กรุงเทพฯ 30 ม.ค. – ครม.ห้ามตั้งหรือขยายโรงงานผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตหรือเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต นาน 5 ปี เพื่อให้ผู้ผลิตปรับตัวและเข้าสู่ภาวะสมดุล
นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (29 ม.ค.) ครม.อนุมัติหลักการร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ห้ามตั้งหรือขยายโรงงานผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตหรือเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ทุกขนาด ทุกท้องที่ในราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอเนื่องจากการที่อุตสาหกรรมเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตและเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตของไทยประสบปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินที่สะสมมาในช่วงหลายปี ส่งผลให้ผู้ผลิตในประเทศมีอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ต่ำ โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาผู้ผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตมีอัตราการใช้กำลังการผลิต ประมาณร้อยละ 25-35 ผู้ผลิตเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตมีอัตราการใช้กำลังการผลิต ประมาณร้อยละ 35-45 ทำให้ผู้ผลิตต้องประสบปัญหาขาดทุนและบางรายต้องหยุดการผลิตชั่วคราวหรือต้องหยุดกิจการเป็นการถาวร
จากสถานการณ์ดังกล่าว จึงเป็นที่มาของการที่กระทรวงอุตสาหกรรมแก้ไขปัญหา โดยระยะสั้นกำหนดมาตรการห้ามตั้งหรือขยายโรงงานเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตหรือเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ตามมาตรา 32 แห่ง พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 เป็นเวลา 5 ปี นับจากนี้ไป เพื่อให้ผู้ผลิตปรับตัวและเข้าสู่ภาวะสมดุล ซึ่งผู้ผลิตไทยจะต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยี และแก้ไขปัญหากำลังการผลิตส่วนเกิน รวมทั้งเป็นการยกระดับคุณภาพของอุตสาหกรรมเหล็กด้วย โดยหลังจากครบกำหนด กระทรวงอุตสาหกรรมจะใช้มาตรการทางด้านสิ่งแวดล้อม เรื่อง การกำหนดค่าปริมาณของสารเจือปนในอากาศที่ระบายออกจากโรงงานเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตหรือเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ตามมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 โดยการกำหนดค่ามลพิษทางอากาศ ได้แก่ ค่าฝุ่น ค่า SOx NOx ให้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น มีผลให้ผู้ผลิตที่กำลังการผลิตเท่าเดิมหรือผู้ผลิตที่สนใจจะลงทุนหรือจะเพิ่มกำลังการผลิตต้องปฏิบัติตามค่าควบคุมมลพิษดังกล่าว เพื่อประโยชน์ในการรักษาสิ่งแวดล้อมทั้งในโรงงานและชุมชนที่อยู่รอบข้างด้วย
อย่างไรก็ตาม การประกาศห้ามตั้งหรือห้ามขยายจะครอบคลุมเฉพาะเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตหรือเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์เหล็กประเภทอื่นที่เป็นพวกคุณภาพสูงที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่นๆ จะไม่ครอบคลุม เช่น เหล็กเพลา เหล็กลวดหรือเหล็กรูปพรรณ นอกจากนี้ ยังไม่ให้ใช้บังคับกับผู้ประกอบการที่ได้ยื่นขออนุญาตประกอบกิจการโรงงาน/ขยายโรงงาน หรือ ขอใช้ที่ดินเพื่อประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับความเห็นชอบ EIA หรือ EHIA ก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลบังคับใช้
สำหรับผลกระทบที่จะมีต่อผู้บริโภคเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตหรือเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตนั้น พบว่าไม่มีผลกระทบเนื่องจากยังมีผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ประเภทยังมีอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เหลืออยู่มาก ประกอบกับสินค้าเหล็กเส้นเป็นสินค้าควบคุมที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ และเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (commodity product) ดังนั้น จึงไม่มีผลกระทบต่อผู้บริโภค.-สำนักข่าวไทย