กระทรวงศึกษาธิการ 18 ม.ค.-นายกฯสั่งปลัดกระทรวงเร่งแจงกฎหมายกัญชา ย้ำยังเป็นยาเสพติด แต่ใช้วิจัยเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น
นางเมธินี เทพมณี เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ที่กระทรวงศึกษาธิการ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธาน ว่า นายกรัฐมนตรีกำชับให้สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับพ.ร.บ.กัญชาและการดูแลสุขภาพเรื่องการป้องกันฝุ่นละออง โดยให้เร่งสร้างความเข้าใจกับประชาชนอย่างเร่งด่วน
ด้านนางจารุวรรณ เฮงตระกูล เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดเผยว่า ขณะนี้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกัญชา 2 ฉบับอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการวิจัยกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าว ไม่ได้แก้ไขให้ซื้อขายได้อย่างเสรี และกัญชาจัดว่าเป็นยาเสพติด ไม่อนุญาตให้เสพและปลูกอย่างเสรีตามที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็นการปลดล็อกให้สามารถใช้ในการวิจัยและปลูกภายใต้การควบคุม
ขณะที่นายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า กัญชายังเป็นยาเสพติด เพียงแต่กฎหมายจะเปิดช่องให้นำกัญชาไปใช้ในด้านการศึกษาวิจัยและเป็นการปลูกที่อยู่ภายใต้การควบคุม
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่าตามกฎหมายไม่อนุญาตให้ซื้อขายกัญชาได้เสรี ขณะนี้ได้มีคำขอจดสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์กัญชาแล้ว 13 คำขอ ซึ่งเป็นคำขอจากต่างประเทศ ยืนยันว่าทางกระทรวงฯ รับคำขอตามขั้นตอน แต่ยังไม่ได้ให้ความคุ้มครองหรือพิจารณาคำขอใด เพราะต้องรอพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่จะออกมาบังคับใช้
“แม้ต่อไปจะรับจดสิทธิบัตร แต่ไม่ได้หมายความว่าสิ่งประดิษฐ์จากกัญชาตัวนั้นจะสามารถจำหน่ายได้อย่างเสรี เพราะต้องดูที่ข้อกฎหมายอื่น ๆ อีก ทั้งนี้ สารสกัดจากกัญชาและสารสกัดจากพืชทั้งหมดไม่สามารถจดสิทธิบัตรได้ เพราะการจดสิทธิบัตรต้องเป็นไปตามเงื่อนไขคือสิ่งประดิษฐ์ใหม่หรือเป็นสิ่งที่ต่อยอดจากสิ่งประดิษฐ์เดิม และสามารถประยุกต์ใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมได้” ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าว
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การจะนำกัญชามาใช้ในการรักษาคือการนำสารสำคัญจากกัญชามาใช้เพื่อเป็นยารักษาโรค ซึ่งต้องดูเรื่องของผลการศึกษาทางการแพทย์ทั้งในและต่างประเทศ ที่ใช้ยาสารสกัดจากกัญชาเพื่อการรักษาแล้ว ดังนั้น นับจากนี้กระทรวงจะดูเรื่องยาสมุนไพรโบราณต่าง ๆ ด้วย ขณะเดียวกันต้องพิจารณากลุ่มผู้ป่วย ผู้ใช้ สถานที่ใช้ กำหนดการวิจัยสายพันธุ์ที่จะปลูกที่ถูกต้องด้วย.-สำนักข่าวไทย
