สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ลดลงทุกพื้นที่

กรุงเทพฯ 2 ก.พ.- สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ลดลงทุกพื้นที่ ริมถนนพระราม 2 ฝุ่นลดลงเหลือ 36 มคก./ลบ.ม. ขณะที่ 5 พื้นที่เกินมาตรฐาน มีทั้ง พระราม 3, ลาดพร้าว, บางพลัด, บางขุนเทียน เกิน 50 มคก./ลบ.ม.


กรมควบคุมมลพิษ รายงานค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ประจำวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2562 พบว่า เกือบทุกพื้นที่ค่าฝุ่นลดลงเหลืออยู่ในเกณฑ์วิกฤตสีส้ม เหลือง โดยพื้นที่มีค่าฝุ่นละอองสูงสุด อยู่ในเกณฑ์สีส้ม ได้แก่ ริมถนนพหลโยธิน เขตบางเขน 60 มคก./ลบ.ม. รองลงมาริมถนนพระราม 3 เขตบางคอแหลม 57 มคก./ลบ.ม., ริมถนนลาดพร้าว ซอยลาดพร้าว 95 เขตห้วยขวาง 55 มคก./ลบ.ม., ริมถนนจรัญสนิทวงศ์ เขตบางพลัด 54 มคก./ลบ.ม. และริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน 52  มคก./ลบ.ม. ที่เหลืออยู่ในเขตสีเหลือง สำหรับที่เคยอยู่ในค่าฝุ่นละออง PM2.5 สีแดง เช่น ริมทางคู่ขนานพระราม 2 อำเภอเมืองสมุทรสาคร 36 มคก./ลบ.ม. ซึ่งในวันที่ 2 ก.พ. มีการนำเรือบินขนาดเล็กพ่นละอองน้ำในพื้นที่  

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. ประชุมหารือกำหนดมาตรการเชิงรุกลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่เกินค่ามาตรฐานในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง อาทิ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม., กรมขนส่งทางบก, สมาคมรถบรรทุก, ขสมก., รถร่วมบริการ, การโยธา กทม., และบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟ้าทุกเส้นทาง ร่วมประชุมเพื่อปัญหา


โดยมาตรการที่จะต้องดำเนินการต่อคือ การตรวจจับรถควันดำ ที่ผ่านมาจับกุมแล้วกว่า 6,537 ราย แต่ยังพบรถควันดำที่หลบเลี่ยงเข้ามา จึงจัดชุดสายตรวจวัดควันดดำเพิ่มอีก 5 ชุด พร้อมเชิญผู้ประกอบการก่อสร้างที่มีผลกระทบกับการจราจรมาพูดคุย เพื่อขอให้กำกับดูแลเกี่ยวกับการคืนพื้นผิวการจราจรปรับแผนการก่อสร้างเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบผิวจราจร กำหนดช่วงเวลาการก่อสร้าง มอบหมาย รอง ผบก.จร.ลงไปควบคุมการปฏิบัติแต่ละ สน.เพื่อประสานกับผู้รับเหมา ส่วนรถ ขสมก. และรถร่วมบริการ ตรวจรถที่มีควันดำไม่ให้ออกมาใช้ทาง, ปรับลดจำนวนรถให้เหมาะสมแต่ละเส้นทาง ผู้ประกอบการที่ต้องใช้รถบรรทุก ต้องไม่ฝ่าฝืนในช่วงเวลาเร่งด่วน, ลดจำนวนรถและจำนวนเที่ยวให้มากที่สุด พร้อมประสานบริษัทในเครือเพื่อใช้รถร่วมกัน , ปรับไปใช้น้ำมันเบนซินเพื่อขนส่งสินค้าแทนน้ำมันดีเซล 

สำหรับมาตรการใช้รถวันคู่วันคี่นั้น ต้องมีการพิจารณาร่วมกันหลายหน่วยงาน เพราะกระทบกับหน่วยงานหลายภาคส่วน หากจะมีการนำมามาใช้จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาร่วมกัน

ในส่วนของ กทม. มีการปฏิบัติการฉีดพ่นน้ำบนตึกสูง ที่ลานเฮลิคอปเตอร์ อาคารธานีนพรัตน์ ชั้น 37 กรุงเทพมหานคร 2 เขตดินแดง เพื่อเเก้ปัญหาฝุ่น โดย กทม.ได้ร่วมกับสำนักป้องกันเเละบรรเทาสาธารณภัยติดตั้งเครื่องฉีดพ่นละอองน้ำบริเวณชั้นบนของอาคารกรุงเทพมหานคร 1 และ 2 โดยฉีดพ่นน้ำมาแล้ว 3 วันในทุกๆ ชั่วโมงตลอดทั้งวัน ครั้งละ 15 นาที ใช้น้ำประมาณ 1,000-1,500 ลิตรต่อนาที ระยะความไกลที่น้ำพ่นไปถึงคือประมาณ 50-100 เมตร ซึ่งจะฉีดพ่นน้ำต่อเนื่อง โดยจะประเมินสถานการณ์วันต่อวัน ซึ่งวันนี้ถือว่าสถานการณ์ฝุ่นดีกว่า 2 วันที่ผ่านมา


ส่วนมาตรการอื่นๆ กทม.ได้ขอความร่วมมือเจ้าของอาคารตึกสูงทั้งที่เป็นของส่วนราชการเเละเอกชนกว่า 154 แห่ง ติดตั้งเครื่องฉีดพ่นน้ำหรือสปริงเกอร์ เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์ฝุ่น โดยสามารถทำได้เลยหรือให้เริ่มทำพร้อมกันในวันที่ 3 ก.พ.นี้ ขอความร่วมมือเจ้าของอาคารเเละผู้ประกอบการ หยุดการก่อสร้างในวันอาทิตย์ที่ 3 ก.พ.นี้ เเละให้ฉีดพ่นละอองน้ำตั้งเเต่เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป กวดขันผู้รับจ้างหรือไซต์งานก่อสร้างทุกโครงการให้ฉีดพ่นบริเวณพื้นที่ก่อสร้างต่อเนื่องระหว่างที่มีการก่อสร้างทุกๆ ชั่วโมง รวมถึงการก่อสร้างรถไฟฟ้า 5 สาย ขอความร่วมมือ รฟม. ชะลอการก่อสร้าง โดยให้ยึดมาตรการนี้ไป 1-2 สัปดาห์จนกว่าจะหามาตรการที่ดีเหมาะสมที่สุด ซึ่งเบื้องต้นหลังผู้รับเหมาก่อสร้างได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งจะใช้มาตรการนี้มากกว่าการจะใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมบังคับหรือลงโทษ

ส่วนปฏิบัติการเครื่องบินเล็กฉีดพ่นละอองน้ำดักจับฝุ่น พีเอ็ม 2.5 เริ่มขึ้นแล้ว โดยบริษัทบางกอกเอวิเอชั่น เซ็นเตอร์ จำกัด หรือโรงเรียนการบินกรุงเทพ นำเครื่องบินเล็กรุ่นเซสน่า 172 พร้อมน้ำ 100 ลิตร บินขึ้นปฏิบัติการจุดแรกที่เขตบางขุนเทียน ถนนพระราม 2 โดยใช้เครื่องบิน 7 ลำ เริ่มบินอ้อมทางทิศเหนือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก่อนตัดลงไปทางใต้แถวจังหวัดสมุทรสาคร  เครื่องบินแต่ละลำคาดว่าใช้เวลาลำละครึ่งชั่วโมงครอบคลุมพื้นที่ 25 ตารางกิโลเมตร และจะปฎิบัติภารกิจห่างกัน 1 ชั่วโมง

อ.รักไทย บูรพ์ภาค ผู้อำนวยการศูนย์วิศวกรรมนานาชาติมหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร ระบุว่า ในช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. ก่อนที่จะปฏิบัติการโปรยละอองน้ำจะเริ่มขึ้น ตรวจวัดค่าฝุ่นละออง PM2.5 อยู่ที่ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่หลังจากเครื่องบินเล็กบินโปรยละอองน้ำผ่านไปแล้ว 2 ลำ พบว่าค่าฝุ่นละออง PM2.5 ลดลงเหลือ 35 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าอยู่ในค่ามาตรฐานที่เราสามารถ หายใจได้โดยไม่ต้องสวมหน้ากาก เชื่อว่าหากใข้วิธีนี้ในพื้นที่บริเวณที่มีปัญหาค่าฝุ่นละอองเข้มข้น อย่างเช่นเขตบางขุนเทียนต่อเนื่อง ฝุ่นละะอองในพื้นที่อื่นจะเกิดการกระจายตัวลดความเข้มข้นในพื้นที่ภาพรวมลงได้ และทำให้เกิดค่าเฉลี่ยตามมาตรฐาน จนกว่าอากาศจะเปิดมีกระแสลมพัดผ่านพื้นที่ให้เกิดการถ่ายเทอากาศ ส่วนประเด็นที่หลายฝ่ายหวังให้เกิดในฟ้าคะนองในพื้นที่ ขนาดของเม็ดฝนต้องมีอนุภาคใกล้เคียงกับฝุ่นละอองในอากาศด้วย จึงจะเกิดประสิทธิภาพในการดักจับฝุ่นละออง

คืนนี้กรุงเทพมหานครจะปิดการจราจรหลายแห่ง เพื่อจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอน “วิ่งผ่าเมือง” 2019 อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงคอก  ส่วนปัญหาฝุ่นอาจจะไม่ส่งผลกระทบ

แม้ว่าช่วงนี้ในกรุงเทพมหานครจะมีปัญหาเรื่องฝุ่น แต่ในคืนวันเสาร์ที่ 2 ก.พ.นี้ หรือคืนนี้ ต่อเนื่องเช้าอาทิตย์ที่ 3 ก.พ. ตั้งแต่เวลา 02.30 น . – 10.30 น.โดยประมาณ อาจจะเร็วกว่านี้ จะมีการจัดงานแข่งขันวิ่งมาราธอน รายการ “วิ่งผ่าเมือง” 2019 อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบ็งคอก ซึ่งจะมีการปิดการจราจรทั้ง 100% และบางส่วน ตั้งแต่สนามราชมังคลาสถาน หัวหมาก รามคำแหง ไปจนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ราชดำเนิน

– ถนนรามคำแหง ช่วง กกท.

– ถนนรามคำแหง สะพานต่างระดับ

– ถนนพระราม9 แยกคลองตัน

– อุโมงดินแดง (ตี 3 – 7.30)

– อนุสาวรีย์ชัย 

– ถนนพระราม 5 

– ถนนศรีอยุธยา วัดเบญ,สวนจิตร 

– พระบรมรูปทรงม้า 

– ถนนราชดำเนินนอก 

– สะพานพระราม8 

– ถนนบรมราชนนี 

– แยก จปร. 

– ถนนราขดำเนินนอก 

– ถนนราชดำเนินกลาง 

– อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 

โดยประชาชนสามารถสอบถามเส้นทางในการปิดจราจรเพิ่มเติมได้ที่ บก.02 โทร. 1197 หรือ จส.100 หรือ สวพ.91     

ซึ่งจะมีนักวิ่งเข้าร่วมงานรวม 30,000 คน ขณะที่ฝ่ายจัดการแข่งขันได้เฝ้าติดตามสถานการณ์เรื่องปัญหาฝุ่น ได้ติดตามผลอากาศ PM 2.5 จากศูนย์บริหารงานวิจัยคุณภาพอากาศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คุณภาพอากาศของกรุงเทพมหานคร โดยข้อมูลเมื่อเวลา 05.30 น. วันนี้ วัดที่ รพ.เวชศาสตร์ เขตร้อน ถนนราชวิถี เขตราชวิถี กรุงเทพฯ คุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ ปานกลาง PM 2.5 = 27.69 UG/M3 ค่า AQI ที่ 31 ซึ่งคุณภาพของอากาศอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้นมาก และจะมีการแจ้งในเว็บไซต์ อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงคอก 2019 ตลอดเวลา

ทั้งนี้ กรมควบคุมมลพิษ ร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 จากยานพาหนะ สรุปมาตการ เร่งด่วนดังนี้ ห้ามมรถบรรทุกขนาดใหญ่ วิ่งเข้าพื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นกลางตลอด 24 ชั่วโมงทันที จนถึงมีนาคม ส่วนพื้นที่ชั้นนอกจากวิ่งตามระยะเวลาที่กำหนด และให้เร่งรัดนำน้ำมันเทียบเท่ามาตรฐานยูโร 5 มาจำหน่วยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้ข้าราชการทำงานที่บ้าน หรือสลับวันในการทำงานที่บ้าน เพื่อลดจำนวนรถยนต์ และขอความร่วมมือบริษัทเอกชนในการดำเนินการเช่นกัน 

นายธนวัฒน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า หากปัญหาฝุ่น PM2.5 ยังเรื้อรังต่อเนื่องอีก 1-2 เดือน เชื่อว่าจะกระทบกับเศรษฐกิจไทยอย่างหนัก อาจคล้ายกับการระบาดของไข้หวัดนกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้คนไทยไม่เดินทาง หรือหนีไปท่องเที่ยวในต่างประเทศแทน รวมทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ อาจไม่เดินทางมาประเทศไทย มีการยกเลิกเที่ยวบินและที่พัก จนมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาท จากที่ตอนนี้มูลค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 8,000-1 หมื่นล้านบาท เพราะคนยังใช้จ่ายเท่าเดิม มีกิจกรรมนอกบ้านตามปกติ ซึ่งหากรุนแรงขึ้นเชื่อว่าพ่อค้าแม่ค้าที่ขายอาหารข้างทางจะได้รับผลกระทบเป็นลำดับแรก 

นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม หรือ สมอ. ระบุจนถึงขณะนึ้ยังไม่มีผู้ประกอบการ หรือผู้ผลิตหน้ากากยี่ห้อใดมายื่นขอ อนุญาตเครื่องหมาย มอก. ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวกับการกำหนดมาตรฐานผลิตผภัณฑ์อุตสาหกรรม หน้ากากอนามัยใช้ครั้งเดียว เลขที่ มอก.2424-2552 ซึ่งเป็นมาตรฐานทั่วไป แต่ไม่ใช่มาตรฐานบังคับ จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ยังไม่มีใครเข้ามายื่น เท่ากับว่าหน้ากากอนามัยในขณะนี้ในท้องตลาดยังไม่มีเครื่องหมาย มอก.หากมีผู้ประกอบการรายใดแอบอ้างมาตรฐาน มอก.ก็จะมีความผิดทางกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

สภาถกงบฯ 69 วันแรก “พิชัย” แจงหั่นงบ 8,920 ล้าน

รัฐสภา 13 ส.ค. – ที่ประชุมสภาฯ เริ่มถกงบฯ 69 วันแรกแล้ว “พิชัย” แจงรายงาน กมธ. เหตุหั่นงบ 8,920 ล้านบาท เพราะไม่สอดคล้องภาาวะปัจจุบัน-การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย ในการประชุมสภาฯ เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท วาระสอง ซึ่งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาแล้วเสร็จเป็นวันแรก โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้พิจารณาร่างงบประมาณ 69 เรียบร้อยแล้ว โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ให้ความสำคัญกับการดำเนินภารกิจเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคแห่งชาติ เป้าหมายพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งแผนปฏิบัติราชการของกระทรวง โดยพิจารณาตามความจำเป็นและภารกิจของหน่วยรับงบประมาณ และแผนพัฒนาพื้นที่ตามความต้องการของประชาชน […]

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็น เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 13 ส.ค.- “มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็นอ้างไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้ เชื่อยูเอ็นเข้าใจ เผยคุยมิตรประเทศ บอก พฤติกรรมเขมรวางทุ่นระเบิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เร่งประชุมร่วมรัฐภาคี-หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเก็บหลักฐานให้คณะทำงานดูข้อมูลจริงจากพื้นที่ ขอช่วยผลักดันเขมรร่วมวงเก็บกู้ทุ่นระเบิด-ทำตามอนุสัญญาออตตาวา นายมาริษ เสงี่ยมพงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาส่งจดหมายร้องเลขาฯ UN และ UNSC อ้างไทยละเมิดอธิปไตยและข้อตกลงหยุดยิงว่า เป็นการกล่าวอ้าง ซึ่งตนยังไม่เห็นหลักฐานที่ชัดเจน ของกัมพูชาว่าเราละเมิดตรงไหน ในขณะที่ทางกัมพูชาเองใช้วิธีที่ไม่จริงใจต่อความพยายามในการแก้ไขปัญหา ตามกรอบข้อตกลงหยุดยิงที่ได้ทำร่วมกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการยั่วยุด้วยสงครามข่าวสาร ไม่ว่าจะเป็นการใช้ โอกาสในการมาฝังลูกระเบิดสังหารบุคคลในดินแดนของประเทศไทย ในขณะที่ประเทศไทยมีหลักฐานที่ชัดเจน ที่ชี้ให้เห็นว่ากัมพูชาไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามความตกลงหยุดยิงระหว่างกัน อย่างไรก็ตามการที่กัมพูชาส่งหนังสือไปถึงยูเอ็น ทางฝ่ายยูเอ็นก็ไม่ได้มีการเปิดประชุมเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ ในขณะเดียวกัน ไทยก็ได้มีหนังสือชี้แจง เลขาธิการสหประชาชาติไปในทุกโอกาส และทุกกรณีที่มีการขัดแย้งเกิดขึ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวด้วยว่า ในเรื่องของอนุสัญญาออตตาวา ทางกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือผลักดันในเรื่องนี้ไปถึง ทูต ญี่ปุ่น ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก และเจนีวา ในฐานะที่เป็นประธานของรัฐภาคีอนุสัญญาออตาวา 3 ฉบับและอีกหนึ่งฉบับก็กำลังจะส่งตามไป เพื่อกดดันหรือผลักดันให้รัฐภาคี ดำเนินตามมาตรการ อนุสัญญาออตตาวาโดยเร็ว ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบขอข้อมูลหลักฐาน ที่ชัดเจนซึ่งตรงนี้รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพได้ร่วมมือกันอย่างดี และสนับสนุน […]

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จ.จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง […]