ศึกเลือกตั้ง 62 : สหรัฐ-อียู ยินดีไทยประกาศ “วันเลือกตั้ง”

กรุงเทพฯ 24 ม.ค.- รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันหลัง กกต.กำหนดวันเลือกตั้ง นักการเมืองหาเสียงได้เต็มที่ ขณะที่ต่างชาติยินดีที่ไทยจะมีการเลือกตั้งในอีก 59 วัน ติดตามในคอลัมน์ “ศึกเลือกตั้ง 62”


รัฐบาลสหรัฐอเมริกาออกแถลงการณ์ยินดีกับการประกาศการเลือกตั้งของไทย ในวันที่  24 มีนาคม พ.ศ.2562 และหวังจะได้เห็นผลลัพธ์ที่สะท้อนถึงการอภิปรายอย่างเสรี และความต้องการของประชาชนชาวไทย รวมทั้ง ได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพื่อสานต่องานที่มุ่งไปสู่เป้าหมายด้านสันติภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของราชอาณาจักรไทยและภูมิภาค 


เช่นเดียวกับสหภาพยุโรป ระบุว่าการกำหนดวันเลือกตั้งของไทย เป็นก้าวสำคัญของการฟื้นฟูประชาธิปไตยในประเทศไทย และตั้งตารอที่จะได้เห็นการรณรงค์หาเสียงเป็นไปอย่างเปิดกว้างและสงบเรียบร้อย โดยเสรีภาพของการแสดงออกจำเป็นต่อกระบวนการทางประชาธิปไตย


วันนี้ พรรคพลังประชารัฐแถลงเปิด 3 พันธกิจ 7 : 7 : 7 นโยบายสำหรับใช้ในการหาเสียง ขณะที่การลาออกของ 4 รัฐมนตรี จะมีความชัดเจนสัปดาห์หน้า 

วันนี้ ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐคึกคักไปด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต และตัวแทนพรรคจากภาคทุกภาค เพราะมีการแถลงนโยบายพรรค เปิด 3 พันธกิจ 7 : 7 : 7 นโยบาย คือ 3 พันธกิจประชารัฐ เพื่อสร้างชาติให้ยั่งยืน ประกอบด้วย 1.สวัสดิการประชารัฐ 2.สังคมประชารัฐ และ 3.เศรษฐกิจประชารัฐ แต่ละพันธกิจจะมี 7 นโยบายสนับสนุน โดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค เป็นคนแถลง ขาดนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค ที่ติดภารกิจ ไม่สามารถมาร่วมแถลงนโยบายได้

ส่วนการลาออกจากตำแหน่งของ 4 รัฐมนตรี นายอุตตม ขอย้ำคำเดิมว่า รอเวลาที่เหมาะสมก่อน และสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจน ทั้งชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี การเปิดตัว ส.ส.ทั้ง 350 เขต และการลาออกของ 4 รัฐมนตรี

ขณะที่พรรคเพื่อไทยแถลงการณ์แสดงความยินดีที่คนไทยจะมีโอกาสกำหนดอนาคต ด้วยการเลือกผู้แทนเข้ามาบริหารประเทศ พร้อมเรียกร้องทุกฝ่ายทำให้การเลือกตั้งเสรี เป็นธรรม และเตรียมเรียกประชุมว่าที่ผู้สมัครของพรรคทั่วประเทศ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การหาเสียง และชี้แจงข้อกฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับการเลือกตั้งในวันที่ 28 มกราคมนี้ 

ด้านรองนายกรัฐมนตรี ยืนยันแม้จะมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปแล้ว รัฐบาลยังคงมีอำนาจเต็ม

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี บอกว่า นับตั้งแต่วันที่มีมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป นักการเมืองสามารถหาเสียงได้เต็มที่ ตามระเบียบที่ กกต.กำหนด และการคิดค่าใช้จ่ายก็เริ่มทันทีเช่นกัน ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาล ก็ยังเป็นไปตามปกติ และมีอำนาจเต็ม ซึ่งยังมีอีกหลายงานที่รัฐบาลต้องดำเนินการ เช่นเดียวกับการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ก็ยังสามารถใช้ได้ตามรัฐธรรมนูญ

มาดูมุมมองทางด้านเศรษฐกิจกันบ้าง ในช่วงที่มีหาเสียงเลือกตั้ง ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดจะมีเม็ดเงินสะพัด 30,000-50,000 ล้านบาท

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เชื่อว่าการกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจน ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ ส่งผลดีกับการลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซี นอกจากนี้ กิจกรรมในช่วงเลือกตั้งยังส่งเสริมให้บรรยากาศเศรษฐกิจในประเทศให้คึกคัก คาดจะมีเม็ดเงินสะพัดประมาณ 30,000-50,000 ล้านบาท และจะส่งผลกระตุ้นจีดีพีของประเทศขยายตัวประมาณร้อยละ 0.2-0.3

ด้าน นายปวิณ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน)  มองว่า การเลือกตั้งจะทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น ซึ่งสิ่งที่ภาคเอกชนคาดหวังจากรัฐบาลใหม่คือความต่อเนื่องในการทำงาน

วันนี้ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้เร่งกำหนดจุดติดตั้งป้ายหาเสียง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าเป็นถ่วงเวลาหรือไม่ ขณะที่ผู้อำนวยการ กกต.ประจำ กทม. คาดสัปดาห์หน้ามีความชัดเจน

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลังมีพระราชกฤษฏีกาเลือกตั้งได้ให้ทีมงานไปติดตั้งป้ายหาเสียง แต่กรุงเทพมหานครได้ประสานให้ทีมงานปลดป้ายออกก่อน ดังนั้น ขอเรียกร้องให้ กทม.เร่งออกประกาศด้วย เพราะ กกต.กำหนดระเบียบเกี่ยวกับการติดป้ายหาเสียงตั้งแต่วันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา และมอบหมายให้หน่วยงานท้องถิ่นเป็นผู้ประกาศจุดติดตั้งป้าย แต่จนถึงขณะนี้ กทม.ยังไม่ประกาศออกมา ถือว่าเป็นการทำงานที่ผิดปกติ ทั้งยังเป็นถ่วงการทำงานพรรคการเมืองให้ยากลำบาก

และจากที่ผู้สื่อข่าวตระเวนดูในพื้นที่ กทม.ตั้งแต่ช่วงเช้า พบว่ามีเพียงบริเวณถนนลาดพร้าวตลอดทั้งเส้น ที่พบป้ายแนะนำตัวของ ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 8 ของพรรคเพื่อไทย ติดตั้งไว้ทุกปากซอยทั้ง 2 ฝั่งของถนนลาดพร้าว เท่านั้น ไม่มีของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.คนอื่น รวมทั้งของนายอรรถวิชช์ อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ทราบว่า ร.ท.หญิง สุณิสา ได้ให้ทีมงานปลดป้ายหาเสียงแล้ว

ขณะที่ น.ส.วิชชุดา เมฆานุวงศ์ ผู้อำนวยการ กกต.ประจำ กทม. เปิดเผยว่า ช่วงเช้าวันนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบป้ายหาเสียง ยังพบป้ายของหลายพรรคการเมืองติดอยู่ตามพื้นที่สาธารณะ จึงขอความร่วมมือว่าที่ผู้สมัครให้ปลดป้ายออกภายใน 5 วัน ถ้าไม่ดำเนินการ สำนักงานเขตจะเก็บป้ายและดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ส่วนสถานที่ติดป้ายหาเสียง คาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนแน่นอน

เมื่อวานนี้ ประธาน กกต.ออกมาเตือนพรรคการเมือง อย่ารีบติดป้ายหาเสียงตอนนี้ แม้จะมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้ว เพราะจะผิดกฎหมาย ที่ กกต.ต้องออกมาเตือน เพราะในกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2561 มาตรา 83 ระบุว่า พรรคการเมือง ผู้สมัคร ที่จะติดตั้งป้ายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง จะต้องอยู่ในสถานที่ที่ กกต.กำหนด รวมถึงจำนวนและขนาดของป้ายด้วย

โดยป้ายหาเสียงครั้งนี้จะมี 2 ส่วน คือ กกต.จัดทำให้ผู้สมัครแต่ละพรรคอย่างเท่าเทียมกัน พร้อมกำหนดสถานที่ และขนาดจะเป็น A3 อีกส่วนคือ ผู้สมัคร และพรรคการมืองจัดทำเองได้ โดยผู้สมัคร ส.ส.เขต จะติดตั้งป้ายได้ไม่เกิน 2 เท่าของจำนวนหน่วยเลือกตั้งแต่ละเขต แต่สถานที่ติดตั้ง กกต.จะเป็นผู้กำหนด และพรรคการเมืองติดตั้งได้ที่ที่ทำการพรรค หรือสาขาพรรคการเมือง หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด หรือศูนย์อำนวยการการเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งละ 1 แห่ง ต่อ 1 ป้าย

ขณะที่ป้ายหาเสียงจะมีแค่รูปถ่ายผู้สมัคร นโยบาย คำขวัญ ภาพผู้สมัคร หัวหน้าพรรค ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ ของพรรค จะมีรูปบุคคลนอกที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคไม่ได้ หากฝ่าฝืนมีโทษทั้งแพ่ง-อาญา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนักบางแห่ง

กรุงเทพฯ 15 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบน […]

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]

เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด

กทม.14 ส.ค.- เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงปะทะ ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 แม้นายกรัฐมนตรีพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหาข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ประการสำคัญ […]