เข้าใจกันด้วยดี ครูใหญ่ ตชด.บ้านทิไล่ป้า-จนท.ทุ่งใหญ่นเรศวรฯ

กาญจนบุรี 11 ธ.ค.- เคลียร์จบ! ผกก.ตชด.ที่ 13 รุดเจรจาข้อขุ่นข้องกรณีครูใหญ่โรงเรียน ตชด.บ้านทิไล่ป้า โพสต์ถูก จนท.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ห้ามรถผ่านพื้นที่ขณะนำของไปช่วยหมู่บ้านกะเหรี่ยง เผยสองฝ่ายเข้าใจกันด้วยดีแล้ว พร้อมขอให้ผู้แชร์เรื่องราวลบออกทางโซเชียล


กรณีครูใหญ่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านทิไล่ป้า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ม.5 ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กต่อว่าเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไม่อนุญาตให้รถวิ่งเข้าพื้นที่ขณะนำสิ่งของเข้าไปช่วยเหลือหมู่บ้านชาวกะเหรี่ยง

ล่าสุด (11 ธ.ค.) นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ได้รายงานข้อเท็จจริงต่อสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) กรมอุทยานฯ ต่อกรณีดังกล่าวว่า 1.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก มีชุมชนชาวกะเหรี่ยงอยู่อาศัยจำนวน 6 หมู่บ้าน โดยโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนทิไล่ป้า ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์ทุ่งใหญ่ฯ ท้องที่บ้านทิไล่ป้า ตำบลไล่โว่ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี


2. การเข้าไปบริจาคสิ่งของ เลี้ยงอาหารกลางวัน หรือทำกิจกรรม เพื่อสนับสนุนสถานการศึกษา ที่ตั้งอยู่ในเขตฯทุ่งใหญ่ฯ นั้น สถานศึกษาในพื้นที่ เขตฯ ทุ่งใหญ่ฯ ได้ทำความตกลงกับเขตฯ ทุ่งใหญ่ฯ ว่า สถานศึกษานั้น จะพิจารณากลั่นกรองและทำเอกสารขออนุญาตผ่านหัวหน้าเขตฯ ทุ่งใหญ่ฯ เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อป้องกันการแอบอ้างจากกลุ่มนักท่องเที่ยว หลังจากนั้นเขตฯทุ่งใหญ่ฯ จะได้ทำความเห็นและส่งเรื่องไปยัง สบอ.3 (บ้านโป่ง) เพื่อโปรดพิจารณาให้เข้าทำกิจกรรมตามความประสงค์ต่อไป

3. ในแต่ละปี ชาวกะเหรี่ยงตำบลไล่โว่ จะจัดงานประเพณีงานฟาดข้าว ซึ่งเป็นวิถีวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวกะเหรี่ยง โดยในปี 2561 ได้กำหนดจัดงานดังกล่าวในวันที่ 9 ธันวาคม 2561 ณ หมู่บ้านทิไล่ป้า ซึ่งการเข้าไปร่วมงานประเพณีงานฟาดข้าวดังกล่าวเขตฯ ทุ่งใหญ่ฯ ไม่เคยขัดข้องหากจะมีนักท่องเที่ยวหรือกลุ่มจิตอาสาขอเข้าไปร่วมงานประเพณี อีกทั้งเขตฯ ทุ่งใหญ่ฯ ก็ได้แจ้งแนวทางปฏิบัติในการประชุมอำเภอสังขละบุรีแล้ว เพื่อให้หน่วยงานราชการ ผู้นำชุมชน และประชาชนทราบ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 ตลอดมา โดยให้นักท่องเที่ยว หรือบุคคลภายนอกที่ประสงค์จะร่วมงานฟาดข้าว ดำเนินการขออนุญาตเข้าไปในเขตฯ ทุ่งใหญ่ฯ ให้ถูกต้องตามระเบียบกฎหมายและแนวทางปฏิบัติที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งทุกฝ่ายทราบดีอยู่แล้ว ส่วนประชาชนสามารถเข้าไปร่วมงานประเพณีฟาดข้าวได้ตามวิถีประเพณี มิได้ปิดกั้นแต่อย่างใด

4. ช่วงวันที่ 8-9 ธันวาคม 2561 ได้มีคณะท่องเที่ยวกลุ่มจิตอาสา หรือกลุ่มบริจาคสิ่งของโดยใช้รถยนต์ออฟโรด จำนวน 43 คัน เดินทางโดยใช้เส้นทางด่านเจดีย์สามองค์ ประเทศเมียนมา- ช่องสามัคคี-บ้านปางสนุก เมื่อเดินทางมาถึงจุดตรวจหน่วยพิทักษ์ป่าลังกา แต่ละกลุ่มแจ้งว่าจะขอไปร่วมงานฟาดข้าวที่หมู่บ้านทิไล่ป้า และจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ฯ พบว่ามีหนังสืออนุญาตให้เข้าพื้นที่เขตฯทุ่งใหญ่ฯ เพียง 1 คณะ รถยนต์ 1 คัน ส่วนคณะที่เหลือไม่มีหนังสืออนุญาตแต่อย่างใด พนักงานเจ้าหน้าที่จึงไม่อนุญาตให้ผ่าน แต่ผ่อนปรนให้พักแรมบริเวณหน่วยพิทักษ์ป่าลังกา จึงเป็นเหตุให้ ร.ต.อ. เอนก คำภิมูล ครูใหญ่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนทิไล่ป้า ซึ่งเป็นคนนำคณะออฟโรดจำนวน 6 คัน เข้ามาเกิดความไม่พอใจว่า จนท.ป่าไม้ขัดขวางคณะที่จะนำอาหารกลางวันไปเลี้ยงนักเรียน รวมทั้งตำหนิ ด่าทอ และข่มขู่เจ้าหน้าที่ฯ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฯ อนุญาตให้เฉพาะ ร.ต.อ. เอนก และหน่วยงานราชการที่เข้าไปปฏิบัติงาน ส่วนประชาชนในพื้นที่ผ่านเข้าไปได้ แต่ไม่ยินยอมให้นักท่องเที่ยวที่อ้างว่าติดตาม ร.ต.อ.เอนก ผ่านเข้าไปได้ เนื่องจากหากผ่อนปรนให้เข้าไปได้ นักท่องเที่ยวรายอื่นก็จะโต้แย้งว่าเลือกปฏิบัติ จึงเป็นเหตุให้เกิดความไม่พอใจ และเกิดข่าวลงในสื่อต่างๆขึ้น


ต่อมาเวลา 14.00 น.  พ.ต.อ.ทศพร ปทุมยา ผกก.ตชด.ที่ 13 (ค่ายพระพุทธยอดฟ้า) จ. กาญจนบุรี เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์มายังโรงเรียนบ้านทิไล่ป้า เพื่อติดตามกรณีดังกล่าวในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาของ ร.ต.อ.เอนก ซึ่งนำเรื่องราวลงโซเชียลตำหนิเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ นเรศวร โดย พ.ต.อ.ทศพร ได้ประชุมร่วมกับ พ.ต.ท.วรากร วิทยาบำรุง ผบ.ร้อย ตชด.134 ร.ต.อ.เอนก  นายรัตนชัย เขยชัย หัวหน้าศูนย์พิทักษ์ป่าที่ 4 (บ้านเสน่ห์พ่อง) นายภากร เคียวเซ็ง ผู้ใหญ่บ้านทิไล่ป้า  นายแดน เนตรสน ครู คศ.2 และเจ้าหน้าที่ อบต.ไล่โว่ เพื่อแก้ไขข้อขัดแย้ง และวางแนวทางการปฏิบัติเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวอีก

การประชุมใช้เวลานานกว่า 1ชั่วโมง จึงได้ข้อสรุป 3 ข้อ ประกอบด้วย 1. ข้อมูลที่เผยแพร่ตามสื่อเกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นของทุกฝ่ายที่เผยแพร่ไปหลังจากรอให้เกิดความเสียหายความขัดแย้งไปสู่การชี้แจงให้ทุกฝ่ายงดการดำเนินการดังกล่าว 2. ข้อมูลที่เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ดำเนินการช่วยลบออกให้หมดทุกก่อนนี้ และ 3. ขอความร่วมมือทุกฝ่ายให้ความสำคัญกับการร่วมงานโดยยึดถือประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง หากมีปัญหาให้นัดหมายประชุมพูดคุยในระดับพื้นที่ หากไม่สามารถได้ข้อสรุปให้ทำรายงานไปตามสายบังคับบัญชา 

พ.ต.อ.ทศพร กล่าวว่า หลังจากมีข่าวออกมา ทุกฝ่ายรู้สึกไม่สบายใจ  ผู้บังคับบัญชาระดับสูงจึงสั่งการให้ตนลงพื้นที่มาร่วมพูดคุยและตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการหารือปรับความเข้าใจกันร่วมกันระหว่างหน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่ 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะเดียวกัน ร.ต.อ.เอนก และนายแดน ยังได้พูดคุยปรับความเข้าใจ พร้อมจับมือร่วมกันเป็นการยอมรับในการปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละฝ่าย และเข้าใจกันด้วยดี

นายแดน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามระเบียบเพื่อประโยชน์ส่วนร่วม ซึ่งตนเองรับราชการอยู่ในพื้นที่นี้มาหลาย 10 ปี จึงผูกพันและรักป่า.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]

เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด

กทม.14 ส.ค.- เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงปะทะ ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 แม้นายกรัฐมนตรีพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหาข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ประการสำคัญ […]

“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ชายแดนสันติ

จีน 15 ส.ค.-“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ปัญหาชายแดนอย่างสันติ พร้อมขอบคุณที่เห็นความจำเป็นในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เห็นพ้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตอบรับคำเชิญของ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ในการเข้าร่วมจิบน้ำชาและหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ไทย และกัมพูชา ในห้วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperation) หรือ MLC ครั้งที่ 10 ณ เมืองอันหนิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายมาริษ ได้แสดงความขอบคุณต่อบทบาทที่สร้างสรรค์ของจีน ในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาอย่างสันติ ผ่านกลไกทวิภาคีต่างๆ และการบังคับใช้ให้เกิดการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยได้รับการสนับสนุนของอาเซียน พร้อมยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วน ที่ไทย-กัมพูชา ต้องร่วมมือกันในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันถึงความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล เนื่องจากเป็นก้าวสำคัญในการลดความตึงเครียด และฟื้นฟูความเป็นปกติสุขในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ นายมาริษ ยังได้กล่าวขอขอบคุณ นายหวัง อี้ […]