กทม. 11 ธ.ค. – หลายคนที่เตรียมตัวจะสัมผัสกับอากาศหนาวในปีนี้ยังพอมีหวังอยู่บ้าง เพราะกรมอุตุฯ คาดว่าช่วงส่งท้ายปี มีโอกาสที่อากาศเย็นจะมาปกคลุมประเทศไทยอีกระลอกให้พอได้ชื่นใจกัน ขณะที่นักวิชาการชี้ไทยกำลังจะเผชิญกับอากาศร้อนสุดอันดับสามของโลก จากสภาวะโลกร้อนและอิทธิพลของเอลนีโญ
ภาพแผนที่ประเทศไทยที่เป็นสีส้มและเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม หมายถึงอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2000 เห็นได้ชัดจากล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม อุณหภูมิต่ำสุดและสูงสุดของไทยสูงขึ้นจากค่าเฉลี่ย 30 ปี ถึง 4 องศาเซลเซียส
ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต ระบุว่า เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญที่เข้ามามีอิทธิพลต่อประเทศไทยตั้งแต่กลางปี และจะเพิ่มความรุนแรงขึ้นจนสูงสุด รวมทั้งภาวะโลกร้อนที่ทำให้อุณหภูมิทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง เฉลี่ย 4 องศาเซลเซียส ทำให้โอกาสที่ปลายปีนี้ คนไทยจะได้สัมผัสอากาศหนาวคงเป็นไปได้ยาก แต่อุณหภูมิจะลดลงมาอยู่ในระดับเย็นสบายๆ อุณหภูมิต่ำสุดภาคเหนือประมาณ 15-18 องศาเซลเซียส ภาคกลาง และกรุงเทพฯ ประมาณ 22-24 องศาเซลเซียส ยาวไปจนถึงประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ จากนั้นจะร้อนขึ้นจนร้อนสุดในเดือนเมษายน อุณหภูมิสูงสุดจะสูงกว่าปี 2561 ที่ร้อนสุดเป็นอันดับสามของโลก
สอดคล้องกับข้อมูลจากรักษาการอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ที่ระบุว่า สภาพอากาศของประเทศไทยระยะนี้ จะเย็นลงสลับร้อนขึ้นเป็นระลอก โดยจะมีมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมช่วง 13-16 ธันวาคม และช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ อุณหภูมิจะลดลงจากปกติประมาณ 2-3 องศาเซลเซียส แต่ไม่ถึงกับทำให้หนาวจัด พร้อมเผยแพร่ข้อมูลสภาพอากาศที่มีความแม่นยำสูงถึงร้อยละ 80 ในหลายช่องทางเพื่อตอบสนองผู้บริโภคข่าวสารทุกกลุ่ม ยอมรับว่ากระแสโซเชียลในปัจจุบันมีการแชร์ต่อข้อมูลโดยขาดแหล่งอ้างอิงมากขึ้น
ประเทศไทยเคยเผชิญปรากฏการณ์สภาวะอากาศแปรปรวนอย่างหนักแบบนี้มาแล้ว 3 ช่วง คือ ครั้งแรกช่วงปี 2536-2537 ช่วงที่สองเกิดผลกระทบรุนแรงที่สุดเมื่อปี 2541-2542 และล่าสุดในปี 2558-2559 ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต คาดว่าความรุนแรงจะใกล้เคียงกับปีนี้ แต่ยังโชคีที่มีน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำสำคัญมากพอสมควร ยกเว้นในภาคอีสานซึ่งต้องบริหารจัดการอย่างระมัดระวัง. – สำนักข่าวไทย