‘สี จิ้นผิง’ ร่วมงานฉลองครบรอบ 60 ปีก่อตั้งทิเบต

ลาซา 21 ส.ค. – ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เดินทางเยือนทิเบตในโอกาสพิเศษ เพื่อร่วมฉลองครบรอบ 60 ปีของการก่อตั้งเขตปกครองตนเองทิเบต โดยมีการจัดงานเฉลิมฉลองและขบวนพาเหรดที่จัตุรัสขนาดใหญ่ข้างพระราชวังโปตาลา ซึ่งเป็นอดีตที่ประทับฤดูหนาวขององค์ดาไลลามะ ผู้นำจิตวิญญาณของทิเบต ผู้แทนคณะใหญ่จากกรุงปักกิ่ง ซึ่งรวมถึงผู้นำระดับสูงจากพรรคและรัฐบาล ได้เข้าร่วมชมขบวนพาเหรดที่ถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์แห่งชาติจีน โดยผู้ร่วมขบวนได้ชูป้ายสีแดง เพื่อแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ทิเบตต้องทำให้สำเร็จภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้จัดตั้งเขตปกครองตนเองทิเบตขึ้นเมื่อเดือนกันยายน ปี 1965 หรือ 6 ปีหลังจากที่องค์ดาไลลามะที่ 14 เสด็จลี้ภัยไปอินเดีย หลังจากการลุกฮือต่อต้านจีนไม่สำเร็จ ทำให้ทิเบตกลายเป็นเขตปกครองตนเองแห่งที่ 5 และแห่งสุดท้ายของจีน หลังจากเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ซินเจียง กว่างซี และหนิงเซี่ย ตั้งแต่ประธานาธิบดีสี ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ในช่วงปลายปี 2012 และเป็นประธานาธิบดีในช่วงต้นปี 2013 จีนได้เพิ่มการควบคุมเชิงสถาบันในทิเบตมากขึ้น ตั้งแต่การกำหนดให้พุทธศาสนาแบบทิเบตต้องอยู่ภายใต้ระบบสังคมนิยมของจีน ไปจนถึงการเรียกร้องให้ประชาชน “ปฏิบัติตามพรรค” นอกจากนี้ นักข่าวต่างชาติและนักการทูตยังคงต้องได้รับอนุญาตเป็นพิเศษ จึงจะสามารถเดินทางเข้าไปในทิเบตได้.-813.-สำนักข่าวไทย

Road accident in Herat kills at least 71 people

สังเวย 79 ศพ รถบัสผู้ลี้ภัยชนในอัฟกานิสถาน

คาบูล 20 ส.ค.- เกิดอุบัติเหตุรถโดยสารชาวอัฟกันลี้ภัยที่เพิ่งถูกเนรเทศออกจากอิหร่าน ชนกับรถบรรทุกและรถจักรยานยนต์ทางตะวันตกของอัฟกานิสถาน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 79 คน โฆษกรัฐบาลจังหวัดเฮรัตและตำรวจท้องถิ่นเปิดเผยว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อค่ำวันอังคารที่เขตกูซารา ใกล้กับเมืองเฮรัต ตำรวจระบุว่า สาเหตุเกิดจากคนขับรถโดยสารขับรถเร็วเกินกำหนดและขับรถโดยประมาท จึงเป็นเหตุให้ชนกับรถบรรทุกและรถจักรยานยนต์ จนเกิดไฟลุกไหม้ โฆษกของกระทรวงมหาดไทยตอลิบานยืนยันกับบรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษหรือบีบีซี (BBC) ว่า มีผู้เสียชีวิต 79 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 17 คน ก่อนหน้านี้ทางการท้องถิ่นตอลิบานปิดเผยว่า คนบนรถโดยสารเสียชีวิตหมดทั้งคัน รวมถึงคนในรถบรรทุก 2 คน และคนบนรถจักรยานยนต์ 2 คน อุบัติเหตุเกิดขึ้นในขณะที่รถโดยสารคันนี้กำลังนำชาวอัฟกันลี้ภัยที่เพิ่งถูกเนรเทศออกจากอิหร่านเดินทางมุ่งหน้าไปยังกรุงคาบูล หลังจากขึ้นรถที่จุดผ่านแดนอิสลามกาลาที่เป็นด่านระหว่างอัฟกานิสถานกับอิหร่าน ก่อนหน้านี้อิหร่านได้ขีดเส้นตายให้ชาวอัฟกันที่อพยพเข้ามาอย่างผิดกฎหมายออกจากอิหร่านภายในเดือนกรกฎาคมโดยสมัครใจ แต่หลังจากที่ทำสงครามเป็นเวลาสั้น ๆ กับอิสราเอลในเดือนมิถุนายน ทางการอิหร่านได้บังคับส่งกลับผู้ลี้ภัยเหล่านี้โดยอ้างเรื่องความมั่นคง ข้อมูลของสหประชาชาติระบุว่า นับตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี้ มีชาวอัฟกันเดินทางออกจากอิหร่านแล้วมากกว่า 1.5 ล้านคน หลายคนอยู่มาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย เป็นกลุ่มที่อพยพเข้าไปในอิหร่านตั้งแต่ช่วงสหภาพโซเวียตบุกอัฟกานิสถานในปี 2522 และช่วงตอลิบานกลับมาปกครองอัฟกานิสถานในปี 2564.-814.-สำนักข่าวไทย

tree cut to block Bangladesh youth rally

ม็อบชนม็อบในบังกลาเทศตาย-เจ็บนับสิบ

ธากา 17 ก.ค.- เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นระหว่างการชุมนุมทางการเมืองในบังกลาเทศเมื่อวานนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 คนและบาดเจ็บอีกนับสิบคน การชุมนุมของพรรคพลเมืองแห่งชาติของบังกลาเทศหรือเอ็นซีพี (NCP) นำโดยกลุ่มนักศึกษาที่เมืองโคปาลคัญช์ทางภาคใต้  เป็นการชุมนุมอย่างสงบเนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีของการขับไล่นางชีค ฮาสินา พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ผูกขาดมานาน และต้องลี้ภัยไปอยู่ในอินเดียเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว อีกทั้งยังเป็นการชุมนุมเพื่อเรียกร้องเรื่องการปฏิรูปการเมืองที่ล่าช้าไม่มีความคืบหน้า นายโมฮัมหมัด ยานูส นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลสันติภาพ ซึ่งมีตำแหน่งหัวหน้าคณะที่ปรึกษาของรัฐบาลรักษาการบังกลาเทศโพสต์ในเอ็กซ์ (X) ว่า สมาชิกพรรคเอ็นซีพี  ตำรวจ และสื่อมวลชนถูกทำร้ายระหว่างการชุมนุมอย่างสงบ และยังมีการทำลายรถยนต์ ตลอดจนมีบุคคลอื่น ๆ ถูกทำร้ายร่างกายด้วย นายยานูสระบุว่า การขัดขวางกลุ่มเยาวชนไม่ให้จัดการชุมนุมอย่างสันติเพื่อรำลึกครบรอบ 1 ปีการเคลื่อนไหวปฏิวัติของกลุ่มเอ็นพีซีถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานอย่างน่าละอาย พร้อมทั้งกล่าวโทษว่า เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของสมาชิกพรรคการเมืองสันนิบาตอาวามีบังกลาเทศหรือบีเอแอล (BAL) ของนางฮาสินา เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 10 คน สมาชิกพรรคบีเอแอลหยิบจับอาวุธที่หาได้ออกมารวมตัวกันเพื่อก่อกวนการชุมนุม ด้วยการตัดต้นไม้ให้ล้มกีดขวางถนนในหลายเส้นทาง โจมตีขบวนรถของกลุ่มนักเคลื่อนไหวเอ็นพีซี และทำลายสถานที่จัดการชุมนุมของเอ็นซีพีในสวนธารณะแห่งหนึ่ง ด้านรัฐบาลประกาศเคอร์ฟิวตั้งแต่เวลา 20.00 น.วานนี้มีผลไปจนถึง 18.00 น.วันนี้เพื่อควบคุมสถานการณ์.-816(814).-สำนักข่าวไทย

สหรัฐเดินหน้าเสริมกำแพงชายแดน

สหรัฐเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งของกำแพงพรมแดนติดกับเม็กซิโกเพื่อสกัดกั้นผู้อพยพ ขณะที่สถานการณ์ในเม็กซิโกกำลังเป็นไปอย่างโกลาหล

Germany's Scholz extends sympathy and solidarity with Magdeburg victims

นายกฯ เยอรมนีลงพื้นที่เกิดเหตุที่ตลาดคริสต์มาส

นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี เดินทางไปยังที่เกิดเหตุคนร้ายขับรถพุ่งชนผู้คนที่ตลาดคริสต์มาส เพื่อไว้อาลัยและให้กำลังใจผู้ตกเป็นเหยื่อ ขณะที่สื่อเยอรมนีเริ่มขุดคุ้ยข้อมูลของผู้ต้องสงสัยก่อเหตุ

Flight tracker shows plane departing Latakia, Syria and arriving in Moscow

ผู้นำซีเรียหนีไปลี้ภัยที่รัสเซีย

มอสโก 9 ธ.ค.-  ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรียและครอบครัว เดินทางถึงกรุงมอสโก โดยรัสเซียให้ลี้ภัยอยู่ในประเทศ หลังจากต้องหลบหนีออกนอกประเทศ ช่วงที่กลุ่มกบฏบุกยึดกรุงดามัสกัสเมื่อวานนี้ เว็บไซต์ไฟลต์เรดาร์รายงานว่า เครื่องบินทหารของรัสเซียขึ้นบินเดินทางออกจากเมืองท่าลาตาเกียของซีเรีย มุ่งหน้าไปยังกรุงมอสโกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่ไม่รู้แน่ชัดว่าใครอยู่บนเครื่องบินลำดังกล่าว ต่อมา โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซียแถลงว่า  ประธานาธิบดีอัล-อัสซาดได้ลาออกจากตำแหน่งผู้นำซีเรียและเดินทางออกนอกประเทศแล้ว หลังจากสั่งการให้มีการส่งผ่านอำนาจโดยสันติ สื่อรัสเซียรายงานอ้างแหล่งข่าวจากทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียที่ยืนยันว่า ผู้นำซีเรียและครอบครัว เดินทางถึงกรุงมอสโกเมื่อวานนี้ และได้รับสถานะผู้ลี้ภัยเข้าอยู่ในรัสเซียด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม เป็นการยืนยันว่า การปกครองซีเรียยาวนาน 24 ปีของนายอัล-อัสซาด ได้จบลงแล้ว และปิดฉากการปกครองของตระกูลอัล-อัสซาดที่ดำเนินมานาน 50 ปี นับตั้งแต่สมัยประธานาธิบดี ฮาเฟซ อัล-อัสซาด ผู้เป็นบิดา ส่วนที่มัสยิดกลางอุมัยยะห์ ในกรุงดามัสกัส ซึ่งเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งโลก ฝูงชนรุมล้อมและต้อนรับอาบู โมฮัมเหม็ด อัล-โจลานี ผู้นำกองกำลังฮายอัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม หรือเอชทีเอส (HTS) แกนนำกลุ่มกบฏซีเรียที่นำกำลังบุกโจมตีเข้ายึดเมืองต่าง ๆ ทั่วซีเรีย รวมถึงกรุงดามัสกัสได้ภายในเวลา 11 วัน หลังจากเริ่มปฏิบัติการแบบสายฟ้าแลบตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน นายอัล-โจลานีกล่าวว่า ชัยชนะของฝ่ายกบฏคือจุดเปลี่ยนของภูมิภาค […]

Hamas leader-in-exile Khaled Meshaal

ผู้นำฮามาสลี้ภัยประกาศว่าฮามาสจะฟื้นคืนชีพ

โดฮา 8 ต.ค.- นายคาเลด เมชาล ผู้นำฮามาสที่ลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศประกาศว่า กลุ่มฮามาสจะฟื้นคืนชีพเหมือนนกฟีนิกซ์ แม้ว่าสูญเสียอย่างมากตลอดการทำสงครามนาน 1 ปีกับอิสราเอล นายเมชาล วัย 68 ปีให้สัมภาษณ์รอยเตอร์ว่า ความขัดแย้งกับอิสราเอลในขณะนี้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่ดำเนินมา 76 ปี ย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาที่ชาวปาเลสไตน์เรียกว่า นักบา (Nakba) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ชาวปาเลสไตน์จำนวนมากกลายเป็นคนพลัดถิ่นในสงครามปี 2491 ที่นำมาสู่การตั้งรัฐอิสราเอล ประวัติศาสตร์ของชาวปาเลสไตน์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นวงจร โดยได้ผ่านจากการสูญเสียผู้พลีชีพและศักยภาพทางทหารไปสู่การฟื้นคืนทางจิตวิญญาณ คล้ายกับนกฟีนิกซ์ที่ฟื้นจากกองขี้เถ้าขึ้นมาเป็นนกตัวใหม่ เขาเผยด้วยว่าฮามาสยังคงมีคนหนุ่มมาเข้าร่วม และยังคงสามารถผลิตอาวุธและเครื่องกระสุนได้เป็นจำนวนมาก นายเมชาลเป็นผู้นำฮามาสช่วงปี 2539-2560 เคยถูกอิสราเอลพยายามลอบสังหารในปี 2540 ด้วยการฉีดยาพิษ แต่รอดชีวิตมาได้ เขาลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ แต่ยังคงมีอิทธิพลในฮามาสเนื่องจากมีบทบาทสำคัญมาร่วม 3 ทศวรรษ ขณะนี้เขาถูกมองว่าเป็นตัวแทนทางการทูตของกลุ่ม และเป็น 1 ใน 6 ผู้นำฮามาสที่ถูกกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐดำเนินคดีในข้อหาก่อการร้ายจากเหตุโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566.-814.-สำนักข่าวไทย  

ฝ่ายค้านเวเนซุเอลาลี้ภัยไปสเปนแล้ว

นายเอ็ดมุนโด กอนซาเลซ อดีตผู้สมัครฝ่ายค้านชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ได้เดินทางไปลี้ภัยในสเปนแล้ว หลังจากถูกอัยการออกหมายจับ

สหรัฐปัดเอี่ยวโค่นผู้นำบังกลาเทศ

วอชิงตัน 13 ส.ค.- รัฐบาลสหรัฐปฏิเสธว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขับไล่นายกรัฐมนตรีของบังกลาเทศซึ่งขณะนี้ลี้ภัยอยู่ในอินเดีย โฆษกทำเนียบขาวตอบคำถามของผู้สื่อข่าวกรณีมีข่าวลือหรือรายงานว่า สหรัฐมีส่วนร่วมในการขับไล่นางเชค ฮาซีนา อดีตนายกรัฐมนตรีของบังกลาเทศที่ขณะลี้ภัยอยู่ในอินเดียว่า สหรัฐไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในบังกลาเทศแต่อย่างใด การกล่าวหาสหรัฐเป็นเรื่องที่ไม่จริง สหรัฐเชื่อมั่นว่าชาวบังกลาเทศจะเป็นผู้ตัดสินอนาคตของรัฐบาล และสหรัฐเองยึดมั่นในจุดยืนนี้ หนังสือพิมพ์อีโคโนมิคไทมส์ในอินเดียรายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่า นางฮาซีนากล่าวหาสหรัฐว่ามีส่วนร่วมในการโค่นล้มเธอออกจากตำแหน่ง เนื่องจากสหรัฐต้องการเข้ามาควบคุมเกาะเซ็นต์มาร์ตินในอ่าวเบงกอล หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวอ้างว่า นางฮาซีนาเปิดเผยข้อมูลนี้ผ่านมาทางคนสนิท แต่นายชาจีบ วาเจด บุตรชายของเธอโพสต์เอ็กซ์ในวันเดียวกันว่า มารดาไม่เคยพูดเรื่องนี้ เหตุการณ์ประท้วงในบังกลาเทศที่เกิดขึ้นมานานนับเดือนมีชนวนเหตุมาจากความไม่พอใจของนักศึกษาที่ต้องการให้รัฐบาลยกเลิกการจัดสรรโควต้าเข้ารับราชการไว้สำหรับบุตรหลานของทหารผ่านศึกที่เคยร่วมรบในสงครามเรียกร้องเอกราชเมื่อปี 2514 นอกจากนี้ยังมีประชาชนร่วมผสมโรงจากความไม่พอใจเรื่องปัญหาปากท้อง ทำให้นางฮาซีนาไม่สามารถทนแรงกดดันได้อีกต่อไปจนต้องหนีไปลี้ภัยอยู่ในกรุงนิวเดลีของอินเดียเมื่อต้นเดือนนี้.-816(814).-สำนักข่าวไทย

ลูกอดีตนายกฯ บังกลาเทศมองประเทศเสี่ยงวุ่นวายแบบซีเรีย

นิวเดลี 7 ส.ค.- บุตรชายของนางเชค ฮาซีนาที่ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศและหนีออกนอกประเทศเมื่อวันจันทร์แสดงความเห็นว่า อนาคตของบังกลาเทศเสี่ยงเกิดความวุ่นวายเหมือนซีเรียที่เกิดสงครามกลางเมือง นายชาจีฟ วาเจด จอย วัย 53 ปี บุตรชายนางฮาซีนาให้สัมภาษณ์พิเศษกับสถานีโทรทัศน์เอ็นดีทีวี (NDTV) ของอินเดีย แสดงความกังวลเรื่องมีการทำร้ายแกนนำของพรรคสันนิบาตอวามี ซึ่งเป็นพรรคของมารดา และชนกลุ่มน้อยในประเทศ หลังจากมีการพบศพแกนนำพรรค 12 คน ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ มีการวางเพลิงเผาบ้านเรือน สส. และรัฐมนตรีของพรรค เขามองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะมีการสังหารผู้คน เขาจะขอให้รัฐบาลอินเดียช่วยรับรองความปลอดภัยของคนเหล่านี้ ด้านกลุ่มสิทธิและผู้นำชุมชนอ้างว่า มีม็อบสร้างความเสียหายให้แก่วัดฮินดู ร้านค้า และวัดในบังกลาเทศ หลังจากรัฐบาลนางฮาซีนาล่มสลาย ต่อข้อถามว่ามองอนาคตบังกลาเทศอย่างไร นายจอยตอบว่า บังกลาเทศเสี่ยงเกิดความวุ่นวายเหมือนซีเรีย ชาวบังกลาเทศได้ตัดสินอนาคตของตนเองไปแล้ว จึงต้องอยู่กับสิ่งที่ได้ทำลงไป สิ่งที่จะเกิดขึ้นจะเป็นอนาคตที่สิ้นหวัง เศรษฐกิจจะหยุดเติบโต และทหารจะปกครองต่อไป ส่วนรายงานข่าวเรื่องสหราชอาณาจักรนิ่งเฉยต่อคำขอลี้ภัยของมารดา และข่าวสหรัฐเพิกถอนวีซ่าของมารดา บุตรชายของนางฮาซีนาปฏิเสธว่า ไม่จริง เพราะมารดายังไม่ได้ขอลี้ภัยไปยังที่ใด.-814.-สำนักข่าวไทย  

เผยคนร่วมล้านหนีออกจากราฟาห์ตั้งแต่อิสราเอลเริ่มบุก

กาซา 28 พ.ค.- สำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานของสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้หรืออันวา (UNRWA) เผยวันนี้ว่า มีประชาชนประมาณ 1 ล้านคนหนีออกจากเมืองราฟาห์ ทางใต้ของกาซานับตั้งแต่อิสราเอลเริ่มใช้ปฏิบัติการทางทหารกับเมืองนี้เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน ราฟาห์เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีพรมแดนติดกับอียิปต์ และเป็นที่พักพิงของชาวปาเลสไตน์มากกว่า 1  ล้านคนที่ลี้ภัยการสู้รบมาจากพื้นที่อื่น ๆ ในกาซา นับตั้งแต่อิสราเอลเปิดฉากทำสงครามในกาซาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 กองทัพอิสราเอลได้เริ่มใช้ปฏิบัติการทางทหารในเมืองนี้ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม โดยระบุว่า เป็นปฏิบัติการอย่างจำกัดเพื่อสังหารนักรบฮามาสและรื้อทำลายโครงสร้างพื้นฐานที่ฮามาสใช้งาน และแจ้งให้พลเรือนในเมืองนี้อพยพไปยังเขตมนุษยธรรมต่อขยายที่อยู่ห่างออกไป 20 กิโลเมตร ชาวปาเลสไตน์จำนวนมากร้องเรียนว่า ไม่ว่าจะเดินทางไปลี้ภัยอยู่ที่ใดก็เสี่ยงอันตรายจากการโจมตีของอิสราเอล และต้องอพยพย้ายถิ่นไปมาทั้งขึ้นเหนือและล่องใต้ในฉนวนกาซาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา อันวาระบุว่า ชาวปาเลสไตน์หนีออกจากเมืองราฟาห์ไปโดยที่ไม่มีสถานที่ปลอดภัยให้หลบภัย ต้องเผชิญทั้งกระสุนและระเบิด ขาดแคลนน้ำ ขาดแคลนอาหาร และมีสภาพความเป็นอยู่ที่ไม่เหมาะสม ขณะที่การให้ความช่วยเหลือและให้ความคุ้มครองแทบเป็นไปไม่ได้แล้ว.-814.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลลาตินอเมริกาเข้าข้างเม็กซิโกที่ถูกเอกวาดอร์บุกสถานทูต

กีโต 7 เม.ย.- รัฐบาลหลายประเทศในลาตินอเมริกาแสดงท่าทีสนับสนุนเม็กซิโกและวิพากษ์วิจารณ์เอกวาดอร์ หลังจากตำรวจเอกวาดอร์บุกสถานทูตเม็กซิโกในกรุงกีโตของเอกวาดอร์ เพื่อจับกุมอดีตรองประธานาธิบดีเอกวาดอร์ที่หลบซ่อนตัวอยู่ รัฐบาลในลาตินอเมริกาที่มีแนวนโยบายแตกต่างกันตั้งแต่ฝ่ายซ้ายอย่างบราซิลและโคลอมเบียไปจนถึงฝ่ายขวาอย่างอาร์เจนตินาและอุรุกวัย วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงกรณีที่ตำรวจเอกวาดอร์บุกจับกุมนายฮอร์เฆ กลาส อดีตรองประธานาธิบดีที่ต้องคดีทุจริต 2 คดีเมื่อคืนวันศุกร์ และทำให้เม็กซิโกประกาศระงับความสัมพันธ์กับเอกวาดอร์ กระทรวงต่างประเทศบราซิลแถลงว่า การกระทำของเอกวาดอร์จะต้องถูกปฏิเสธอย่างเด็ดขาด  ไม่ว่าจะมีข้ออ้างสร้างความชอบธรรมใดก็ตาม เพราะเป็นการละเมิดอย่างชัดเจนต่อบรรทัดฐานสากลที่ห้ามการบุกสถานทูตของประเทศอื่น ขอย้ำว่าบราซิลขออยู่เคียงข้างเม็กซิโก ขณะที่ประธานาธิบดีกุสตาโว เปโตร ของโคลอมเบียโพสต์เอ็กซ์ว่า ลาตินอเมริกาจะต้องคงไว้ซึ่งหลักกฎหมายสากลในยามที่ความป่าเถื่อนกำลังรุกรานโลก รัฐบาลโคลอมเบียแถลงว่า จะหาทางให้ความคุ้มครองทางกฎหมายด้านสิทธิมนุษยชนแก่นายกลาสที่ถูกทางการเอกวาดอร์ควบคุมตัวในวันเดียวกับที่ได้รับอนุมัติคำขอลี้ภัยทางการเมืองจากเม็กซิโก นายกลาสหลบซ่อนตัวอยู่ในสถานทูตเม็กซิโกที่ตั้งอยู่ในย่านการเงินของกรุงกีโตตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 เอกวาดอร์ตำหนิเม็กซิโกว่าให้ลี้ภัยอย่างผิดกฎหมาย เนื่องจากนายกลาสเป็นผู้ต้องคดีทุจริตและขณะนี้ถูกคุมขังในเรือนจำเมืองกัวยากิลที่เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ.-814.-สำนักข่าวไทย  

1 2 3 8
...