fbpx

แจงประกาศ สธ.สถานที่สาธารณะปลอดบุหรี่ฉบับใหม่ พื้นที่ชัดเจนขึ้น

สำนักข่าวไทย3ก.พ.–ผอ.สำนักควบคุมยาสูบ ชี้แจงความต่างของประกาศพื้นที่ปลอดบุหรี่ที่มีผลบังคับ 3ก.พ.หวังคุ้มครองผู้ไม่สูบบุหรี่ ย้ำต้องปฏิบัติห้ามสูบ ครอบคลุมพื้นที่โรงเรียน โรงพยาบาลและทางเข้าออก อีก 5 เมตร อ้างไม่รู้หรือเป็นต่างชาติ ไม่ได้ ฝ่าฝืนปรับ 5,000 บาท  


นพ.ชยนันท์ สิทธิบุศย์ ผู้อำนวยการสำนักควบคุมการบริโภคยาสูบ กล่าว ถึงความแตกต่างของประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับใหม่ที่มีการแก้ไข เรื่องกำหนดประเภทหรือชื่อของสถานที่สาธารณะ สถานที่ทำงานและยานพาหนะให้ส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดของสถานที่และยานพาหนะ เป็นเขตปลอดบุหรี่และมีผลบังคับใช้ 3 ก.พ.62 ว่า ประกาศนี้จะมีความชัดเจนมากขึ้นเรื่องพื้นที่สาธารณะ ห้ามมิให้มีการสูบบุหรี่ เพื่อคุ้มครองประชาชน 


แบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1.พื้นที่มีการห้ามสูบบุหรี่เด็ดขาด  กินพื้นที่ตั้งแต่ ทางเข้า-ออกไปอีก 5 เมตร ได้แก่ สถานศึกษาระดับต่ำกว่าอุดมศึกษา คือตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับมัธยมศึกษา สถานพยาบาล  ทุกระดับด้วยเช่นกัน   

2.สถานที่สาธารณะ ได้แก่ สวนสาธารณะ,วัด,ตลาด ,ป้ายรถเมล์   และวิน มอร์เตอร์ไซต์ พื้นที่เหล่านี้ ต้องปลอดบุหรี่ 100 %   


3.พื้นที่สามารถกำหนดให้มีเขตบุหรี่ได้ แล้วแต่นโยบายของหน่วยงานนั้นๆ  จะจัดให้มีที่สูบก็ได้ไม่มีก็ได้ ได้แก่ สถานที่ราชการ ,รัฐวิสาหกิจ ,ท่าอากาศยาน โดยที่ผ่านมามีการกำหนดให้มีการจัดบริการหรือห้องสูบบุหรี่เป็นการเฉพาะในสนามบินทั้งสุวรรณภูมิ และเชียงใหม่ ซึ่งสถานที่เหล่านี้ ต้องไม่โจงแจ้งหรือสะดุดตา อยู่ในพื้นที่ทางเข้า-ออก 

และ4.พื้นที่ที่มีการใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ ทางเดินสวนอาหาร ทางเดินของคอนโดมิเนียมถือว่าเป็นพื้นที่มีต้องการใช้ประโยชน์ร่วมกัน  ทั้งนี้ยังความ หมายร่วมถึงบริเวณหน้าทางช่องระบายอากาศก็ครอบคลุมถือว่าเป็นพื้นที่สาธารณะด้วยเช่นกัน  

นพ.ชยนันท์ กล่าวด้วยว่า สำหรับผู้ฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าวจะได้รับโทษปรับ5,000 บาท ขณะเดียวกันหากผู้ประกอบการปล่อยให้มีการสูบบุหรี่ในพื้นที่ก็จะได้รับโทษปรับ3,000 บาทเช่นกัน อีกทั้งกรณีผู้กระทำผิดฝ่าฝืนจะอ้างความเป็นต่างชาติก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากต้องเคารพกฎหมาย เหมือนกับคนไทยไปสิงค์โปร์ห้ามถ่มน้ำลายลงพื้นที่ ยังต้องปฏิบัติตาม ฉะนั้นคนไทยหรือไกด์ทัวร์ต้องควบคุมตักเตือนนักท่องเที่ยวด้วย.–สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย