ป.ป.ส.27ธ.ค.-คณะทำงานเตรียมวางมาตรการคุมใช้ประโยชน์กัญชาทางการแพทย์และวิจัยทั้งระบบวางกรอบการผลิตครอบครองและใช้ประโยชน์ ให้สิทธิ์เฉพาะผู้มีสัญชาติไทยพร้อมย้ำกัญชายังเป็นยาเสพติดประเภท5 เช่นเดิม
นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการป.ป.ส.)กล่าวถึงความคืบหน้าร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….ซึ่งปลดล็อกให้ใช้ประโยชน์กัญชาเพื่อการศึกษาวิจัยและประโยชน์ทางการแพทย์ว่า ขณะนี้ ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวได้ผ่าน สภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้วและสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ส่งร่างกฎหมายให้นายกรัฐมนตรีเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯ และรอประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไปแล้วซึ่งเลขาธิการ ป.ป.ส.ย้ำว่า ในกฎหมายฉบับใหม่นี้กัญชาและกระท่อมยังคงสถานะเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท5 เช่นเดิม ไม่มีการปลดออกจากบัญชียาเสพติด ไม่ได้เปลี่ยนสถานะให้ถูกกฎหมาย ยังคงห้ามผลิต ห้ามครอบครองนำเข้าส่งออกและห้ามเสพโดยไม่ได้รับอนุญาต เพียงแต่มีการผ่อนปรนให้ใช้กัญชาทางการแพทย์และการวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่เท่านั้น
โดยมีคณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้นมาจำนวน 2 ชุดเป็นผู้ดูแลควบคุมทั้งระบบ ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ป.ป.ส. และกรมทรัพย์สินทางปัญญา
สำหรับคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดนี้จะดูรายละเอียดตั้งแต่ระบบการผลิต ทั้งเรื่องการเลือกสายพันธุ์ การเพาะปลูก การจัดสร้างโรงเรือน การควบคุมอุณหภูมิ การควบคุมการเจริญเติบโตของต้นกัญชา การสกัด การใช้ทางการแพทย์ การเก็บรักษา การอนุญาตรวมทั้งผู้ป่วยที่จะเข้ารับการรักษาหรือการเข้าถึงสารสกัดกัญชาในการบรรเทาอาการเจ็บป่วย
ซึ่งเบื้องต้นคณะกรรมการ ได้มีการหารือกันแล้วอย่างไม่เป็นทางการ โดยย้ำว่าผู้ที่จะขออนุญาตผลิตนำเข้าส่งออกครอบครองหรือใช้ประโยชน์ทางการแพทย์จากกัญชาจะต้องเป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทยเท่านั้น
“ผู้จะขออนุญาตปลูกกัญชาได้ จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายระบุไว้เท่านั้น ย้ำว่าบุคคลทั่วไปปลูกกัญชาเองไม่ได้ ผิดกฎหมาย การพิจารณาพื้นที่ที่จะขออนุญาตให้ปลูกเป็นไปตามกฎกระทรวง คือ ต้องเป็นพื้นที่ปิด ที่สามารถดูแลจัดการได้ มีความปลอดภัย เพื่อให้ได้กัญชาที่ดี มีคุณภาพและมาตรฐานที่จะนำไปผลิตเป็นยาได้ “เลขาธิการป.ป.ส. กล่าว .-สำนักข่าวไทย