กรุงเทพฯ 7 ม.ค. – กรมส่งเสริมสหกรณ์พัฒนาสหกรณ์การเกษตรเป็นองค์กรหลักระดับอำเภอ ตั้งเป้า 823 แห่ง ยกระดับเกษตรกรเป็นผู้แปรรูปพืชเศรษฐกิจหลัก 13 ชนิด เกิดการหมุนเวียนรายได้ฐานราก
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ปี 2562 กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ดำเนินโครงการ 1 สหกรณ์ 1 อำเภอ เป็นนโยบายหลักที่จะผลักดันให้สหกรณ์การเกษตรทำหน้าที่เป็นองค์กรหลักทางเศรษฐกิจและสังคมระดับอำเภอในทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยให้สหกรณ์เป็นศูนย์กลางรวบรวมผลผลิตทางการเกษตรจากสมาชิกและเกษตรกรในชุมชน รวมถึงทำหน้าที่ส่งผ่านความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากรัฐบาลไปสู่ประชาชน โดยภาครัฐจะใช้กลไกสหกรณ์เป็นเครื่องมือดูแลชีวิตความเป็นอยู่และส่งเสริมรายได้ให้กับชาวบ้านแต่ละพื้นที่ให้มีอาชีพมั่นคง มีรายได้เพียงพอจนสามารถปลดหนี้และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
“คัดเลือกสหกรณ์การเกษตรที่มีความพร้อมเข้าร่วมโครงการ 823 แห่ง และประเมินศักยภาพของสหกรณ์แต่ละแห่ง ทั้งด้านการบริหารจัดการองค์กรและการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะต้องพัฒนาควบคู่กัน เนื่องจากทั้ง 2 เรื่องนี้จะส่งผลต่อความเข้มแข็งของสหกรณ์ โดยแต่ละสหกรณ์จะทำแผนพัฒนาองค์กร เริ่มตั้งแต่การสร้างความเข้าใจบทบาทและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสมาชิก การพัฒนากรรมการสหกรณ์และผู้นำกลุ่มสมาชิก การเพิ่มประสิทธิภาพของฝ่ายจัดการและการพัฒนาการให้บริการแก่สมาชิก และการวางระบบการบริหารงานสหกรณ์โดยยึดหลักธรรมาภิบาล ซึ่งจะช่วยยกระดับการดำเนินงานของสหกรณ์ให้เกิดความเข้มแข็งและสร้างความเชื่อมั่นแก่สมาชิกและประชาชนทั่วไปมากยิ่งขึ้น”นายพิเชษฐ์ กล่าว
ส่วนการพัฒนาด้านการดำเนินธุรกิจ กรมฯ แบ่งสหกรณ์ออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ สหกรณ์กลุ่มที่ 1 มีศักยภาพรวบรวมและแปรรูปผลผลิตการเกษตรระดับสูง 34 แห่ง กลุ่มที่ 2 สหกรณ์มีศักยภาพรวบรวมและแปรรูปผลผลิตการเกษตรระดับปานกลาง 121 แห่ง กลุ่มที่ 3 สหกรณ์ที่ต้องได้รับการพัฒนาศักยภาพการรวบรวมผลผลิต 328 แห่งและสหกรณ์ที่ต้องได้รับการผลักดันให้ดำเนินธุรกิจรวบรวมผลผลิต 316 แห่ง ซึ่งกรมฯ จะผลักดันให้สหกรณ์เหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการจัดการผลผลิตการเกษตรของแต่ละอำเภอ โดยยกระดับทั้งคุณภาพและราคาสินค้า พัฒนากระบวนการผลิต การแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า และสร้างอัตลักษณ์ให้กับสินค้าสหกรณ์ในแต่ละพื้นที่ โดยกรมฯ ได้ประสานความร่วมมือกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) อบรมความรู้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีและนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และสินค้าของสหกรณ์ แบ่งเป็นสินค้าหลัก 13 ชนิด อาทิ ข้าว ข้าวโพด ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน อ้อย ผักและผลไม้ โคเนื้อ โคนม ประมง ปศุสัตว์ และอื่น ๆ
ทั้งนี้ ทางสหกรณ์จะต้องสำรวจข้อมูลการผลิตสินค้าว่าปัจจุบันนี้สมาชิกส่วนใหญ่ผลิตสินค้าชนิดใด และสินค้าเหล่านั้นช่วยสร้างรายได้มากน้อยเพียงใด โดยสหกรณ์จะต้องมีส่วนเข้ามาดูแลสมาชิกตั้งแต่เริ่มต้นการปลูก การเก็บเกี่ยวและรวบรวมผลผลิต การแปรรูปไปจนถึงการตลาด สิ่งสำคัญคือต้องเน้นย้ำให้สมาชิกผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและตรงกับ ความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งจะทำให้สินค้าสหกรณ์มีตลาดรองรับที่แน่นอนและสามารถขายได้ราคาดี กรมฯคาดหวังว่า หากสหกรณ์เป้าหมายในโครงการ 1 สหกรณ์ 1 อำเภอ สามารถพัฒนาตัวองค์กรให้เข้มแข็งและดำเนินธุรกิจได้ประสบผลสำเร็จ ก็จะเป็นตัวอย่างให้กับสหกรณ์อื่น ๆ ได้ใช้แนวทางนี้มาพัฒนาการดำเนินงานของสหกรณ์ เพื่อให้สามารถดูแลอาชีพและความเป็นอยู่ของสมาชิก และทำหน้าที่เป็นองค์กรหลักในการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในแต่ละชุมชน ให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นขึ้นต่อไป.-สำนักข่าวไทย