กทม.21ม.ค.–ประชาชนตระหนักภัยฝุ่นเล็กPM2.5 ตื่นตัวใส่หน้ากากอนามัยดูแลสุขภาพตนเอง โดยวันนี้กรมอนามัย ร่วม กทม.ลงพื้นที่ห้างดัง จัดกิจกรรม ‘ปลอดฝุ่น ปอดดี’ รณรงค์เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ ในการป้องกันสุขภาพ
วันนี้ (21ม.ค.)พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยหลังเปิดกิจกรรมโครงการ “ปลอดฝุ่น ปอดดี” ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โซน Beacon 3 ชั้น1ว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลทำให้ประชาชนเกิดความวิตกกังวลต่อผลกระทบสุขภาพ การให้ความรู้และสร้างความเข้าใจในการป้องกันตนเองที่ถูกต้อง รวมถึงการดูแลสุขภาพเป็นสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ต้องเร่งดำเนินการ ซึ่งขณะนี้ประชาชนตื่นตัวในการป้องกันและดูแลสุขภาพตนเองมากขึ้น ด้วยการใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นอย่างถูกต้อง
อย่างไรก็ตามต้องเลือกหน้ากากที่ไม่หัก พับ งอ มีผิวเรียบสม่ำเสมอ ไม่มีขอบคม และรอยเปื้อน เลือกให้เหมาะกับใบหน้า ครอบได้กระชับจมูกและใต้คางให้แนบกับใบหน้า หากสวมใส่แล้วมีอาการมึนงง หรือ คลื่นไส้ ควรหลบอยู่ในที่ไม่มีปัญหามลพิษอากาศหรือในอาคาร ถอดหน้ากากออกและปรึกษาแพทย์ สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้หน้ากาก
นอกจากนี้ประชาชนควรติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศทางเว็บไซต์ กรมควบคุมมลพิษหรือติดตามรับฟังข่าวสารทางช่องทางอื่น ๆ โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝุ่นละอองในระดับสีส้มและสีแดง ควรงดการทำกิจกรรมนอกบ้าน หรือหากต้องออกนอกบ้าน ควรสวมใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นขนาดเล็ก
ขณะเดียวกันควรสังเกตอาการผิดปกติของร่างกายและคนในครอบครัว โดยเฉพาะเด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว หากพบอาการไอ แน่นหน้าอก วิงเวียนศรีษะ คลื่นไส้ อเจียน หรืออาการผิดปกติทางร่างกายอื่นๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
อธิบดีกรมอนามัย กล่าวด้วยว่า สำหรับกิจกรรม “ปลอดฝุ่น ปอดดี” ครั้งนี้ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากภาครัฐและเอกชน ในการสร้างความมั่นใจให้ประชาชนในการดูแลสุขภาพที่ถูกวิธีจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ภายในงานมีกิจกรรมตรวจร่างกายและทดสอบสมรรถภาพของระบบไหลเวียนโลหิตและระบบหายใจ ซึ่งจะจัดในห้างสรรพสินค้าในเครือเซ็นทรัลจำนวน 8 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัล พระราม 3, เซ็นทรัล พระราม 9,เซ็นทรัลเวสเกต, เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า, เซ็นทรัล พระราม 2, เซ็นทรัล ลาดพร้าว และเซ็นทรัล มหาชัย
นอกจากนี้ สธ.ได้ร่วมกับ กทม.ได้ลงพื้นที่ให้ความรู้แก่ประชาชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตามสถานที่ต่าง ๆ ได้แก่ สถานีรถไฟฟ้า โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็กและสถานที่ดูแลผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องให้การดูแลเป็นพิเศษ” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว .-สำนักข่าวไทย