สยามสแควร์วัน 11 ก.พ. – เวทีเสวนา ผ่าแนวคิดพรรคการเมือง อนาคตสุขภาพคนไทย เห็นตรงกัน ให้ประชาชนรับสิทธิอย่างทั่วถึง ต้องยกระดับมาตรฐานการให้บริการ และให้นำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มาช่วยแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้(11ก.พ.)มีการเสวนา เวทีผ่าแนวคิดพรรคการเมือง อนาคตสุขภาพคนไทย ซึ่งขึ้นโดยWorkpoint News ที่โรงละครเคแบงก์ สยามพิฆเนศ ชั้น 7 สยามสแควร์วัน เชิญผู้ร่วมเสวนาจากพรรคการเมืองต่างๆ โดยพรรคพลังประชารัฐคือนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ พรรคไทยรักษาชาติ นายจาตุรนต์ ฉายแสง พรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่นายจาตุรนต์ แจ้งยกเลิกไม่เข้าร่วมงาน
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงแนวคิดให้สิทธิรักษาฟรีเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ว่า เดิมหลักคิดของการมีหลักประกันสุขภาพท้วนหน้า คือ ต้องการให้ทุกคนได้รับสิทธิอย่างทั่วถึงและทัดเทียม ถ้าหากให้มีการแยกการใช้สิทธิการรักษาจะเกิดเป็นสองมาตราฐาน ดังนั้นควรปรับปรุงระบบการให้บริการ จัดงบประมาณให้โรงพยาบาล คืนโรงพยาบาลให้กับประชาชน โดยให้บริหารจัดการด้วยตัวเอง กำหนดให้ทุกหน่วยงานต้องช่วยกันส่งเสริมการรักสุขภาพ หรือมีหน้าที่ลดการเจ็บป่วย พร้อมมองว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่จะให้มีการรวมกองทุนสุขภาพ แต่ควรทำคุณภาพการรักษา และวิธีการบริหารของแต่ละกองทุนให้เกิดความทัดเทียมกัน
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่ควรแยกการรับสิทธิการรักษาพยาบาล เพราะทุกคนต้องได้รับการรักษาอย่างเท่าเทียม ดังนั้นต้องยกระดับมาตรฐานการให้บริการ ปรับปรุงระบบงบประมาณให้เกิดความมั่นใจ , ปฏิรูปปรับระบบภาษี เพื่อนำมาช่วยในส่วนของงบประมาณ , ส่วนโรคที่ใช้ค่ารักษาสูง จะต้องมีกองทุนเฉพาะมาช่วยระดมเงินเพิ่มเติม , กระจายอำนาจโดยให้ฝ่ายต่างๆมาช่วยจัดการบริหารจัดการอย่างบูรณาการและเชื่อมโยง , ใช้เทคโนโลยีมาเชื่อมโยงการจัดเก็บข้อมูล
ขณะที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า นโยบายด้านสุขภาพดังกล่าว ถือเป็นการต่อยอดครั้งสำคัญที่จะดูแลชีวิตของประชาชน ที่ทุกคนควรได้รับสิทธิอย่างทั่วถึง เท่าเทียม ส่วนตัวเชื่อว่าทรัพยากรของไทยมีมากเพียงพอที่จะดูแลสุขภาพของประชาชนได้ทุกกลุ่มทุกวัย แต่การบริหารยังมีช่องว่างที่คิดว่าสามารถปรับปรุงการให้บริการได้อีกมาก อาทิ การนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ , เพิ่มอำนาจความรับผิดชอบให้ อสม.ให้สามรถดูแลประชาชนในพื้นที่ได้ ซึ่งจะช่วยลดความแออัดในสถานพยาบาล และลดภาระงบประมาณได้ , ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแล เชื่อจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในระบบการรักษาได้
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่จะให้สิทธิการรักษาเฉพาะผู้มีรายได้น้อยเพราะทุกคนมีสิทธิป่วยและต้องได้รับการรักษาอย่างเท่าเทียม ดังนั้น ต้องเปลี่ยนชุมชนให้เป็นโรงพยาบาล ทำให้ชุมชนเป็นสถานที่อันดับแรกในการเริ่มการรักษา เปลี่ยนกระบวนทัศน์จากการรักษาเป็นการป้องกัน เพื่อให้เกิดสุขภาพดีเชิงรุกขึ้นได้ ปรับปรุงกองทุนที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพให้มีสิทธิประโยชน์ที่ชัดเจน ซึ่งขณะนี้พรรคมีแนวคิดที่จะลดข้อจำกัดสิทธิประโยชน์ให้สามารถใช้ได้ทุกโรงพยาบาล เชื่อว่าจะป้องกันการเหลื่อมล้ำในสังคมได้
สำหรับปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ทุกพรรคการเมืองที่มาร่วมเสนาในนี้เห็นพ้องให้มีการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี เข้ามาช่วยแก้ปัญหาฝุ่นละออง การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ทั้งการก่อสร้าง การเผาไหม้ การงดใช้รถที่มีควันดำ และผู้นำต้องเข้าใจ จริงใจ และรับฟังประชาชน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขอย่างตรงจุด.-สำนักข่าวไทย