สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแนวทาง ช่วยประชาชนหลังพายุปาบึก

ปภ.4 ม.ค.- “พล.อ.อนุพงษ์” รมว.มหาดไทย น้อมนำกระแสรับสั่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานแนวทาง ให้เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือประชาชนให้กลับมาดำรงชีพและประกอบอาชีพได้โดยเร็วหลังเหตุพายุปาบึก


พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กล่าวว่า ได้น้อมนำกระแสรับสั่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงพระราชทานแนวทาง ไว้ให้กับเจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่จะเข้าไปบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในการช่วยเหลือประชาชนภายหลังสถานการณ์พายุโซนร้อนปาบึกคลี่คลาย ให้ได้ดำรงชีวิตกลับไปประกอบอาชีพโดยเร็ว และได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้เร่งดำเนินการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยของประชาชน โดยให้อำเภอกับจังหวัดเร่งสำรวจความเสียหายด้านการเกษตร เข้าไปเยียวยาและช่วยเหลือเพิ่มเติม ยืนยันสถานการณ์คลี่คลายเมื่อใดจะเข้าไปสำรวจทันที

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่าสถานการณ์ภาพรวม พายุปาบึก เข้าที่จังหวัดนครศรีธรรมราชแล้ว ตอนนี้ปริมาณฝน 100-200 มิลลิเมตร แล้วแต่พื้นที่ ในเรื่องนี้จะมีหน่วยงานที่มีข้อมูลอยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว กรมชลประทาน จะให้ข้อมูลกับทางพื้นที่ตลอดเวลา ว่าเวลาใดจะอพยพคนออกมา เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย แต่ขณะนี้บางจุดยังสามารถควบคุมได้ สิ่งสำคัญประชาชนให้ความร่วมมือดีมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการหยุดเดินเรือ การอพยพ คาดว่าน่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงหรือเกิดความเสียหายโดยการตัดสินใจของพื้นที่จะอยู่ที่หน่วยในพื้นที่ร่วมกับจังหวัด โดยขณะนี้ในพื้นที่ที่พายุผ่านไปแล้วน่าจะคลี่คลาย แต่ต้องเฝ้าระวังอยู่หากฝนตกต่อเนื่องแล้วมีน้ำหลาก แต่ก็จะมีหน่วยงานดูแลอยู่


“เท่าที่ติดตามสถานการณ์ ขอยกตัวอย่าง จ.นครศรีธรรมราช ประเมินจะอพยพคนประมาณ 28,000 คน มีที่พักพิงร้อยกว่าแห่ง ซึ่งทั้งหมดได้เตรียมการไว้หมดแล้วอย่างไรก็ตาม ประชาชนให้ความร่วมมือดีมาก เมื่อเจ้าหน้าที่ไปพูดก็เชื่อฟัง ไม่น่าจะมีผลกระทบ ทั้งนี้หากสถานการณ์คลี่คลายก็ส่งประชาชนกลับคืนภูมิลำเนา” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

พล.อ.อนุพงษ์ยังกล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือหลังจากสถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลายซึ่งเป็นในช่วงของแผนการฟื้นฟูโดยย้ำว่าการฟื้นฟูและเยียวยาผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ครั้งนี้รัฐบาลจะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่โดยเฉพาะการซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหายรวมถึงสิ่งที่จะต้องเร่งช่วยเหลือคืออาชีพของประชาชน ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้าไปดูแล ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้กระทรวงมหาดไทยดูแลการเยียวยาอย่างเต็มที่ หากมีสิ่งไหนติดขัดหรืออยากให้ช่วยเหลือเพิ่มเติมรัฐบาลยินดีช่วยเหลืออย่างเต็มที่

พล.อ.อนุพงษ์ยังกล่าวอีกว่าหากสถานการณ์ในพื้นที่คลี่คลายอยู่ในระดับที่สามารถสัญจรได้จะลงพื้นที่ไปพบปะและรับฟังปัญหาประชาชนแต่ทั้งนี้จะต้องประเมินจากพื้นที่หน้างานอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์

PEA ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา 5 จุด

เริ่มแล้ว การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) รับนโยบาย สมช.สั่งตัดไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียนมา 5 จุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้

บุกจับกำนันหญิงแหนบทองคำ ฉ้อโกง 41 ล้าน

ตำรวจพิษณุโลกเปิดปฏิบัติการ “หักขาไก่” นำ 10 หมายจับ รวบตัว “กำนันหญิงแหนบทองคำ” ประธานกองทุนหมู่บ้าน กับคณะกรรมการกองทุนฯ ร่วมฉ้อโกงประชาชน หลังชาวบ้าน 140 ราย แจ้งความ มูลค่าความเสียหาย 41 ล้านบาท

ชาวเมียวดีหวั่นถูกตัดไฟฟ้า เตรียมเทียนไข-ไฟโซลาร์เซลล์

ชาวบ้านเมียวดี ฝั่งเมียนมา ตรงข้ามชายแดนแม่สอด จ.ตาก หวั่นไทยตัดไฟฟ้า กระทบวงกว้าง เตรียมเทียนไข-ไฟโซลาร์เซลล์-เครื่องปั่นไฟ รับมือ ด้าน PEA ชี้ตัดไฟเมียนมาอาจสูญเปล่า หากไม่พิจารณาให้ครบถ้วน

ข่าวแนะนำ

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

นายกฯพบสีจิ้นผิง

นายกฯ เข้าเยี่ยมคารวะ “สี จิ้นผิง”

นายกฯ เข้าเยี่ยมคารวะ “สี จิ้นผิง” ย้ำความสัมพันธ์ทางการทูตและหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ด้านจีนหนุนไทยมีบทบาทในเวที ระดับโลกและภูมิภาค

ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่แม่สอด ชี้ยังสรุปไม่ได้ หลังตัดไฟเมื่อวาน

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่แม่สอด ชี้ยังสรุปไม่ได้ หลังตัดไฟแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ขอทำไปประเมินไป อย่าทำให้เป็นประเด็น มองเป็นสิทธิฝั่งเมียนมาซื้อไฟฟ้าจากลาว ลั่นเดี๋ยวต้องคุยอีก ย้ำตัดไฟครั้งนี้ไม่ได้ใช้อารมณ์ รู้อยู่กระทบเศรษฐกิจบ้าง แต่แค่ 0.1%

รวบแล้วนักโทษหนีเรือนจำนนทบุรี จนมุมที่ จ.ชลบุรี

จับได้แล้วนักโทษชายหนีเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ระหว่างออกกองงานภายนอก จนมุมที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางแสน จ.ชลบุรี ก่อนนำตัวมาสอบสวนและดำเนินคดีที่ สภ.เมืองนนทบุรี