ชาวบ้านกว่า 500 คน เดินรณรงค์ต่อต้านความรุนแรง

นราธิวาส 1 ม.ค.-ชาวบ้านกว่า 500 คน เดินต้านความรุนแรง ประณามคนร้ายยึดโรงพยาบาล เป็นฐานโจมตีถล่มเจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองตำบลกาลิซา 


เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2562 ที่บริเวณถนน ทางเข้าหมู่บ้านกาหนั๊วะ หมู่ 5 ต.กาลิซา อ.ระแงะ จ.นราธิวาส กลุ่มพลังมวลชน กว่า 500 คน ประกอบด้วย กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มเสื้อเขียว ชุดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม) ผู้นำศาสนา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านในพื้นที่ ต.กาลิซา อ.ระแงะ ได้รวมตัวเดินรณรงค์ต่อต้านความรุนแรง โดยมีการเขียนข้อความต่อต้านความรุนแรงทุกรูปแบบ จากกรณีคนร้ายก่อเหตุความไม่สงบในห้วงที่ผ่านมา เช่น ข้อความ “พวกเราต้องการความสงบ ไม่ต้องการให้เกิดเหตุร้ายซ้ำซาก ”หยุดทำร้ายผู้บริสุทธิ์“ หนูไม่ต้องการความรุนแรง” เราต้องการความสันติสุข และปากท้อง” โดยกิจกรรมในครั้งนี้ ริเริ่มโดยชาวบ้านที่ต้องการความสงบมาสู่พื้นที่ และไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยได้เดินจากหมู่บ้าน ถึงหน้าฐานปฏิบัติการของชุดคุ้มครองตำบล (ชคต.) กาลิซา บ้านกาหนั๊วะ ที่ถูกคนร้ายบุกโจมตีฐาน เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2561 ที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ชาวบ้าน ได้ส่งเสียง คำว่า สู้ๆ พร้อมชูกำปั้น เพื่อเป็นสัญลักษณ์ แห่งการต่อสู้ ต้านความรุนแรง และประณามการยึดโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เพื่อก่อความไม่สงบและข่มขู่บุคลากรสาธารณสุขชายแดนใต้ในทุกกรณี  โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝายปกครอง อำนวยความปลอดภัย ในบริเวณกิจกรรม ต้านความรุนแรงดังกล่าว


ต่อมานายสังคม เกิดก่อ นายอำเภอระแงะ พ.อ.อิศรา จันทะกระยอม ผบ.ฉก.ทหารพรานที่ 45 พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ ผกก.สภ.ระแงะ เรียกประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ ต.กาลิซา อ.ระแงะ เพื่อหารือกรณีคนร้ายยึดโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกาลิซา บุกจับเจ้าหน้าที่ และใช้เป็นฐานที่มั่น ในการยิงและปาระเบิด เข้าใส่ฐาน ชคต. ซึ่งคนร้ายปฎิบัติผิดหลักสากล ที่ห้ามยึดหรือใช้โรงพยาบาล หรือโรงเรียน เพื่อก่อการร้าย หรือก่อความไม่สงบ นอกจากนี้ยังพบว่า คนร้ายยังใช้กลยุทธ์ ที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง คือ ใช้เสียงอาซาน ที่เป็นสัญญาณเสีใยงเรียกชาวมุสลิมเข้ามัสยิด เพื่อปฏิบัติศาสนากิจ ละหมาด เป็นสัญญาณลงมือโจมตีฐาน สร้างความเสื่อมเสีย ซึ่งไม่ควรนำหรือแอบอ้างประเด็นที่เกี่ยวข้องกับศาสนา เพราะการกระทำของคนร้ายเป็นเรื่องเลวร้ายต่อชีวิตมนุษย์ ในส่วนมาตรการดูแลประชาชน และความปลอดภัยบุคลากรสาธารณสุข เจ้าหน้าที่จะเพิ่มความเข้มข้นในมาตรการรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้น และร่วมกันกำลังประชาชนในทุกส่วน เพื่อนำความสงบมาสู่พื้นที่โดยเร็ว

โดยเหตุรุนแรงในพื้นที่ 3 อำเภอของ จ.นราธิวาส ช่วงค่ำวันศุกร์ที่ 28 ธ.ค.61 ไม่ได้มีแค่เหตุลอบวางระเบิดพร้อมกันหลายจุด แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าคนร้ายใช้ปฏิบัติการทางทหารที่วางแผนมาอย่างดี เตรียมอาวุธและวัตถุระเบิดจำนวนมาก รวมทั้งมีการยึดโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบางเป็นฐานที่มั่นในการโจมตี คล้ายคลึงกับเหตุการณ์คนร้ายบุกยึดโรงพยาบาลเจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เพื่อใช้โจมตีฐานทหารพราน เมื่อวันที่ 13 มี.ค.59


จุดยุทธศาสตร์ใหญ่ที่สุดที่คนร้ายเข้าโจมตี อยู่ที่ฐานปฏิบัติการของชุดคุ้มครองตำบล (ชคต.) กาลิซา ตั้งอยู่ที่บ้านกาหนั๊วะ หมู่ 5 ต.กาลิซา อ.ระแงะ สภาพของฐาน ชคต.ช่วงที่เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจที่เกิดเหตุเมื่อวันเสาร์ที่ 29 ธ.ค. พบว่าตัวฐานที่ปลูกสร้างด้วยอิฐบล็อก มุงหลังคาด้วยกระเบื้อง ถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหาย 2 หลัง คลังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงอีก 1 หลัง คาดว่าเพราะโดนปาระเบิดแสวงเครื่องแบบขว้างที่คนร้ายผลิตเอง โดยบรรจุใส่ไว้ในท่อแป๊ปเหล็กทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้ว ยาว 5 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 400 กรัม (ไปป์บอมบ์) และเจ้าหน้าที่ยังตรวจพบระเบิดไปป์บอมบ์ที่ไม่ระเบิด ตกกระจายเกลื่อนภายในฐานอีก 22 ลูก กระเดื่องระเบิด 13 อัน และวงจรระเบิด 22 ชุด 

ฐาน ชคต.แห่งนี้ตั้งอยู่ติดกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกาลิซา ปรากฏว่าบริเวณกำแพงอิฐบล็อกของโรงพยาบาลที่อยู่ติดกับฐาน ชคต. มีร่องรอยคล้ายถูกคนร้ายใช้ของแข็งทุบจนเป็นรูโหว่ใหญ่พอที่คนสามารถลอดเข้าไปในฐาน ชคต.ได้ และบริเวณด้านหลังและด้านข้างของฐาน ชคต. เจ้าหน้าที่ตรวจพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 อาก้า และลูกซอง ตกอยู่เป็นจำนวนมาก

เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า คนร้ายกลุ่มแรกมาประมาณ 7-8 คน พร้อมอาวุธปืนครบมือ แฝงตัวเข้าไปอาคารที่ทำการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกาลิซา และควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ 4 คนที่กำลังทำงานล่วงเวลาเอาไว้ มีทั้งหมออนามัยและลูกจ้าง โดยนำตัวไปกักไว้ในอาคาร พร้อมยึดโทรศัพท์มือถือ จากนั้นคนร้ายได้ใช้ของแข็งทุบกำแพงโรงพยาบาล พร้อมใช้อาคารโรงพยาบาลเป็นที่กำบังยิงโจมตีฐาน ชคต. และปาระเบิดไปป์บอมบ์เข้าใส่ คาดว่าปาเข้าไปทั้งหมด 32 ลูก ระเบิดทำงาน 10 ลูก สลับกับยิงด้วยอาวุธสงคราม

คนร้ายกลุ่มที่ 2 มีประมาณ 10 คน พร้อมอาวุธปืนครบมือ แฝงตัวออกมาจากด้านข้างและด้านหลังของฐาน ชคต. พร้อมยิงปืนถล่มเข้าไปในฐาน จนเกิดการปะทะกับกำลังของ ชคต. ต่อมานายมาหามะ เจ๊ะแม อดีตกำนันตำบลกาลิซา ได้ยินเสียงปืนและระเบิด จึงได้ระดมกำลังชุุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน หรือ ชรบ. และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านจำนวน 12 คน นำอาวุธปืนลูกซองเดินทางไปสนับสนุนชุดคุ้มครองตำบล และเปิดฉากยิงปะทะกับกลุ่มคนร้าย ใช้เวลานานเกือบ 1 ชั่วโมง คนร้ายเห็นจวนตัว จึงอาศัยความชำนาญพื้นที่ล่าถอยไป

ระหว่างที่มีการยิงปะทะ ยังมีคนร้ายอีก 3 ชุด แยกย้ายกับตัดต้นไม้ขวางถนน 3 สายที่มุ่งหน้าไปยังฐานปฏิบัติการ ชคต.กาลิซา เพื่อสกัดกั้นการสนับสนุนกำลังเข้าไปช่วยเหลือด้วย เมื่อเสียงปืนสงบลง พบผู้บาดเจ็บ 1 ราย ถูกสะเก็ดระเบิดของคนร้าย และเมื่อเข้าไปตรวจสอบในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกาลิซา ก็ได้พบเจ้าหน้าที่ 4 คนที่ถูกจับ อยู่ในสภาพเสียขวัญ จึงพาตัวออกมาฟื้นฟูสภาพจิตใจ ก่อนส่งกลับบ้าน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ชนกัน 10 คันรวด ทางลอดอุโมงค์แยกดาราสมุทร จ.ภูเก็ต

ภูเก็ต 23 ก.ย.-รถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกเสาเข็ม เบรกแตก พุ่งชนระเนระนาดในอุโมงค์ดาราสมุทร จ.ภูเก็ต รถเสียหาย 10 คัน บาดเจ็บ 4 คน เป็นคนไทย 3 คน และชาวมาเลเซีย 1 คน เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 23 กันยายน 2568 ศูนย์วิทยุพิทักษ์วิชิตได้รับแจ้งเหตุรถชนกันหลายคันภายในอุโมงค์ทางลอดแยกดาราสมุทร ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต มีรถได้รับความเสียหายจำนวนมากและมีผู้บาดเจ็บ พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สภ.วิชิต พร้อมด้วย พ.ต.ท.วุฒิวัฒน์ เลี้ยงบุญจินดา รอง ผกก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร รีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบการจราจรติดขัดอย่างหนัก รถไม่สามารถผ่านอุโมงค์ได้ทั้ง 2 เลน เบื้องต้นตรวจสอบพบรถชนกันเสียหายรวม 10 คัน มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย อาการแน่นหน้าอก […]

ผลตรวจยืนยัน “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าพลัดหลง โครงสร้างผิดปกติตั้งแต่เกิด

สุพรรณบุรี 23 ก.ย. – ทีมสัตวแพทย์สรุปผลตรวจ “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าเพศเมียแรกเกิดที่พลัดหลงจากแม่ในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พบความผิดปกติทางโครงสร้างร่างกายตั้งแต่เกิด เร่งวางแผนการดูแลรักษาและฟื้นฟูสุขภาพ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากทีมสัตวแพทย์สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และกลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าซึ่งร่วมกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ตรวจสุขภาพ “น้องข้าวต้ม” อย่างละเอียด โดยผลมีดังนี้ สัตวแพทย์สรุปว่า “น้องข้าวต้ม” มีภาวะโครงสร้างร่างกายผิดปกติตั้งแต่กำเนิดในลูกสัตว์ นอกจากนี้จากภาวะร่างกายที่อ่อนแอ จำเป็นต้องเอาตัวรอด รวมถึงความพยายามช่วยประคับประคองโดยฝูงทำให้เกิดการบาดเจ็บมากขึ้น เบื้องต้นทีมสัตวแพทย์ได้ฉีดยาลดปวดและลดอักเสบให้แล้ว พร้อมวางแผนรักษาตามอาการระยะยาว โดยเน้นการให้อาหารและเสริมโภชนาการควบคู่กับการทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ลูกช้างป่าสามารถยืนและเคลื่อนไหวได้ในอนาคต หากอาการไม่ฟื้นตัวดีเท่าที่คาด จะตรวจ X-ray และ Ultrasound ซ้ำอีกครั้ง ลำดับเหตุการณ์การช่วยเหลือลูกช้างป่าตัวนี้ • 21 ก.ย. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงูได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบลูกช้างเพศเมียนอนอยู่เพียงลำพังในสภาพอ่อนแรงและบาดเจ็บที่ขาหลัง จึงรีบประสานทีมสัตวแพทย์จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เข้าช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายมาดูแลที่ทำการอุทยานฯ โดยเบื้องต้นได้ป้อนน้ำข้าวต้มเพื่อให้พลังงาน […]

ทหารเขมรเข้าใกล้รั้วภูผี ฝ่ายไทยเตือน แต่เขมรยิงปืนขึ้นฟ้า

ศรีสะเกษ 23 ก.ย.-แม่ทัพภาค 2 เผยได้รับรายงานเหตุทหารเขมรเข้าใกล้เขตรั้วลวดหนามพื้นที่ภูผีแล้ว ฝ่ายไทยเตือน แต่เขมรยิงปืนขึ้นฟ้า ก่อนถูกตอบโต้จนต้องล่าถอยออกไป ยันติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด จากกรณีมีการเผยแพร่ข่าวเหตุยิงปะทะในพื้นที่ภูผี ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ล่าสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.30 น. ตนได้รับรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยได้ตรวจพบทหารกัมพูชามีลักษณะท่าทางจะเข้ามาในอธิปไตยไทยใกล้กับเขตรั้วลวดหนาม เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยจึงได้แจ้งเตือน ทำให้ทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็กประจำกายยิงขึ้นฟ้า เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยจึงยิงตอบโต้ไป กระทั่งทหารกัมพูชา ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจำนวน 2-3 นาย ได้ล่าถอยกลับไป ขณะนี้ยืนยันว่า เหตุการณ์ปกติ และกองทัพภาคที่ 2 มีการตรวจเฝ้าระวังทหารกัมพูชาที่รุกล้ำและลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิด ซึ่งเรามีมาตรการในการดูแลตรงนี้อยู่แล้วอย่างใกล้ชิด.-313.-สำนักข่าวไทย

ตร.จราจร นำส่งอวัยวะ ถูกรถพุ่งชน

23 ก.ย. – รถแท็กซี่พุ่งชนตำรวจจราจรขณะขี่จยย.นำส่งอวัยวะ บริเวณแยกสวนมิสกวัน กรุงเทพฯ ตำรวจบาดเจ็บที่ขาขวาและข้อมือ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา เปิดเผยว่าช่วงเที่ยงวานนี้เกิดเหตุผู้ขับรถแท็กซี่ ไม่ชะลอความเร็วเพื่อหยุดรถเมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีแดง ประกอบกับมีขบวนรถของตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริที่เปิดไฟสัญญาณฉุกเฉินขณะปฏิบัติภารกิจนำส่ง “ปอด” จากจังหวัดชลบุรี ไปยังโรงพยาบาลศิริราช ทำให้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนบริเวณแยกสวนมิสกวัน กรุงเทพฯ เป็นเหตุให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บที่ขาขวาและข้อมือ โชคดีรถแท็กซี่ไม่เฉี่ยวชนกับรถพยาบาลที่บรรทุกอวัยวะ จึงสามารถนำส่ง “ปอด” ให้ถึงมือแพทย์ได้ทันเวลา จึงขอเน้นย้ำไปยังผู้ขับขี่ว่า “เมื่อเห็นสัญญาณไฟและเสียงไซเรน โปรดให้ทาง” ไม่ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร เพื่อรักษากฎหมายและช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์.-สำนักข่าวไทย