สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ลดลงทุกพื้นที่

กรุงเทพฯ 2 ก.พ.- สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ลดลงทุกพื้นที่ ริมถนนพระราม 2 ฝุ่นลดลงเหลือ 36 มคก./ลบ.ม. ขณะที่ 5 พื้นที่เกินมาตรฐาน มีทั้ง พระราม 3, ลาดพร้าว, บางพลัด, บางขุนเทียน เกิน 50 มคก./ลบ.ม.


กรมควบคุมมลพิษ รายงานค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ประจำวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2562 พบว่า เกือบทุกพื้นที่ค่าฝุ่นลดลงเหลืออยู่ในเกณฑ์วิกฤตสีส้ม เหลือง โดยพื้นที่มีค่าฝุ่นละอองสูงสุด อยู่ในเกณฑ์สีส้ม ได้แก่ ริมถนนพหลโยธิน เขตบางเขน 60 มคก./ลบ.ม. รองลงมาริมถนนพระราม 3 เขตบางคอแหลม 57 มคก./ลบ.ม., ริมถนนลาดพร้าว ซอยลาดพร้าว 95 เขตห้วยขวาง 55 มคก./ลบ.ม., ริมถนนจรัญสนิทวงศ์ เขตบางพลัด 54 มคก./ลบ.ม. และริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน 52  มคก./ลบ.ม. ที่เหลืออยู่ในเขตสีเหลือง สำหรับที่เคยอยู่ในค่าฝุ่นละออง PM2.5 สีแดง เช่น ริมทางคู่ขนานพระราม 2 อำเภอเมืองสมุทรสาคร 36 มคก./ลบ.ม. ซึ่งในวันที่ 2 ก.พ. มีการนำเรือบินขนาดเล็กพ่นละอองน้ำในพื้นที่  

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. ประชุมหารือกำหนดมาตรการเชิงรุกลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่เกินค่ามาตรฐานในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง อาทิ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม., กรมขนส่งทางบก, สมาคมรถบรรทุก, ขสมก., รถร่วมบริการ, การโยธา กทม., และบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟ้าทุกเส้นทาง ร่วมประชุมเพื่อปัญหา


โดยมาตรการที่จะต้องดำเนินการต่อคือ การตรวจจับรถควันดำ ที่ผ่านมาจับกุมแล้วกว่า 6,537 ราย แต่ยังพบรถควันดำที่หลบเลี่ยงเข้ามา จึงจัดชุดสายตรวจวัดควันดดำเพิ่มอีก 5 ชุด พร้อมเชิญผู้ประกอบการก่อสร้างที่มีผลกระทบกับการจราจรมาพูดคุย เพื่อขอให้กำกับดูแลเกี่ยวกับการคืนพื้นผิวการจราจรปรับแผนการก่อสร้างเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบผิวจราจร กำหนดช่วงเวลาการก่อสร้าง มอบหมาย รอง ผบก.จร.ลงไปควบคุมการปฏิบัติแต่ละ สน.เพื่อประสานกับผู้รับเหมา ส่วนรถ ขสมก. และรถร่วมบริการ ตรวจรถที่มีควันดำไม่ให้ออกมาใช้ทาง, ปรับลดจำนวนรถให้เหมาะสมแต่ละเส้นทาง ผู้ประกอบการที่ต้องใช้รถบรรทุก ต้องไม่ฝ่าฝืนในช่วงเวลาเร่งด่วน, ลดจำนวนรถและจำนวนเที่ยวให้มากที่สุด พร้อมประสานบริษัทในเครือเพื่อใช้รถร่วมกัน , ปรับไปใช้น้ำมันเบนซินเพื่อขนส่งสินค้าแทนน้ำมันดีเซล 

สำหรับมาตรการใช้รถวันคู่วันคี่นั้น ต้องมีการพิจารณาร่วมกันหลายหน่วยงาน เพราะกระทบกับหน่วยงานหลายภาคส่วน หากจะมีการนำมามาใช้จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาร่วมกัน

ในส่วนของ กทม. มีการปฏิบัติการฉีดพ่นน้ำบนตึกสูง ที่ลานเฮลิคอปเตอร์ อาคารธานีนพรัตน์ ชั้น 37 กรุงเทพมหานคร 2 เขตดินแดง เพื่อเเก้ปัญหาฝุ่น โดย กทม.ได้ร่วมกับสำนักป้องกันเเละบรรเทาสาธารณภัยติดตั้งเครื่องฉีดพ่นละอองน้ำบริเวณชั้นบนของอาคารกรุงเทพมหานคร 1 และ 2 โดยฉีดพ่นน้ำมาแล้ว 3 วันในทุกๆ ชั่วโมงตลอดทั้งวัน ครั้งละ 15 นาที ใช้น้ำประมาณ 1,000-1,500 ลิตรต่อนาที ระยะความไกลที่น้ำพ่นไปถึงคือประมาณ 50-100 เมตร ซึ่งจะฉีดพ่นน้ำต่อเนื่อง โดยจะประเมินสถานการณ์วันต่อวัน ซึ่งวันนี้ถือว่าสถานการณ์ฝุ่นดีกว่า 2 วันที่ผ่านมา


ส่วนมาตรการอื่นๆ กทม.ได้ขอความร่วมมือเจ้าของอาคารตึกสูงทั้งที่เป็นของส่วนราชการเเละเอกชนกว่า 154 แห่ง ติดตั้งเครื่องฉีดพ่นน้ำหรือสปริงเกอร์ เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์ฝุ่น โดยสามารถทำได้เลยหรือให้เริ่มทำพร้อมกันในวันที่ 3 ก.พ.นี้ ขอความร่วมมือเจ้าของอาคารเเละผู้ประกอบการ หยุดการก่อสร้างในวันอาทิตย์ที่ 3 ก.พ.นี้ เเละให้ฉีดพ่นละอองน้ำตั้งเเต่เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป กวดขันผู้รับจ้างหรือไซต์งานก่อสร้างทุกโครงการให้ฉีดพ่นบริเวณพื้นที่ก่อสร้างต่อเนื่องระหว่างที่มีการก่อสร้างทุกๆ ชั่วโมง รวมถึงการก่อสร้างรถไฟฟ้า 5 สาย ขอความร่วมมือ รฟม. ชะลอการก่อสร้าง โดยให้ยึดมาตรการนี้ไป 1-2 สัปดาห์จนกว่าจะหามาตรการที่ดีเหมาะสมที่สุด ซึ่งเบื้องต้นหลังผู้รับเหมาก่อสร้างได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งจะใช้มาตรการนี้มากกว่าการจะใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมบังคับหรือลงโทษ

ส่วนปฏิบัติการเครื่องบินเล็กฉีดพ่นละอองน้ำดักจับฝุ่น พีเอ็ม 2.5 เริ่มขึ้นแล้ว โดยบริษัทบางกอกเอวิเอชั่น เซ็นเตอร์ จำกัด หรือโรงเรียนการบินกรุงเทพ นำเครื่องบินเล็กรุ่นเซสน่า 172 พร้อมน้ำ 100 ลิตร บินขึ้นปฏิบัติการจุดแรกที่เขตบางขุนเทียน ถนนพระราม 2 โดยใช้เครื่องบิน 7 ลำ เริ่มบินอ้อมทางทิศเหนือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก่อนตัดลงไปทางใต้แถวจังหวัดสมุทรสาคร  เครื่องบินแต่ละลำคาดว่าใช้เวลาลำละครึ่งชั่วโมงครอบคลุมพื้นที่ 25 ตารางกิโลเมตร และจะปฎิบัติภารกิจห่างกัน 1 ชั่วโมง

อ.รักไทย บูรพ์ภาค ผู้อำนวยการศูนย์วิศวกรรมนานาชาติมหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร ระบุว่า ในช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. ก่อนที่จะปฏิบัติการโปรยละอองน้ำจะเริ่มขึ้น ตรวจวัดค่าฝุ่นละออง PM2.5 อยู่ที่ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่หลังจากเครื่องบินเล็กบินโปรยละอองน้ำผ่านไปแล้ว 2 ลำ พบว่าค่าฝุ่นละออง PM2.5 ลดลงเหลือ 35 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าอยู่ในค่ามาตรฐานที่เราสามารถ หายใจได้โดยไม่ต้องสวมหน้ากาก เชื่อว่าหากใข้วิธีนี้ในพื้นที่บริเวณที่มีปัญหาค่าฝุ่นละอองเข้มข้น อย่างเช่นเขตบางขุนเทียนต่อเนื่อง ฝุ่นละะอองในพื้นที่อื่นจะเกิดการกระจายตัวลดความเข้มข้นในพื้นที่ภาพรวมลงได้ และทำให้เกิดค่าเฉลี่ยตามมาตรฐาน จนกว่าอากาศจะเปิดมีกระแสลมพัดผ่านพื้นที่ให้เกิดการถ่ายเทอากาศ ส่วนประเด็นที่หลายฝ่ายหวังให้เกิดในฟ้าคะนองในพื้นที่ ขนาดของเม็ดฝนต้องมีอนุภาคใกล้เคียงกับฝุ่นละอองในอากาศด้วย จึงจะเกิดประสิทธิภาพในการดักจับฝุ่นละออง

คืนนี้กรุงเทพมหานครจะปิดการจราจรหลายแห่ง เพื่อจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอน “วิ่งผ่าเมือง” 2019 อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงคอก  ส่วนปัญหาฝุ่นอาจจะไม่ส่งผลกระทบ

แม้ว่าช่วงนี้ในกรุงเทพมหานครจะมีปัญหาเรื่องฝุ่น แต่ในคืนวันเสาร์ที่ 2 ก.พ.นี้ หรือคืนนี้ ต่อเนื่องเช้าอาทิตย์ที่ 3 ก.พ. ตั้งแต่เวลา 02.30 น . – 10.30 น.โดยประมาณ อาจจะเร็วกว่านี้ จะมีการจัดงานแข่งขันวิ่งมาราธอน รายการ “วิ่งผ่าเมือง” 2019 อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบ็งคอก ซึ่งจะมีการปิดการจราจรทั้ง 100% และบางส่วน ตั้งแต่สนามราชมังคลาสถาน หัวหมาก รามคำแหง ไปจนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ราชดำเนิน

– ถนนรามคำแหง ช่วง กกท.

– ถนนรามคำแหง สะพานต่างระดับ

– ถนนพระราม9 แยกคลองตัน

– อุโมงดินแดง (ตี 3 – 7.30)

– อนุสาวรีย์ชัย 

– ถนนพระราม 5 

– ถนนศรีอยุธยา วัดเบญ,สวนจิตร 

– พระบรมรูปทรงม้า 

– ถนนราชดำเนินนอก 

– สะพานพระราม8 

– ถนนบรมราชนนี 

– แยก จปร. 

– ถนนราขดำเนินนอก 

– ถนนราชดำเนินกลาง 

– อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 

โดยประชาชนสามารถสอบถามเส้นทางในการปิดจราจรเพิ่มเติมได้ที่ บก.02 โทร. 1197 หรือ จส.100 หรือ สวพ.91     

ซึ่งจะมีนักวิ่งเข้าร่วมงานรวม 30,000 คน ขณะที่ฝ่ายจัดการแข่งขันได้เฝ้าติดตามสถานการณ์เรื่องปัญหาฝุ่น ได้ติดตามผลอากาศ PM 2.5 จากศูนย์บริหารงานวิจัยคุณภาพอากาศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คุณภาพอากาศของกรุงเทพมหานคร โดยข้อมูลเมื่อเวลา 05.30 น. วันนี้ วัดที่ รพ.เวชศาสตร์ เขตร้อน ถนนราชวิถี เขตราชวิถี กรุงเทพฯ คุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ ปานกลาง PM 2.5 = 27.69 UG/M3 ค่า AQI ที่ 31 ซึ่งคุณภาพของอากาศอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้นมาก และจะมีการแจ้งในเว็บไซต์ อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงคอก 2019 ตลอดเวลา

ทั้งนี้ กรมควบคุมมลพิษ ร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 จากยานพาหนะ สรุปมาตการ เร่งด่วนดังนี้ ห้ามมรถบรรทุกขนาดใหญ่ วิ่งเข้าพื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นกลางตลอด 24 ชั่วโมงทันที จนถึงมีนาคม ส่วนพื้นที่ชั้นนอกจากวิ่งตามระยะเวลาที่กำหนด และให้เร่งรัดนำน้ำมันเทียบเท่ามาตรฐานยูโร 5 มาจำหน่วยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้ข้าราชการทำงานที่บ้าน หรือสลับวันในการทำงานที่บ้าน เพื่อลดจำนวนรถยนต์ และขอความร่วมมือบริษัทเอกชนในการดำเนินการเช่นกัน 

นายธนวัฒน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า หากปัญหาฝุ่น PM2.5 ยังเรื้อรังต่อเนื่องอีก 1-2 เดือน เชื่อว่าจะกระทบกับเศรษฐกิจไทยอย่างหนัก อาจคล้ายกับการระบาดของไข้หวัดนกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้คนไทยไม่เดินทาง หรือหนีไปท่องเที่ยวในต่างประเทศแทน รวมทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ อาจไม่เดินทางมาประเทศไทย มีการยกเลิกเที่ยวบินและที่พัก จนมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาท จากที่ตอนนี้มูลค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 8,000-1 หมื่นล้านบาท เพราะคนยังใช้จ่ายเท่าเดิม มีกิจกรรมนอกบ้านตามปกติ ซึ่งหากรุนแรงขึ้นเชื่อว่าพ่อค้าแม่ค้าที่ขายอาหารข้างทางจะได้รับผลกระทบเป็นลำดับแรก 

นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม หรือ สมอ. ระบุจนถึงขณะนึ้ยังไม่มีผู้ประกอบการ หรือผู้ผลิตหน้ากากยี่ห้อใดมายื่นขอ อนุญาตเครื่องหมาย มอก. ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวกับการกำหนดมาตรฐานผลิตผภัณฑ์อุตสาหกรรม หน้ากากอนามัยใช้ครั้งเดียว เลขที่ มอก.2424-2552 ซึ่งเป็นมาตรฐานทั่วไป แต่ไม่ใช่มาตรฐานบังคับ จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ยังไม่มีใครเข้ามายื่น เท่ากับว่าหน้ากากอนามัยในขณะนี้ในท้องตลาดยังไม่มีเครื่องหมาย มอก.หากมีผู้ประกอบการรายใดแอบอ้างมาตรฐาน มอก.ก็จะมีความผิดทางกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนฟ้าคะนอง

กทม. 15 มิ.ย.-กรมอุตุฯ รายงานไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” มีศูนย์กลางอยู่บริเวณมณฑลกว่างซี ประเทศจีน ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางไว้ด้วย พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง […]

แฟนนางงามแห่ต้อนรับ “โอปอล” กลับไทยสุดอบอุ่น

กรุงเทพฯ 14 มิ.ย. – แฟนนางงามแห่รับ “โอปอล สุชาดา” Miss World 2025 กลับไทยสุดอบอุ่น ก่อนขึ้นรถแห่ฉลองทั่วกรุง “โอปอล” สุชาตา ช่วงศรี มิสเวิลด์ 2025 เดินทางกลับถึงไทย ด้วยเที่ยวบิน TG603 ร่วมงาน ‘Home Coming 72nd Miss World 2025’ ท่ามกลางการต้อนรับสุดอบอุ่นจากแฟนนางงามแน่นสนามบินสุวรรณภูมิ โอปอล กล่าวขอบคุณคนไทย และบอกว่ามงกุฎนี้เป็นของพวกเราทุกคน ตั้งเป้าใช้ตำแหน่งเพื่อช่วยเหลือสังคม หลังจบพิธี โอปอลขึ้นรถโรลส์-รอยซ์เปิดประทุน โบกธงชาติไทย มุ่งหน้าท้องฟ้าจำลอง ร่วมขบวนแห่ฉลองชัยมิสเวิลด์คนแรกของประเทสไทยอย่างสมเกียรติ บรรยากาศที่ท้องฟ้าจำลองมีประชาชนมารอต้อนรับโอปอล บรรดาแฟนนางงามต่างแสดงสัญลักษณ์ด้วยการใส่ชุดสีฟ้า บางคนมีการทำมงกุฎ Miss World มาใส่ และทันทีที่รถของโอปอลเลี้ยวเข้ามายังท้องฟ้าจำลอง มีการโห่ร้องต้อนรับอย่างอบอุ่น ส่วนแรงบันดาลใจในการทำรถขบวนแห่ของ Miss World 2025 นี้ นายธีรฉัตร อินถา ผู้ออกแบบขบวน ระบุว่า ได้มีการนำวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างสากลและวัฒนธรรมไทย […]

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย