อสมท 12 ก.ย.-ขั้นตอนการขออนุญาตใช้ที่ดินของรัฐ ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการอนุญาตตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2543
ผู้ขอจะต้องเป็นบุคคลหรือนิติบุคคลสัญชาติไทย และประกอบกิจการด้วยตนเอง โดยยื่นคำขอตามแบบ ทด.64 ต่อนายอำเภอ กรณีไม่มีสำนักงานที่ดินจังหวัด/สาขา หรือยื่นต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด/สาขา พร้อมจัดทำแผนที่สังเขปแสดงว่ามีถาวรวัตถุ สิ่งปลูกสร้าง พืชพันธุ์ไม้หรือทรัพยากรอันมีค่าหรือไม่ในรัศมี 500 เมตร กรณีในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าไม้ถาวรตามมติ ครม. ต้องแนบหลักฐานการอนุญาตของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายป่าไม้ด้วย และสอบสวนข้อเท็จจริงตามวัตถุประสงค์และเหตุผลตามแบบ ทด.66
สำหรับหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาต คือ ที่ดินต้องเป็นที่ดินของรัฐ ไม่มีบุคคลใดมีสิทธิครอบครอง ซึ่งการจะอนุญาตให้เข้าใช้ที่ดิน ต้องไม่ขัดต่อการใช้ประโยชน์ร่วมกันของประชาชน โดยต้องผ่านการอนุมัติจากกระทรวงมหาดไทยก่อน และจำนวนเนื้อที่การขออนุญาตต่อรายเมื่อรวมเนื้อที่ในจังหวัดต้องไม่เกิน 10 ไร่ ไม่ว่าผู้ขอจะขอกี่แห่งก็ตาม เว้นแต่มีเหตุอันสมควร
ในกรณีที่สาธารณะห้วยเม็กนั้น ที่ได้รับอนุญาต เพราะบริษัทอ้างเหตุผลว่า อยู่กึ่งกลางในเขตประกอบการอุตสาหกรรมของบริษัทฯ และจำเป็นต้องขยายกิจการและก่อสร้างอาคารโรงงาน เพื่อประกอบการอุตสาหกรรมเพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัย และการเคลื่อนย้ายวัสดุอุปกรณ์การก่อสร้างโรงงาน…” หน่วยงานท้องถิ่นจึงส่งข้อพิจารณาดังกล่าวให้ผู้บังคับบัญชาอนุมัติเป็นลำดับขั้น ถึงแม้ว่ามีที่ดินมากกว่า 10 ไร่
เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัด หรืออธิบดีกรมที่ดิน เห็นสมควรให้ออกใบอนุญาต ผู้ได้รับใบอนุญาตต้องลงชื่อรับทราบและปฏิบัติตามเงื่อนไข ใบอนุญาตมีระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี และมีเงื่อนไขว่าต้องไม่กระทำให้พื้นดินที่ได้รับอนุญาตหรือพื้นที่ติดต่อเสียสภาพ รวมทั้งต้องไม่ทำให้เกิดเสียงดังเกินสมควร ทำกิจการในยามวิกาล หรือใช้เครื่องมือ ยานพาหนะกีดขวาง โดยผู้ได้รับอนุญาติต้องติดแผ่นป้ายแสดงตลอดระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต
นอกจากนี้ อีกประเด็นที่น่าสนใจ คือ หลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาตตามกฎหมายคือต้องไม่ขัดต่อการใช้ประโยชน์ร่วมกันของประชาชน ตรงนี้จะต้องถามความเห็นจากประชาชนในพื้นที่ผ่านการประชาพิจารณ์หรือแจ้งผ่านกระบวนการระดับท้องถิ่น จึงตั้งข้อสังเกตว่ามีการทำประชาพิจารณ์ที่โปร่งใสหรือไม่ เพราะเป็นไปได้ยากที่จะไม่มีผู้คัดค้านแม้แต่คนเดียว.-สำนักข่าวไทย