รร.มิราเคิลฯ 7 ธ.ค.-สธ.ร่วมกับมูลนิธิถันยรักษ์ฯในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สืบสานพระราชปณิธานสมเด็จย่าต้านภัยมะเร็งเต้านม ขยายพื้นที่ครอบคลุมทั่วประเทศและบูรณางานกับมูลนิธิ พอ.สว. ให้สตรีไทยตรวจเต้านมด้วยตนเอง รู้ความผิดปกติ ลดความเสี่ยงเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านม
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานเปิดการประชุมโครงการสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จย่าต้านภัยมะเร็งเต้านม พร้อมบรรยายพิเศษ เรื่อง “ความสำเร็จของการต้านภัยมะเร็งเต้านมของประเทศไทย” พร้อมกันนี้ รศ.ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองประธานมูลนิธิถันยรักษ์ฯ ได้ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “พระราชปณิฐานของสมเด็จย่ากับการดำเนินงานของมูลนิธิถันยรักษ์ฯ”โดยมีผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติงานจากส่วนกลางและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศร่วมประชุมประมาณ 200 คน
นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับมูลนิธิถันยรักษ์ฯในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สืบสานพระราชปณิธานสมเด็จย่าต้านภัยมะเร็งเต้านมดำเนินการตั้งแต่ปี 2555 ให้ หญิงไทย อายุ 30-70 ปี จำนวน 1.9 ล้านคน นำร่องใน 21จังหวัด ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาสามารถค้นพบผู้ป่วยมะเร็งเต้านมได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะระยะเริ่มต้น และนำเข้าสู่กระบวนการรักษา ช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วย
นพ.ปิยะสกล กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ ได้ขยายการดำเนินงานเพิ่มอีก 55 จังหวัดให้ครอบคลุมทั่วประเทศ รณรงค์ให้สตรีทุกคนตรวจเต้านมด้วยตนเองอย่างถูกต้อง สม่ำเสมอ ควบคู่กับการบันทึกผลการตรวจลงใน “สมุดบันทึกการตรวจเต้านมตนเอง” เป็นประจำ มีการติดตามโดยอาสา สมัครสาธารณสุขเชี่ยวชาญ (อสมช.) และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) หากพบความผิดปกติจะตรวจยืนยันด้วยเครื่องอัลตราซาวน์ (Ultrasound) ที่โรงพยาบาลชุมชนและส่งต่อไปรักษายังโรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไป พร้อมบูรณาการกับงานของมูลนิธิ พอ.สว. เพื่อให้สตรีที่อยู่ห่างไกลได้รับการดูแล เฝ้าระวังโรคมะเร็งเต้านมมากขึ้น และจะพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับบันทึกการตรวจเต้านมคู่ขนานการใช้สมุดบันทึก รวมทั้งพัฒนา อสม.เป็น อสม.เชี่ยวชาญด้านการเฝ้าระวังมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้น เพื่อให้หญิงไทยทุกคนสามารถตรวจและทราบความปกติของเต้านมตนเองตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ช่วยลดการตายจากโรคมะเร็งเต้านมได้
ด้าน พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมส่วนใหญ่ที่เสียชีวิต มักมาพบแพทย์เมื่อมะเร็งเต้านมได้ลุกลามและแพร่กระจายแล้ว คือมีก้อนขนาดใหญ่และมีแผลที่เต้านม หรือมีเลือดหรือน้ำเหลืองไหลจากหัวนม หากค้นพบเร็วก็จะสามารถรักษาให้หายได้ ดังนั้นเพื่อเพิ่มโอกาสในการรักษา นอกจากจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆแล้ว ควรหมั่นสังเกตความผิดปกติ และตรวจเต้านมด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน สำหรับหญิงที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป ส่วนผู้หญิงที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป นอกเหนือจากการตรวจเต้านมด้วยตนเองแล้ว ควรเพิ่มการตรวจเต้านมกับบุคลากรทางการแพทย์อย่างน้อยทุก 3 ปี และเพิ่มเป็นทุกปีเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไปควบคู่กับการตรวจเอกซเรย์เต้านม .-สำนักข่าวไทย