กรุงเทพฯ 22 ม.ค. – ด่วนตรวจพบสารพันธุกรรมเชื้ออหิวาต์แอฟริกาสุกรในผลิตภัณฑ์สุกรที่ตรวจยึดได้จากนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต หลังกรมปศุสัตว์ใช้มาตรการเข้มงวดป้องกันโรคระบาดทั้งท่าอากาศยานและทุกด่านพรมแดนทั่วประเทศ
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 มกราคมมีรายงานการระบาดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรที่ประเทศมองโกเลีย ทำให้ขณะนี้ภูมิภาคเอเชียมีสถานการณ์การระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรเพิ่มขึ้นเป็น 2 ประเทศ คือ จีนและมองโกเลีย จากสถานการณ์การระบาดของโรคนี้ทำให้ทุกประเทศในภูมิภาคเอเชียเข้มมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังโรคยิ่งขึ้น
อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ไทยป้องกันและเฝ้าระวังโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรอย่างต่อเนื่องด้วยการบูรณาการหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ ด่านของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ด่านอาหารและยา ด่านศุลกากร รวมทั้งหน่วยงานปกครองและหน่วยงานความมั่นคง เพื่อตรวจสอบเข้มงวดนักท่องเที่ยวหรือผู้โดยสารที่เดินทางจากประเทศที่มีการระบาดของโรคนี้ รวมทั้งการป้องกันลักลอบเคลื่อนย้ายสุกรและผลิตภัณฑ์สุกรที่ท่าอากาศยานและตามแนวชายแดน ทำให้ประเทศไทยสามารถตรวจจับผลิตภัณฑ์สุกรที่ลักลอบนำเข้ามาพร้อมนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2562 กรมปศุสัตว์ โดยด่านกักกันสัตว์ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต จังหวัดภูเก็ตตรวจยึดซาลามี่และไส้กรอกจากนักท่องเที่ยวชาวจีนที่โดยสารเที่ยวบิน MU 573 จากเมืองเฉิงตู และผลิตภัณฑ์ที่ตรวจยึดได้ครั้งนี้พบว่ามีการปนเปื้อนสารพันธุกรรมของเชื้ออหิวาต์แอฟริกาในสุกร ปัจจุบันไทยตรวจยึดผลิตภัณฑ์จากสุกรที่มีการปนเปื้อนสารพันธุกรรมของเชื้อฯ จากนักท่องเที่ยวทั้งหมด 3 ครั้ง 9 ตัวอย่าง
อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวอีกว่า ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันโรคเข้าประเทศ กรมปศุสัตว์จึงได้เชิญสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) และสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน ซึ่งมีสมาชิกกว่า 150 ราย เข้าร่วมประชุมวันที่ 15 มกราคม 2562 เพื่อขอความร่วมมือประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยวชาวจีนทราบถึงมาตรการป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรของไทยและขอความร่วมมือห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์จากสุกรเข้าไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต และให้สำแดงกรณีมีการนำเข้าเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์สุกรกับเจ้าหน้าที่ทุกครั้ง
อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้เกษตรกรอย่าตระหนก และขอให้มั่นใจในการเข้มงวดของปศุสัตว์ในการป้องกันโรคไม่ให้เข้ามาสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมการผลิตสุกรของประเทศไทย รวมทั้งขอย้ำให้เกษตรกรยกระดับการเลี้ยงสุกรให้มีระบบการป้องกันโรคเข้าสู่ฟาร์มตามมาตรฐาน GAP และหากเป็นรายย่อยให้ใช้มาตรฐานการป้องกันและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม (GFM) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจสอบแหล่งที่มาของสุกรก่อนเข้าฟาร์ม และงดเว้นการนำอาหารที่ไม่ผ่านการปรุงสุกที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส อย่างน้อย 30 นาทีมาเลี้ยงสุกร นอกจากนี้ ให้สังเกตอาการสุกรอย่างใกล้ชิด หากพบสุกรแสดงอาการป่วย เช่น มีไข้สูง เบื่ออาหาร ผิวหนังเป็นปื้นแดง และต่อมาเป็นสีเขียวคล้ำ พบภาวะแท้งในแม่สุกรและมีจำนวนสุกรตายผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่ทันที หรือ call center 063-225-6888 หรือที่แอปพลิเคชัน DLD 4.0 “แจ้งการเกิดโรคระบาด” เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้เร่งดำเนินการให้การช่วยเหลืออย่างทันท่วงที.-สำนักข่าวไทย