บึงกาฬ 12 ธ.ค.- นายกรัฐมนตรี แจงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประทังความเดือดร้อน ไม่ใช่ใช้เพื่อเสพสุข วอนอย่ากล่าวหา เปรียบรัฐบาลพยายามให้เบ็ดแก่ประชาชน แต่ประชาชนยังไม่รู้จักตกปลา ก็ต้องสอนกันไป เตือนประชาชนเลือกดี ๆ อย่าเอาคนไม่ดี ให้ร้ายประเทศ ชอบด่ารัฐบาลทั้งในและต่างประเทศ มาบริหารประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่พบปะประชาชน ที่สวน สาธารณะหนองบึงกาฬและบึงสวรรค์ เพื่อเยี่ยมชมผลงานการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล 6 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการถนนยางพาราและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากยางพารา 2.เกษตรแปลงใหญ่ 3.ข้าวครบวงจร 4.ผลิตภัณฑ์ OTOP 5.การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์หนองเลิง 6.โครงการคืนถังขยะ โดยมีประชาชนและข้าราชการต้อนรับ
นายกรัฐมนตรี กล่าวกับประชาชนว่า วันนี้จะมารับฟังปัญหาของประชาชนเพื่อที่จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันพรุ่งนี้ (13 ธ.ค.) หากใครจะเสนออะไร มีตัวแทนของทุกฝ่ายมารับฟังหมด แต่ขออย่าไปตั้งแถวเสนอกันกลางถนน พอหลังจากปลดล็อกการเมืองแล้วก็มีหลายคนมาตั้งกลุ่มประท้วงกัน ใครที่ทำก็อย่าไปยอมรับเขา มันไม่ใช่กติกา และทำให้ประเทศเสียหาย ต้องยอมรับว่าปัจจุบันอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน บางคนก็ดีขึ้น บางคนก็แย่ลง ซึ่งเป็นผลกระทบของการเปลี่ยนแปลง ต้องค่อย ๆ ปรับ หากมีปัญหาให้เสนอเข้ามาที่หน่วยงานราชการแทน ค่อยปรับแก้กันไป
“อย่ากล่าวหาว่า รัฐบาลไม่ช่วย ถึงเวลาเอาเงินมาให้ ก็ใช้จ่ายหายไปเฉย ๆ แท้จริงรัฐบาลพยายามให้เบ็ดแก่ประชาชน แต่ประชาชนยังไม่รู้จักตกปลา ก็ต้องสอนกันไป และระหว่างนี้รัฐบาลก็ต้องเติมปลาไปเรื่อย ๆ อาจจะมีปลาเค็ม ปลาเล็ก ๆ ให้ไปพลางก่อน แต่ต้องรู้จักประหยัด อย่าเอาไปกินเหล้า ควรเอาไปซื้อข้าวเก็บไว้ในวันที่ไม่มี เงินก้อนนี้ใช้เพื่อประทังความเดือดร้อน ลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ไม่ใช่ใช้เพื่อเสพสุข เงินที่รัฐบาลให้มีแค่เท่านี้ เพราะต้องเอาไปทำอย่างอื่นอีก เช่น การศึกษาและสาธารณสุข” นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ขอให้ทุกคนเคารพกติกา ขณะนี้เมื่อเริ่มมีการปลดล็อกทำกิจกรรมทางการเมือง ก็เริ่มมีการชุมนุมประท้วง ต่อต้าน วิจารณ์รัฐบาล ซึ่งตนไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่ออะไร ที่ผ่านมาทุกคนต้องเรียนรู้ และนำประสบการณ์มาเป็นบทเรียนของประเทศ ประชาชนทุกคนจะต้องเลือกคนจะเข้ามาเป็นรัฐบาลที่ดี เข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีต ที่ทำให้รัฐเสียประโยชน์ เช่นเรื่องโครงการจำนำข้าว ที่มีข้าวเสียหาย เพราะการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามกลไกลตลาด และนับจากนี้ขอให้คำนึงถึงสิ่งที่นักการเมืองพูด ว่าทำได้จริงหรือไม่ ทำอย่างไรไม่ให้คนไม่ดีและให้ร้ายประเทศ มาบริหารประเทศ โดยเฉพาะคนที่ด่ารัฐบาลทั้งในและต่างประเทศ อย่าไปเชื่อคำบิดเบือนของคนอื่น ที่ผ่านมาเก็บข้าวไว้ 4 ปี ขาดทุนเสียหายไปเท่าไหร่ ขอให้ประชาชนเลือกดี ๆ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าตนเป็นนักการเมืองเต็มตัวหรือไม่ แต่ด้วยการทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ก็ถือว่าเป็นนักการเมือง และรู้สึกเป็นทุกข์ เวลามีประชาชนมาให้การต้อนรับ เพราะประชาชนคาดหวัง ดังนั้นจึงยอมตายและยอมเป็นทุกข์กับหน้าที่ตรงนี้เพื่อทำให้ความคาดหวังของประชาชน เป็นจริง
“ผมมาวันนี้ ถ้าเป็นนักการเมืองเต็มตัว ตอนนี้จะบอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ได้ เพราะผมบริหารประเทศ ถ้าเป็นนักการเมือง คงจะดีใจ เพราะมีคนมาต้อนรับเยอะ รู้ไหมว่าผมเป็นทุกข์ แต่ผมยอมเป็นทุกข์ ยอมตายจากตรงนี้ ถ้าผมกลับไป ผมก็จะนอนคิดว่า ทำไมต้องมาหวังที่เรา ทำไมเขาต้องให้เราทำงาน เพราะเขามีความหวังไง เราต้องทำความหวังให้เป็นความจริง แต่เราจะไม่หลอกหลวงโดยเฉพาะที่บอกว่า เดี๋ยวดีขึ้น จะทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ เราต้องทำทีละขั้นตอน และประชาชนต้องศึกษาสิ่งที่รัฐบาลทำมา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แผนบริการจัดการน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ที่มีมากกว่า 2 พันโครงการ อนุมัติงบประมาณกว่า 19,000 ล้านบาท มีพื้นที่ทางการเกษตรได้รับประโยชน์ มากกว่า 470,000 ไร่ และ ครัวเรือนได้รับประโยชน์ กว่า 130,000 ครัวเรือน
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ทุกคนต้องร่วมกันเป็นจิตอาสา ทำความดี ช่วยเหลือประเทศ ทุกคนต้องมีจิตอาสา คือการทำความดีด้วยหัวใจ อันยิ่งใหญ่ เพราะไม่ว่าจะเป็นใครทุกคนคือคนไทย ต้องทำให้คนไม่ดีทำความเสียหายไม่ได้อีกต่อไป ตนไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร ขอให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านทำหน้าที่ให้ดี ถ้าบ้านเมืองไม่สงบ มีการประท้วง และเดินขบวนถือป้าย ทุกคนต้องคิดว่า จะเกิดปัญหาอะไรขึ้น ทั้งการค้าขาย การสัญจรไปมาไม่ได้ และอาจจะเกิดปัญหาในครอบครัว เพราะคนในครอบครัวไม่สามารถพูดคุยกันได้ ทั้งที่เรื่องการเมืองไม่ใช่เรื่องความขัดแย้ง แต่เป็นเรื่องสร้างสรรค์ ซึ่งการทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ที่ดีสุด ให้ไปรับฟังนโยบายพรรคไหนดีที่สุด
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้เดินทักทายประชาชนด้วยความเป็นกันเอง พร้อมชูมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยู บอกรักประชาชนทั้งสองมือ ก่อนจะเยี่ยมชมผลงานการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลของจังหวัดบึงกาฬ ทั้งโครงการถนนยางพาราและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากยางพารา เกษตรแปลงใหญ่ การข้าวครบวงจร ผลิตภัณฑ์ OTOP การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์หนองเลิง และโครงการคืนถังขยะ ก่อนเดินทางไปยัง จังหวัดหนองคาย เพื่อเยี่ยมชมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจากระบบประปา รองรับความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ รวมไปถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น และการท่องเที่ยว รวมถึงการจัดสรรที่ดินทำกิน.- สำนักข่าวไทย