รัฐบาลรุกปราบทุจริตในรัฐวิสาหกิจ-องค์กรมหาชน

S__12574942กรุงเทพฯ 3 ก.ย.-รัฐบาลเพิ่มอำนาจศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต ติดตามรัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชนที่อยู่ในกำกับดูแล พร้อมให้หากลไกที่เหมาะสมดำเนินการกับข้าราชการระดับล่างที่ไม่เห็นด้วยกับการทุจริตแต่ไม่สามารถขัดขืนคำสั่งได้  


พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานเห็นชอบเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของ ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต (ศปท.) ให้ทำหน้าที่ประสานงาน เร่งรัด กำกับและติดตามให้รัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชนในกำกับของกระทรวง ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ รวมทั้งติดตามประเมินผลการดำเนินงานด้วย เช่นเดียวกับที่ดำเนินการในส่วนราชการระดับกรม

“นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งชัดเจนว่า การปราบปรามการทุจริตต่อรัฐ ต้องมิใช่เป็นเพียงแนวนโนบาย แต่ต้องลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังเป็นรูปธรรม ในทุกระดับ และมีประสิทธิภาพ เมื่อมีข้อมูลรายชื่อเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าข่ายถูกดำเนินการตรวจสอบ จะแจ้งให้หน่วยงานต้นสังกัดทราบเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่   เมื่อดำเนินการแล้วจะรายงานผลมายังศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เพื่อส่งให้หน่วยตรวจสอบอาทิ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) พิจารณาต่อไป หากมีความเห็นสอดคล้องกันและไม่อยู่ระหว่างการดำเนินการของป.ป.ช. จะนำเรียนนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา หากความเห็นไม่สอดคล้องกันหรืออยู่ในระหว่างการพิจารณาของป.ปช. จะรอจนกว่าการดำเนินการของป.ป.ช. แล้วเสร็จ แล้วจึงนำเรียนนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว


พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ผ่านมาประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่รัฐที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบจำนวน 237 ราย หากรวมกับที่ประกาศล่าสุดเมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมาอีก 21 คน รวมเป็น 258 ราย ซึ่งในจำนวนนี้การดำเนินการทางวินัยของต้นสังกัดแล้วเสร็จ จำนวน 62 ราย มีผลทางวินัยให้ไล่ออก 8 ราย พ้นจากตำแหน่ง 25 ราย  ที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบของป.ป.ช.ว่าผลการพิจารณาจะตรงกันหรือไม่

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติยังฝากให้พิจารณากลไกที่เหมาะสมในการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ระดับล่างที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำทุจริต โดยที่ตนเองอาจมิได้เห็นด้วยแต่ไม่อาจขัดขืนการปฏิบัติตามคำสั่ง โดยนายกรัฐมนตรีแสดงความห่วงใยเป็นพิเศษในกรณีดังกล่าว  เพราะคาดว่าในบางกรณีเจ้าหน้าที่เหล่านั้นไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือร่วมรับผลประโยชน์ด้วย อย่างไรก็ตามต้องมีข้อมูลที่จะยืนยันได้ว่ามีความพยายามที่จะปกป้องผลประโยชน์ของชาติจากการทุจริตเหล่านั้น

“การเพิ่มกลไกใหม่ คือ ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต (ศปท.) เข้าเป็นกลไกในทุกกระทรวง  และเกลี่ยอัตรากำลังและกำหนดตำแหน่งผู้ปฏิบัติหน้าที่อย่างชัดเจน ทำให้สถานการณ์การทุจริตลดลงอย่างชัดเจนตามผลสำรวจของหน่วยงานต่างๆ  ทั้งนี้ รัฐบาลมีเป้าหมายสำคัญในการปราบปรามการทุจริตคือ คนโกงรายเก่าจะหมดไป คนโกงรายใหม่ต้องไม่เกิดขึ้นอีกและไม่เปิดโอกาสให้ได้โกง.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตึกถล่มพบเสียชีวิตเพิ่ม

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่าง

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในพื้นที่โซน B และโซน C มีซากอาคารถล่มทับร่างอยู่ ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่างและค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารต่อเนื่อง

ชายวัย 50 ไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องเมียท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากตึก สตง.

ชายวัย 50 ปี ยกมือไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องภรรยาท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากอาคาร สตง.ถล่ม ด้านรอง ผบช.น. เตือนอย่าใช้โอกาสที่มีผู้ประสบเหตุสร้างความสงสารหลอกเอาทรัพย์สิน มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

ออกแล้ว! ผลตรวจเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่ม พบไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น

ผลตรวจตัวอย่างเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว พบได้มาตรฐาน 15 ชิ้น ไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น ยังไม่สรุปเป็นสาเหตุตึกถล่ม ชี้ต้องดูหลายองค์ประกอบ

ข่าวแนะนำ

เริ่มใช้เครื่องจักรหนักเปิดซากอาคาร สตง.ถล่ม

102 ชั่วโมงแล้ว สำหรับปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหตุอาคาร สตง.ถล่ม หน่วยกู้ภัยจากนานาชาติให้ความหวังว่ายังมีโอกาสเจอผู้รอดชีวิต ทำให้การค้นหาวันนี้ต้องแข่งกับเวลาอย่างเต็มที่

ทองไทยนิวไฮต่อเนื่อง ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 550 บาท

ทองคำไทยผันผวนหนัก ปรับเปลี่ยน 18 ครั้ง ก่อนปิดตลาดปรับเพิ่ม 550 บาท ระหว่างวันขึ้นไปแตะนิวไฮ ทองคำแท่งขายออก 50,700 บาท ทองรูปพรรณขายออก 51,500 บาท ขึ้นไปต่อเนื่อง