เกาหลีใต้กางแผนที่ร่วมทุนนำเข้าแอลเอ็นจีเข้าไทย

กรุงเทพฯ 27 ธ.ค. – เอ็กโก้และเอสเค  อีแอนด์เอส  เกาหลีใต้เตรียมเอ็มโอยู ศึกษาร่วมทุนค้าแอลเอ็นจีป้อนไทยและตลาดโลก


นายจักษ์กริช พิบูลย์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือเอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า ในเร็ว ๆ นี้จะลงนามในข้อตกลงเบื้องต้น (เอ็มโอยู) กับบริษัท เอสเค อีแอนด์เอส จำกัด หรือเอสเค อีแอนด์เอส ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของโรงไฟฟ้าพาจูที่บริษัทเข้าร่วมทุนในเกาหลีใต้ เพื่อศึกษาลงทุนธุรกิจค้าก๊าซธรรมชาติเหลวหรือแอลเอ็นจีทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งนับว่าเป็นทิศทางที่ดี เพราะเป็นเชื้อเพลิงสะอาดและทั่วโลกมีความต้องการเพิ่มขึ้น โดยในไทยจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นเป็น 25-34 ล้านตัน/ปีในอนาคต

“เอสเค อีแอนด์เอส เป็นเอกชนรายแรกที่นำเข้าแอลเอ็นจีโดยตรงจากต่างประเทศสู่เกาหลีใต้เป็นผู้ค้าอันดับ 2 ของโลกรองจากญี่ปุ่น โดยนำเข้าทั้งจากออสเตรเลีย อินโดนีเซีย สหรัฐอเมริกา ตลอดจนประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก” นายจักษ์กริช กล่าว


นายจักษ์กริช กล่าวว่า การที่บริษัทร่วมทุนกับโรงไฟฟ้าพาจูส่วนหนึ่งเกิดจากเกาหลีใต้สนใจจะนำเข้าแอลเอ็นจีมาป้อนแก่ไทย ซึ่งหวังว่าในส่วนโควตานำเข้าโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) อีก 5 ล้านตัน/ปี จะตัดเงื่อนไขที่กำหนดว่าผู้จำหน่ายก๊าซต้องมีแหล่งผลิตของตนเอง เพราะหากดูแนวโน้มการค้าแอลเอ็นจีแล้วเพื่อให้ได้ราคาที่แข่งขันได้ ไม่จำเป็นต้องมีแหล่งของตนเองแต่อย่างใด

ส่วนการดำเนินการปีหน้า เอ็กโก้ยังคาดหวังจะสามารถประกาศการซื้อกิจการโรงไฟฟ้าได้อีก 2 แห่ง จากที่มีการหารือหลายแห่งในต่างประเทศ ส่วนโรงไฟฟ้าในไทย เมื่อแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าระยะยาวประกาศออกมาแล้ว ประกอบกับเอ็กโก้มีที่ดินรองรับทั้งจังหวัดราชบุรี พื้นที่โรงไฟฟ้าขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ดินในจังหวัดระยอง ก็คาดหวังว่าจะทำให้มีศักยภาพแข่งขันด้านราคาได้เช่นกัน

ทั้งนี้ เอ็กโก้ได้เข้าลงทุนสัดส่วนร้อยละ 49 ในบริษัท พาจู เอ็นเนอร์ยี่ เซอร์วิส จำกัด หรือพาจู อีเอส ซึ่งเป็นเจ้าของและดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้า พลังความร้อนร่วมพาจูที่เมืองพาจู จังหวัดคย็องกี ประเทศเกาหลีใต้ จำนวน 2 หน่วย ขนาดกำลังการผลิต หน่วยละ 911.5 เมกะวัตต์ ใช้แอลเอ็นจีนำเข้าเป็นเชื้อเพลิง โดยจะมีการลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นภายในเดือนพฤศจิกายน 2561 มูลค่าการลงทุน ประมาณ 26,200 ล้านบาท และคาดว่าการซื้อขายหุ้นจะเสร็จภายในเดือนมกราคมปี 2562 โดยเงินครึ่งหนึ่งของเงินลงทุนจะมาจากการกู้สถาบันต่างประเทศและเมื่อลงทุนแล้วจะทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนเพิ่มขึ้นจาก 1 ต่อ 1 เป็น 1.1 ต่อ 1


เอ็กโก กรุ๊ป มีโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว 26 แห่ง คิดเป็นปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายและตามสัดส่วนการถือหุ้น 4,260 เมกะวัตต์ ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย มีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง  3 โครงการ คิดเป็นปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายและตามสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ  544 เมกะวัตต์ โดยปีหน้าจะมีโรงไฟฟ้าแล้วเสร็จตามสัญญา COD 2 โครงการ กำลังผลิตตามสัดส่วนถือหุ้น 383 MW ได้แก่ โรงไฟฟ้า SBPL ฟิลิปปินส์และ XPCL สปป.ลาว .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง