กระบี่ 6 ธ.ค.- “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์” แถลงจับกุม 5 ผู้ก่อเหตุทำร้ายชายวัย 34 ปี กลางลานจอดรถในห้างเมืองกระบี่ เมื่อเดือน พ.ย. เพื่อยึดรถขาดผ่อนส่งกับไฟแนนซ์ เผยผู้ต้องหา 2 รายสุดท้ายตามจับได้ที่ตรัง
เมื่อเวลา 19.20 น. (6 ธ.ค.) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เดินทางมายังตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ ร่วมแถลงกับ พล.ต.ต.นันทเดช ย้อยนวล รองผู้บัญชาการภาค 8 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกรณีนายวัชรินทร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ขับรถกระบะ สีขาว พาครอบครัวเข้ามาจอดรถภายในห้างย่านตัวเมืองกระบี่ เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา และถูกกลุ่มชายอ้างเป็นพนักงานไฟแนนซ์ทำร้ายนายวัชรินทร์ ได้รับบาดเจ็บ เพื่อต้องการยึดรถ เนื่องจากค้างค่างวด ต่อมานายวัชรินทร์ ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองกระบี่ และนำหลักฐานร้องขอความเป็นธรรมกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกระบี่ เพื่อให้ช่วยเหลือทางคดีว่า ศปอส.ตร. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายวัชรินทร์เช่นเดียวกัน ศปอส.ตร.จึงร่วมกับตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่เร่งสืบสวนสอบสวนจนทราบว่าผู้ก่อเหตุมี 5 ราย แต่ได้เข้ามอบตัวแล้ว 3 ราย เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่ สภ.เมืองกระบี่ จึงเหลือผู้ร่วมก่อเหตุอีก 2 ราย ยังไม่มามอบตัว พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ก่อเหตุสองรายดังกล่าว และทราบว่าหนีไปที่จังหวัดตรัง กระทั่งวันที่ 4 ธ.ค. ชุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวไว้ได้ พร้อมยึดรถยนต์ 2 คัน ซึ่งเป็นรถที่ใช้ในวันเกิดเหตุ
ส่วนการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 5 ให้การภาคเสธ ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อมั่นในพยานหลักฐานและดำเนินคดีในข้อกล่าวหา ร่วมกันพยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด หรือใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกขืนใจต้องกระทำการนั้นไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว กักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและร่วมกันทำร้ายร่างกาย ผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ” เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309 310 295 83 และ 80 อัตราโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
พร้อมกันนี้นายวัชรินทร์ พร้อมครอบครัวได้เข้าขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับผู้ทำผิดมาดำเนินคดีได้รวดเร็ว.-สำนักข่าวไทย