ส่ง “ราฮาฟ” สาวซาอุฯ ไปประเทศที่ 3 แล้ว

สุวรรณภูมิ 12 ม.ค.- “ราฮาฟ” สาวชาวซาอุดีอาระเบียที่หลบหนีจากการคลุมถุงชนของครอบครัวมายังประเทศไทย ได้เดินทางต่อไปยังประเทศแคนาดา ภายใต้การดูแลของ UNHCR เพื่อขอลี้ภัยแล้ว เจ้าตัวเผยขอบคุณประเทศไทยที่ให้การดูแลเป็นอย่างดี


เมื่อเวลา 23.15 น.วานนี้ (11 ม.ค.) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) เดินทางไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อส่ง น.ส.ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด เอ็ม อัลคูนัน อายุ 18 ปี ชาวซาอุดีอาระเบีย ที่อยู่ในการดูแลของ UNHCR ขึ้นเครื่องบินไปยังประเทศแคนาดาแล้ว หลังได้รับการประสานจากสถานเอกอัครราชทูตแคนาดา ยืนยันพร้อมรับการดูแลนางสาวราฮาฟ ในฐานะผู้ลี้ภัย  

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า ได้พูดคุยกับนางสาวราฮาฟ ซึ่งยืนยันว่ายังไม่มีความประสงค์จะพบกับพ่อและพี่ชาย ซึ่งทางการไทยต้องทำตามความประสงค์ของผู้ลี้ภัย ขณะที่เจ้าตัวได้กล่าวแสดงความขอบคุณที่ประเทศไทยให้การดูแลเป็นอย่างดี โดยมีสีหน้ายิ้มแย้มระหว่างการเดินทาง ซึ่งตนเองพร้อมด้วยตัวแทนเจ้าหน้าที่อุปทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย และเอกอัครราชทูตแคนาดาประจำประเทศไทย ได้เดินทางไปส่งขึ้นเครื่องบินสายการบินที่ KE652 เมื่อเวลา 23.15 น.ไปลงประเทศเกาหลีใต้ ก่อนต่อเครื่องไปยัง เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา ส่วนพ่อและพี่ชายของนางสาวราฮาฟ ก็เดินทางกลับประเทศไปแล้วเมื่อเวลา 02.00 น. ซึ่งถือว่าเรื่องนี้เสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดแล้ว และยืนยันว่า นางสาวราฮาฟ ไม่ได้มีสถานะเป็นผู้ต้องหา และไม่ใช่เรื่องของความมั่นคงระหว่างประเทศ แต่เป็นเรื่องภายในครอบครัว ที่จะต้องไปพูดคุยตกลงกันเองให้เกิดความเข้าใจ และยังถือเป็นตัวอย่างในการดำเนินการกับเคสอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายกัน


สำหรับนางสาวราฮาฟ เดินทางมากับสายการบินคูเวต เพื่อไปประเทศออสเตรเลีย แต่เมื่อ วันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ขณะมาเปลี่ยนเครื่อง กลับถูกกักตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิ เนื่องจากเธอไม่มีวีซ่าเข้าประเทศไทย ทางเจ้าหน้าที่ไทยจึงปฏิเสธที่จะให้เธอเดินทางเข้าประเทศ เพื่อจะไปเปลี่ยนเครื่องบินไปยังประเทศปลายทาง จากนั้นเธอใช้ทวิตเตอร์เป็นช่องทางสื่อสารกับชาวโลก โดยได้โพสต์รูปและข้อความเพื่อยืนยันตัวตนว่าเธอคือ ราฮาฟ โมฮาเหม็ด แอล-เคนูน ทำให้เรื่องราวของเธอเริ่มได้รับความสนใจจากชาวโลก เธออ้างว่าเธอละทิ้งครอบครัว รวมทั้งศาสนาอิสลาม อีกทั้งยังเกรงว่าหากเธอกลับที่บ้าน อาจจะถูกครอบครัวฆ่าปิดปาก จนกลายเป็นข่าวโด่งดัง ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง