กรุงเทพฯ 16 ม.ค. – กสิกรไทยคาดหลังสงกรานต์เงินทุนไหลเข้า หนุนบาทแข็งค่า 31.30-31.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าถึงระดับ 31.30-31.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงหลังสงกรานต์ ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าสุดวันที่ 19 เมษายน เนื่องจากจะมีเงินต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะพันธบัตรระยะยาว เพราะนักลงทุนจะโยกเงินจากตลาดสหรัฐที่ยังมีปัญหาชัตดาวน์ ขณะที่อังกฤษยังไม่มีทางออกเรื่องการแยกตัวออกจาสหภาพยุโรป (Brexit ) ดังนั้น กระแสเงินจะโยกเข้ามาลงทุนในประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งประเทศไทยได้รับการจัดอันดับ 9 รองจากสวีเดน ว่าเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ต่ำ (CDS) ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังไม่เร่งตัวขึ้นมาก ดุลบัญชีเดินสะพัดยังเกินดุล และดอกเบี้ยที่แท้จริงยังเป็นบวก
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเงินบาทที่แข็งค่ากระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทย โดยส่วนแบ่งการส่งออกไทยลดลง จากร้อยละ 1.52 เหลือร้อยละ 1.47 ส่วนแนวโน้มเงินบาทในช่วงไตรมาส 2/2562 เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงมาแตะ 32.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะมีการจ่ายปันผลส่งผลให้มีเงินไหลออก ประกอบกับ ท่องเที่ยวเข้าสู่โลว์ซีซั่น แต่เชื่อว่าเงินบาทปีนี้ยังมีความผันผวนสูงเหมือนกับปีก่อน โดยธนาคารได้ปรับเป้าหมายเงินบาทสิ้นปีนี้ใหม่อยู่ที่ 33.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากเดิม 34.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดจะปรับขึ้นเพียง 1 ครั้งในช่วงปลายปี หากการเลือกตั้งในประเทศมีความชัดเจนและการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ จะช่วยกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศปรับตัวสูงขึ้น และ อัตราเงินเฟ้อจะปรับสูงขึ้นตามด้วย
ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามปีนี้ คือ เรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐกับจีนชะลอตัวลง และมีผลกดดันส่งออกไทยให้โตเพียงร้อยละ 4.5 ส่วนเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตร้อยละ 4 นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเพิ่มขึ้นจากการที่รัฐสภาอังกฤษลงมติคว่ำร่างข้อตกลง Brexit ซึ่งเป็นปัจจัยที่กดดันยุโรปและสหราชอาณาจักร โดยมีความเป็นไปได้สูงที่นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ และอาจมีผลทำให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจต้องเลื่อนการขึ้นดอกเบี้ย.-สำนักข่าวไทย