรือพื้นที่เกษตรที่รอเก็บเกี่ยวให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด และ 5.ขอให้ทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบบริหารจัดการแหล่งน้ำเตรียมการจัดทำบัญชีรายชื่อแหล่งน้ำ ผู้ใช้น้ำ โดยแสดงขอบเขตของพื้นที่ที่รับผิดชอบในเชิงพื้นที่ตามที่ระบุใน พ.ร.บ. น้ำ พ.ศ. 2561 โดย สทนช.จะกำหนดแนวทางปฏิบัติต่อไป .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ใบประกอบวิชาชีพครู

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู”

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” แนะรีบต่ออายุใบอนุญาต หลังคุรุสภาออกมาตรการ 5 ต. คุมเข้มทุกโรงเรียนทั่วไทย

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล หรือ TDAC ล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วันก่อนเดินทาง ตามกฎใหม่ ตม.

พีชเรียกอาต่าย

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” โอ้อวดเรียก “อาต่าย” ลั่นไม่ใช่ญาติ

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” คู่กรณีรถกระบะ โอ้อวดเรียก “อาต่าย” รู้จักคนในรัฐบาล หวังผลคดี ลั่นไม่ใช่ญาติ สอนลูกเสมออย่าทำตัวเป็นขยะสังคม บอกประชาชนใช้วิจารณญาณเลือกตั้ง

“นายกเบี้ยว” ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้-ดูแลลุงคู่กรณี

“นายกเบี้ยว” รับจบแทนลูก ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้ ดูแลลุงคู่กรณี ระบุสอนลูกไม่ดี ไม่มีเวลาให้ลูก ปฏิเสธไม่สนิทกับ ผบ.ตร. อย่าเอาท่านมาแปดเปื้อน ส่วนที่ลูกชายยังไม่ไปเยี่ยมลุงคู่กรณี เนื่องจากกลัวโดนถูกโวยวาย

ข่าวแนะนำ

นักธรณีคาดดินยุบตัว เพราะเป็นจุดทางน้ำไหลผ่านจนเกิดโพรง

นักธรณีวิทยาลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุดินยุบตัวกินพื้นที่กว่า 4 ไร่ เบื้องต้นคาดเป็นจุดทางน้ำไหลผ่านจนเกิดโพรง ทำให้ดินยุบตัวเป็นวงกว้าง

ก.อุตฯ เตรียมส่งตรวจเหล็กตึก สตง. เพิ่ม 21 เม.ย.

ก.อุตสาหกรรม กางผลตรวจเหล็กตึก สตง.ถล่ม รอบแรก ก่อนส่งตรวจเพิ่มอีก 40 ท่อน 21 เม.ย. ย้ำผิดคือผิด! ผู้ผลิต-จนท.มีเอี่ยว เตรียมปิดเทอม

พายุฝนพัดต้นยางอายุร่วม 100 ปี ทับโรงครัววัดพังราบ

พายุฝนลมกระโชกแรง ซัดต้นยางอายุร่วม 100 ปี วัดนางเหลียว ล้มทับโรงครัวพังเสียหาย ชาวบ้านในงานศพตื่นตระหนก วิ่งหนีกระเจิง

ลุยรื้อถอนต่อเนื่องเข้าวันที่ 24 จนท.ทำงานหนักตลอด 24 ชม.

เดินหน้ารื้อถอนอาคาร สตง.ถล่ม เข้าสู่วันที่ 24 เจ้าหน้าที่ทำงานตลอด 24 ชม. เพื่อให้เสร็จตามแผน ขณะที่ภารกิจค้นหาผู้ติดค้างยังคงดำเนินต่อเนื่อง