กทม. 10 ธ.ค. – งานอุ่นไอรักคลายความหนาวจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 แล้ว โดยใช้ชื่อว่า อุ่นไอรักคลายความหนาว สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์ ครั้งนี้ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ครั้งแรก เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมศิลปะชั้นสูงอันทรงคุณค่าของไทย ประชาชนหลั่งไหลเขามาชม ชิม ช้อป จำนวนมาก
สถาปัตยกรรมที่ตั้งโดดเด่นสวยงามยามต้องแสง ดึงดูดทุกสายตาผู้ที่มาเที่ยวงานนี้ คือ พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ พระที่นั่งกลางน้ำที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 แม้จะเป็นแบบจำลอง แต่ก็คงความละเอียด งดงาม เหมือนจริง สมกับเป็นศิลปะชั้นเลิศของไทย
ถึงอากาศค่อนข้างร้อน แต่ในงานกลับร่มรื่น เย็นสบาย ด้วยดอกไม้นานาชนิดมากกว่า 29 สายพันธุ์ รวมกว่า 320,000 ต้น ประดับประดาชูช่อ สีสดใสสวยงามทั่วพื้นที่ ที่สำคัญยังเปลี่ยนพื้นปูนซีเมนต์ให้กลายเป็นสวน มีสระน้ำจำลองอยู่หลายจุด ให้ความรู้สึกราวกับอยู่ในธรรมชาติ สดชื่น
เรือพระที่นั่งจำลองที่นำมาจัดแสดงมีทั้งหมด 4 ลำ เด่นที่โขนเรือ เช่น เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช โขนเรือรูปพญานาคเจ็ดเศียร เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ โขนเรือรูปหงส์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ โขนเรือรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ ล้วนสร้างในรัชกาลที่ 6 และ 9 และสุดท้ายคือ เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ ถึงโขนเรือเชิดเรียว ไม่ได้สร้างเป็นรูปสัตว์ในตำนาน แต่ก็จำหลักและปิดทองรูปพญานาคทั้งลำ นับเป็นเรือพระที่นั่งลำเดียวที่สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 5 ด้วยความวิจิตรตระการตาจึงดึงดูดให้คนที่มาต่างถ่ายภาพเก็บเป็นที่ระลึกกันอย่างมีความสุข
ในงานยังมีนิทรรศการต่างๆ อย่างพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจตั้งแต่รัชกาลที่ 1 จนถึงปัจจุบัน รวมถึงการจำลองสถาปัตยกรรมที่สำคัญของไทย เช่น พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ทั้งหมดล้วนสร้างจากเลโก้
นอกจากน้ำพริกจะหอมกลมกล่อม เพราะมีมะอึก-มะดัน เป็นส่วนผสมแล้ว ยังมีเครื่องเคียงหลากหลายชนิด ทั้งไข่เค็ม หมูหวาน ปลาดุกฟู รวมถึงผักสดให้รับประทานด้วย ราคาย่อมเยาแต่คุณภาพคับจานจริงๆ จากของคาวมาต่อที่ของหวาน ขนมชาววัง หาทานยาก ที่นี่ก็มีให้ชิม อย่างบัวลอยไข่หวาน ต้นตำรับชาววังแท้ๆ ใส่น้ำตาลมะพร้าวแทนน้ำตาลทรายขาว จึงมีสีน้ำตาล กลิ่นหอม ชวนรับประทาน และขาดไม่ได้เจ้าประจำงานอุ่นไอรัก คือขนมจ่ามงกุฎ และขนมเบื้องญวณโบราณ ก็มีมาให้เลือกรับประทานด้วย
งานอุ่นไอรักคลายความหนาว สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์ ครั้งที่ 2 มีทุกวัน ไปจนถึงวันที่ 19 มกราคม 2562 งานนี้ไม่เพียงทำให้อิ่มใจและอิ่มท้องแบบย้อนยุค แต่ยังแสดงถึงความผูกพันระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับพสกนิกรชาวไทยที่มีมาอย่างยาวนานและไม่มีวันที่จะเสื่อมคลาย. – สำนักข่าวไทย