เสนอครูยุคใหม่ต้องมีจิตวิญญาณความเป็นครู-มีความรู้ยุค4.0

คุรุสภา 18 ม.ค.-คุรุสภา จัดเสวนาบนเส้นทางวิชาชีพครูยุคใหม่ เนื่องในวันครูเเห่งชาติครั้งที่ 63 ย้ำครูยุคใหม่ต้องมีจิตวิญญาณความเป็นครู มีความรู้ ยุค4.0 ไม่ใช่สอนเเค่เนื้อหา เเต่ต้องให้เด็กคิดเป็น วิเคราะห์ได้  อย่ามัวคำนึงความก้าวหน้าเเต่ควรมองว่า ได้พัฒนาเด็กมากแค่ไหน     โดยมีครูให้ความสนใจร่วมฟังกว่า 400 คน


คุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ จัดเสวนาเรื่อง”บนเส้นทางวิชาชีพของครูยุคใหม่”เนื่องในงานวันครูแห่งชาติ ครั้งที่63 ประจำปี 2562 เพื่อให้เห็นภาพ รวมของการเป็นครูยุคใหม่ รวมถึงการทำงานเเละนำเสนอข้อเสนอเเนะเพื่อพัฒนาครูยุคใหม่ให้สอดคล้องกับการพัฒนาการศึกษาของประเทศ โดยมีครูรุ่นใหม่เเลเบุคลากรทางการศึกษาให้ความสนใจเข้าฟังการเสวนากว่า 400 คน


นายบูรพาทิศ  พลอยสุวรรณ์  รองเลขาธิการคุรุสภา  กล่าวว่า  บนเส้นทางเป็นครูยุคใหม่ มีกระบวนการตั้งเเต่การผลิตครูจากสถาบันการศึกษาต่างๆ  คัดกรอง เพื่อให้ได้ครูที่มีคุณภาพ ผ่านการสอบประกอบวิชาชีพครู การใช้ หรือการจัดการเรียนการสอนของครู เเละเข้าสู่การบริหารงานบุคคลเเละการพัฒนาครู 

ปัจจุบันไทยมีสถาบันที่ผลิตครู 176 แห่งทั่วประเทศ ขณะนี้มีครูที่ถือใบประกอบวิชาชีพครูกว่า 948,074 คน ซึ่งเเบ่งเป็นครูร้อยละ 90 และผู้บริหารสถานศึกษาร้อยละ 8 ขณะที่เเต่ละปีมีนิสิตนักศึกษาที่จบใหม่เข้าขอใบประกอบวิชาชีพครู 36,000 คน


ขณะเดียวกันมีผู้มีใบประกอบอาชีพเเต่ไม่ได้ทำงานเกี่ยวกันการเรียนการสอน 350,543 คน เเม้ครูจะมีความหลากหลายในสถาบันเเละสังกัด เเต่ต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ของใบอนุญาตวิชาชีพครูที่คุรุสภาออกให้ ซึ่งถือเป็นสภาวิชาชีพหนึ่ง เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคคือนักเรียน การจัดระเบียบการประกอบอาชีพเเละเพื่อประโยชน์ของสาธารณะ เเละครูต้องได้ได้รับการพัฒนาอย่างเท่าเทียมเเละต่อเนื่อง เพราะครูที่มีคุณภาพจะส่งผลให้

คุณภาพการศึกษาดีขึ้นด้วย โดยปัจจุบันการศึกษาไทยยังถูกมองว่า ไม่มีคุณภาพ สู้กับต่างชาติไม่ได้ สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งคือครูไม่มีคุณภาพ 

รัฐธรรมนูญปีพ.ศ. 2560 จึงกำหนดให้มีการปฏิรูปครู โดยให้ปฏิรูปทั้งกลไกเเละระบบ ซึ่งครูต้องมี 2 คุณสมบัติสำคัญคือต้องมีจิตวิญญาณของความเป็นครู และมีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง ซึ่งครูยุคใหม่ต้องมีคุณสมบัติเหล่านี้ / เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของการศึกษาเเละคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของเด็กไทย นั่นคือ การศึกษาทั้งปวงต้องทำให้เด็กมีความรู้ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญได้ตามความถนัดของตน/ รัฐจึงต้องจัดการศึกษาให้มีคุณภาพเเละได้มาตรฐานสากล ครูยุคใหม่จึงต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้

ด้านนางสุปราณี นฤนาทนโรดม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านพัฒนาระบบบริหารงานบุคคล สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูเเละบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กล่าวว่า ก.ค.ศ.เป็นองค์กรกลางในการบริงานบุคคล กำหนดว่าเเต่ละโรงเรียน ต้องมีครูจำนวนเท่าใด , ออกกฎระเบียบเกี่ยวกับครู สรรหาครูผู้ช่วย ,ออกเกณฑ์การพัฒนาครู , ความก้าวหน้า ระบบประเมินวิทยฐานะ , เสริมสร้างความเข้มเเข็งให้กับระบบครูรวมถึงค่าตอบเเทนที่เหมาะสมกับความสามารถเเละประสิทธิสภาพครู  โดยเส้นทางความก้าวหน้าของครู เริ่มต้นที่การเข้ามาเป็นครูผู้ช่วย  ต้องผ่านการประเมิน 2 ปีเพื่อเเต่งตั้งเป็นครู หากเป็นครูได้ 5 ปีจะสามารถขอเป็นครูชำนาญการได้ เเละไต่สู่การเป็นครูเชี่ยวชาญพิเศษต่อไป  เเต่หากอยากทำงานสายบริหาร สามารถเป็นศึกษานิเทศก์ได้ รวมถึงการเป็นผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งหากรักเส้นทางสายครู ก็สามารถเลือกประกอบอาชีพได้ในหลายสายงาน เเต่อย่างไรก็ตามที่สุดของความก้าวหน้า คือการเป็นครูที่มีใจในการพัฒนาเด็ก ซึ่งถือเป็นพลังที่จะเติบโตเเละประสบความสำเร็จสูงสุงในอาชีพครู

ขณะที่น.ส.เกศทิพย์ ศุภวานิช ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาครูเเละบุคลากรทางการศึกษา กล่าวว่า จิตวิญญานของความเป็นครูไม่ได้ดูความก้าวหน้า เเต่ดูว่าครูจะพัฒนาเด็กที่จะช่วยพัฒนาสังคมได้อย่างไร เราสร้างเด็กเเล้วเด็กเป็นอย่างไร ได้ดึงศักยภาพเด็กได้ดีแค่ไหน นั่นคือความมีจิตวิญญาณ เเม้เกษียณเเล้วก็ต้องมี จึงจะเรียกได้ว่าครูเป็นวิชาชีพขั้นสูง ความท้าทายในการเป็นครูยุค 4.0 คือต้องทำให้เด็กคิดเป็น สร้างสรรค์ได้เเละสร้างกระบวนการหรือองค์ความรู้ได้เอง 

โดยที่ผ่านมาสพฐ.ได้ช่วยพัฒนาครูผ่านโครงการพัฒนาครูรูปแบบครบวงจรหรือคูปองอบรมครู ตามความเชี่ยวชาญเเละถนัดของครูเเต่ละคน ผ่าน 1,207 หลักสูตรออนไลน์ เพื่อส่งต่อในการพัฒนาหรือสอนเด็ก ซึ่งมีครูเข้าอบรม 270,000 คน โดยครู 1 คนไม่ได้เรียนเเค่หลักสูตรเดียว ,โครงการพัฒนาครูผ่านระบบ TEPE ออนไลน์ ซึ่งเปรียบเป็นห้องสมุดเเละการอบรมระบบปิด 160,000 คน  ระบบ PLC ชุมชนเเห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ เพื่อเเบ่งปันประสบการณ์ความรู้กับเพื่อนครู 

ทั้งนี้ สรุปคือการที่ครูยังมองว่าเด็กโง่ เด็กไม่ได้โง่ เเต่ครูยังหาความถนัดเเละความเชี่ยวชาญไม่เจอ นั่นคือครูยังทำงานไม่บรรลุผล การเป็นครูในยุคใหม่ ครูต้องเปลี่ยนความคิด ไม่ใช่เเค่สอนเเค่เนื้อหา เพราะปัจจุบันมีเนื้อหาเยอะ เเต่ควรสอนในการหยิบเนื้อหาเหล่านี้มาเรียนรู้ เเนะวิธีการหาบทเรียน ว่าควรบริโภคเนื้อหาเเบบใด สร้างความคุ้มกันที่ดี และสร้างนักเรียนที่เห็นคุณค่าทำงานไม่ใช่เเค่ทำงานเป็น .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 15 […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจ สอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย

GBC หารือใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืนถกถึงเที่ยงคืน

มาเลเซีย 6 ส.ค.-GBC ประชุมใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืน ฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ การหารือภายใต้กรอบ GBC ณ เวลา 07.45 น. วันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) เมื่อคืน คณะเลขานุการ GBC ของทั้งสองฝ่าย ได้เจรจากันถึงเวลา 00.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในบางประเด็นสุดท้าย เนื่องจากฝ่ายเลขานุการ GBC ของฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ จึงได้นัดประชุมอีกครั้ง เวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันนี้ เพื่อหาข้อสรุปสำหรับประเด็นดังกล่าว โดยเมื่อเวลา 07.40 น. รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับคณะเลขานุการ GBC ของฝ่ายไทยติดตามความคืบหน้าในการเจรจา ให้กำลังใจ และชื่นชมในการทำงานอย่างหนักถึงวินาทีสุดท้ายของทีมไทยแลนด์ ขอให้ประสบความสำเร็จในการเจรจา เพื่อบรรลุผลและปกป้องผลประโยชน์ของไทย.-สำนักข่าวไทย