กรุงเทพฯ 7 ก.พ. – ภาครัฐและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลไทย จับมือรณรงค์ไม่เก็บเกี่ยวอ้อยด้วยวิธีการเผาไร่อ้อยก่อนตัดส่งเข้าโรงงานน้ำตาล เพื่อช่วยลดปัญหาอ้อยไฟไหม้และลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ
นางวรวรรณ ชิตอรุณ เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เปิดเผยว่า เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองในอากาศ ขณะนี้ผู้ว่าราชการจังหวัด หน่วยงานภาครัฐ ร่วมกับสมาคมชาวไร่อ้อย โรงงานน้ำตาล และเกษตรกร ชาวไร่อ้อยทั่วประเทศ จับมือรณรงค์ไม่ให้เก็บเกี่ยวอ้อยด้วยวิธีการเผาไร่อ้อยก่อนตัดส่งเข้าโรงงานน้ำตาล และให้ความรู้เกี่ยวกับการเผาอ้อย อาทิ กาญจนบุรี นครสวรรค์ กำแพงเพชร นครราชสีมา ชัยภูมิ ขอนแก่น และอุดรธานี จัดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจกับเกษตรกรชาวไร่อ้อย เรื่องมาตรการแนวทางแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้ โทษของฝุ่น PM 2.5 การตัดอ้อยเข้าสู่โรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งได้รับความร่วมมือจากเกษตรกรชาวไร่อ้อยจำนวนมาก
นางวรวรรณ กล่าวว่า จากการสำรวจปริมาณอ้อยไฟไหม้ เมื่อเปรียบเทียบปริมาณอ้อยไฟไหม้ฤดูการผลิตปี 2560/2561 และฤดูการผลิตปี 2561/2562 ณ วันหีบที่ 70 ของฤดูการผลิต มีปริมาณอ้อยไฟไหม้ลดลงถึง ร้อยละ 4 โดยอ้อยไฟไหม้ฤดูการผลิตปี 2560/2561 มีปริมาณ 37,357,786 ตัน คิดเป็นร้อยละ 60 ของปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมด ส่วนอ้อยไฟไหม้ฤดูการผลิตปี 2561/2562 มีปริมาณ 34,628,902 ตัน คิดเป็นร้อยละ 56 ของปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมด ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) จะเดินหน้าโครงการสินเชื่อสำหรับการจัดซื้อรถตัดอ้อยอย่างต่อเนื่อง โดยปีงบประมาณ 2562 สอน.เสนอขอขยายโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร ระยะที่ 2 โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สนับสนุนสินเชื่อเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร สถาบันชาวไร่อ้อย กลุ่มบุคคล และวิสาหกิจชุมชน ปีละ 2,000 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี รวม 6,000 ล้านบาท (งบประมาณปี 2562 – 2564) โดยมีอัตราดอกเบี้ยสำหรับเกษตรกรรายบุคคลอยู่ที่ MRR-5 รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส.แทนผู้กู้ในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี และ ธ.ก.ส.รับภาระร้อยละ 2 ต่อปี สำหรับกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร สถาบันชาวไร่อ้อย กลุ่มบุคคล และวิสาหกิจชุมชน คิดดอกเบี้ยในอัตรา MLR โดยเรียกเก็บจากผู้กู้ในอัตรา MLR-3 รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส.แทนผู้กู้ร้อยละ 2 ต่อปี และ ธ.ก.ส.รับภาระร้อยละ 1 ต่อปี ซึ่งจะเป็นแนวทางหนึ่งในการช่วยเพิ่มผลิตภาพการผลิตและคุณภาพของผลผลิตอ้อย อีกทั้งสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตระยะยาวส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยและลดปริมาณอ้อยไฟไหม้อย่างยั่งยืนอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย