พล.อ.อนุพงษ์ รายงานสถานการณ์พายุโซนร้อนปาบึก

ปภ. 4 ม.ค.- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รายงานสถานการณ์และการช่วยเหลือประชาชน ในพื้นที่พายุโซนร้อน ปาบึก ให้องคมนตรี รับฟัง พร้อมเรียกประชุมวิดีโอคอนเฟอร์เร้นท์ ผู้ว่าราชการจังหวัด 14 จังหวัดภาคใต้ กำชับทุกหน่วยช่วยเต็มที่ คาดหลังวันที่ 6 ม.ค.สถานการณ์คลี่คลายทั้งหมด แต่เนื่องจากปริมาณน้ำฝนมาก ยังคงต้องเฝ้าระวังต่อไปอีก 2 วัน คือวันที่ 6 – 7 ม.ค.จึงยังไม่ให้ประชาชนกลับเข้าพื้นที่ 


พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ  ได้รายงานสถานการณ์และการช่วยเหลือประชาชนในระดับพื้นที่ เหตุกรณีพายุโซนร้อนปาบึก ต่อนายพลากร สุวรรณรัฐ พร้อมด้วย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายาพล.ร.อ.พงษ์เทพ หนูเทพ องคมนตรี ที่มาติดตามรับฟังสถานการณ์ โดยมีการประชุมวิดีโอคอนเฟอร์เร้นท์ ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด 14 จังหวัดภาคใต้ รวมทั้งจังหวัดเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ 

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า การหารือครั้งนี้ เพื่อให้คณะกรรมการ ปภ.จังหวัดได้ประเมิน ว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไร  โดยนโยบายในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในขณะนี้คือไม่ใช่แค่แจ้งเตือนเท่านั้น เมื่อถึงการตัดสินใจที่จะต้องดำเนินการ เช่น ห้ามเรือออกทะเล  เตรียมอพยพคนกรณีดินถล่ม จะต้องรับข้อมูลจากหน่วยงานต่าง ๆ และสั่งงาน ให้ประชาชนได้รับทราบทันที พร้อมย้ำทุกหน่วยงานในพื้นที่ต้องบูรณาการงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพราะข้อมูลโดยละเอียดแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน 


นายพลากร  กล่าวให้กำลังใจต่อเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ รวมทั้งจังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ ที่เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์พายุโซนร้อนปาบึก ทั้งนี้จากการพยากรณ์ของหลายหน่วยงานว่า พายุลูกนี้ น่าจะมีความรุนแรงไม่แพ้ พายุแฮเรียต ที่เข้าถล่มแหลมตะลุมพุก จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อปี พ.ศ.2505 ที่ส่งผลให้แหลมตะลุมพุกได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก  ซึ่งเป็นพายุที่ร้ายแรงที่สุดที่ประเทศไทยเคยประสบมา ต่อจากนั้นเป็นพายุเกย์ ก่อให้เกิดความเสียหายด้านกิจการประมงมาก รวมถึงบนบก การมาวันนี้ เพื่อมาเยี่ยมเยียน และให้กำลังใจผู้รับผิดชอบ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ทุกฝ่าย รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดภาคใต้ รวมถึงจังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ และทีมงานในพื้นที่ภาคใต้ 

ด้านนายภูเวียง ประคำมินทร์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานในที่ประชุม ว่า พายุปาบึก ได้เคลื่อนขึ้นฝั่งที่ อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เวลา 12.45 น. ความเร็วลม 75 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวไปทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็ว 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าพายุปาบึกจะอ่อนกำลังเป็นดีเปรสชั่นในคืนนี้ และจะเคลื่อนเข้าปกคลุมจังหวัดสุราษฎร์ธานี ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากเป็นบริเวณกว้างในหลายจังหวัด  ส่วนสถานการณ์ที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ล่าสุดสถานการณ์เบาบางลง 

อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ภาพรวมพื้นที่ภาคใต้ ยังต้องเฝ้าระวังฝนต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ลงมาถึง พัทลุง และ สงขลา ขณะที่ทางตอนบน มีบางส่วนล้ำขึ้นไปข้างหน้าทางจังหวัดชุมพร ส่วนซีกตะวันตก ขยับไปที่จังหวัดพังงา กระบี่ ตรัง สตูล ซึ่งขณะนี้จังหวัดสตูล สถานการณ์ดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่พายุปาบึกเคลื่อนไปทางทะเลอันดามัน 


นายภูเวียง กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ของพายุปาบึก หลังจากที่เคลื่อนจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป จะเข้าไปแนวรอยต่อจังหวัดพังงาและระนอง แต่แนวโน้มจะรวมที่พังงามากกว่า จากนั้นในช่วงเช้าของวันที่ 5 มกราคม 2562 คาดว่ากำลังพายุจะเคลื่อนลงไปในทะเลอันดามัน และขยับออกไปเรื่อย ๆ วันที่ 6 มกราคม เชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลายทั้งหมด ฝนจะเริ่มลดลงอย่างชัดเจน รวมถึงคลื่นจะอ่อนตัวลง แต่อย่างไรก็ตามจากการประเมิน ฝนที่ตกลงมา เมื่อช่วงเช้าที่จังหวัดปัตตานี มีปริมาณ 200 มิลลิเมตร ซึ่งลักษณะเช่นนี้คาดว่าพายุปาบึก จะผลิตน้ำในเทือกเขานครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี และพัทลุง ดังนั้นยังคงต้องเฝ้าระวังต่อไปอีก 2 วัน คือวันที่ 6 และ 7 มกราคม ยังไม่ปลอดภัยที่ประชาชนจะเข้าพื้นที่ 

นายสุทัศน์ วีสกุล ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) กล่าวว่า ข้อมูลสอดคล้องกับกรมอุตุนิยมวิทยา ว่า จะมีอิทธิพลฝนตกหนักตั้งแต่วันที่ 4-6 มกราคม จากพายุนี้จะส่งผลให้มีคลื่นลมแรง และเกิดคลื่นซัดฝั่ง โดยคลื่นซัดฝั่งจะยกระดับน้ำทะเลสูง 2-3 เมตร ขณะที่คลื่นสูง 3-5 เมตร โดยพื้นที่บริเวณ 230 กิโลเมตร จะได้รับผลกระทบ ลมแรง และฝนตกตลอดเส้นทางที่พายุเคลื่อนผ่าน สำหรับปริมาณฝนที่มีการคาดการณ์ในวันที่ 5 มกราคม จะมีฝนตกมากที่สุด และปริมาณฝนจะต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 6 มกราคม และจะลดลงในวันที่ 7 มกราคม ส่วนคลื่นทะเลจะส่งผลกระทบถึงวันที่ 4 มกราคม นี้เท่านั้น และจะย้ายฝั่งไปยังทะเลอันดามัน .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ยกทีมไปมาเลเซีย ย้ำกัมพูชาต้องจริงใจหยุดยิง

กทม. 28 ก.ค.-“ภูมิธรรม” ยกทีมไปมาเลเซีย คุย “ฮุน มาเนต” หยุดยิงเป็นเรื่องแรก และต้องแสดงให้เห็นว่าจริงใจ ยันไม่มีเรื่องแผนที่ 1 : 200,000 พร้อมยึดหลักอธิปไตยและทรัพย์สินของประชาชนเป็นที่ตั้ง และก่อนไปหารือกองทัพแล้ว นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะประกอบด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน. 6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมหารือแนวทางสันติภาพในภูมิภาค ณ ทำเนียบนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย นายภูมิธรรม กล่าวว่าวันนี้จะพบกันในเวลาประมาณ 15.00 น. จะมีการคุยกับนายฮุนมาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งเป็นการยกระดับการคุยในระดับผู้นำประเทศในระดับนายกรัฐมนตรี โดยมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนจะเป็นโฮส มีผู้เสนอตัวเข้ามาเป็นผู้สังเกตการณ์2 ประเทศคือสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีน […]

มทภ.2 ลั่น “ผมยังอยู่” หลังกัมพูชาปล่อยเฟกนิวส์

กทม. 28 ก.ค.-มทภ.2 ลั่น “ผมยังอยู่” หลังกัมพูชาปล่อยเฟกนิวส์ ทหารถือรูปภาพ ข้อความ RIP หวังทำลายขวัญกำลังใจ ยันจะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ลูกน้อง ดูแลความปลอดภัยประชาชน ในการปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า ภายหลังกัมพูชามีการรายงานและเผยแพร่รูปทหารถือภาพของตนเอง พร้อมข้อความ RIP ว่า เป็นข่าวปลอม หวังทำลายขวัญกำลังใจทหารแนวหน้าและคนไทย ยืนยันว่า ปัจจุบันนี้ตนยังต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่เจ้าหน้าที่ทหารทุกคนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการปกป้องอธิปไตยของไทยต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย และประชาชนมีความปลอดภัยอย่างแท้จริง พล.ท.บุญสิน ระบุต่อว่า ที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือนข้อมูล โดยการปล่อยข่าวเท็จ สร้างความสับสนในหมู่ของคนไทย ดังนั้น อยากให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้.-313.-สำนักข่าวไทย

จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเร่งอพยพชาวบ้านกลางดึก

แพร่ 28 ก.ค.-จ.แพร่ น้ำป่าไหลหลากในช่วงกลางดึก พื้นที่ ม.9 และ ม.1 ต.ไผ่โทน อ.ร้องกวาง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพประชาชน แต่ในระหว่างอพยพ กระแสน้ำไหลเชี่ยว ทำให้ชาวบ้านที่กำลังข้ามน้ำถูกพัดออกไปติดอยู่อีกฝั่ง โชคดีชาวบ้านโยนเชือกช่วยเหลือไว้ได้ทัน ขณะน้ำเมื่อคืนไหลแรงมาก ชาวบ้านเก็บของไม่ทัน มีรถยนต์ ของใช้ที่ได้ถูกน้ำท่วมเสียหายเป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่ได้รับรายงานผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต สำหรับฝนที่ตกลงมาใน จ.แพร่ โดยเฉพาะในพื้นที่ตำบลห้วยโรง และตำบลไผ่โทน เมื่อเวลา 20.00 น. มีปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด 130 มม. สำหรับแม่น้ำยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่บริเวณ Y20 สถานีวัดระดับน้ำบ้านห้วยสักวัดได้ 7.58 เมตร จากระดับตลิ่ง 9.00 ม. เมื่อตอนเวลา 22.00 น. หากฝนยังคงตกต่อเนื่องทำให้ปริมาณน้ำยมสูง อาจส่งผลให้น้ำท่วมระลอกที่ 2 ได้.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” นำตักบาตรถวายพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สนามหลวง 28 ก.ค.-“ภูมิธรรม” รักษาราชการแทนนายกฯ และภริยา เป็นประธานพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตร ถวายเครื่องไทยธรรมและผ้าไตรแด่สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน 10 รูป ก่อนจะตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระสงฆ์และสามเณร 174 รูป เพื่อถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2568 บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยมีคณะองคมนตรีและภริยา ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญและภริยา คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหน่วยราชการในพระองค์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมภริยา หัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า ร่วมพิธีทำบุญตักบาตรในครั้งนี้ด้วย จากนั้น เวลา 08.00 น. รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี […]