แจ้งความหนุ่มขอเรี่ยไรเงินไถ่ควาย “เจ้าทองคำ” พี่คล้าว 2018 ยันไม่ได้หลอก

ชัยนาท 27 พ.ย. – เรื่องวุ่นๆ ของคนกับควาย นายก อบต.สุขเดือนห้า จ.ชัยนาท เจ้าของควาย “เจ้าทองคำ” พร้อมด้วยทนายสงกรานต์ เข้าให้ปากคำกับตำรวจ สน.คันยาว หลังนายสุรัตน์ แผ้วเกตุ หรือ “พี่คล้าว 2018” ออกมาขอเรี่ยไรเงินไถ่ “เจ้าทองคำ” 


นายบุญเลิศ การภักดี นายก อบต.สุขเดือนห้า ต.สุขเดือนห้า อ.นาขาม จ.ชัยนาท พร้อมนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความ เข้าให้ปากคำกับ พ.ต.ต.ยุทธศิลป์ พละสาร สว.(สอบสวน) สน.คันนายาว  หลังวันที่ 21 พ.ย. ทนายสงกานต์ได้โอนเงินที่ ธ.กรุงเทพ สาขาคลอง 3 ให้นายสุรัตน์ แผ้วเกตุ หรือ “พี่คล้าว 2018” ที่ออกมาร่ำไห้ผ่านสื่อขอเรี่ยไรเงินไถ่ควาย “เจ้าทองคำ” กลับคืนมา โดยให้สัมภาษณ์ว่า “เจ้าทองคำ” ถูกขายไปในราคา 100,000 บาท ปรากฏว่ามีคนจำนวนมากหลงเชื่อ ร่วมบริจาคเข้าบัญชีของนายสุรัตน์ ธ.กรุงไทย สาขาหันคา จ.ชัยนาท คดีนี้พบพิรุธแต่แรกคือ ไม่พบตัวเจ้าของควายทองคำ และไม่พบตัวคนซื้อควายไปในราคา 100,000 บาท แต่กลับพบว่าควายตัวดังกล่าวเป็นของนายก อบต.สุขเดือนห้า และที่สำคัญยังไม่ได้ขายควายให้ใคร เพียงแต่นำควายไปฝากให้นายสุรัตน์เลี้ยงชั่วคราวเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นายสุรัตน์มีควายตัวเมียอยู่แล้ว แต่อยากได้ควายของนายก อบต.ตัวนี้ จึงออกอุบายดังกล่าวขึ้น นายบุญเลิศจึงเดินทางเข้าไปให้ปากคำเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจที่ สน.คันนายาว


พนักงานสอบสวนจะสอบปากคำ นายก อบต.ในฐานะพยาน และพยานคนอื่นก่อนที่จะพิจารณา ออกหมายเรียกนายสุรัตน์ มารับทราบข้อหากับพนักงานสอบสวนคือ ฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าข้อความอันเป็นเท็จตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ

กรณีนี้สืบเนื่องจากหนุ่มชัยนาทถ่ายภาพเซลฟี่กับควายจนโด่งดังไปทั่วโลกออนไลน์ แต่แล้วจู่ๆ หนุ่มคนดังกล่าวที่ชื่อว่า “สุรัตน์ แผ้วเกตุ” ได้เปิดเผยในเวลาต่อมาว่า “เจ้าทองคำ” ควายยิ้มเพศผู้ วัย 5 ปี เป็นควายที่เจ้าของมาฝากให้เขาเลี้ยง ร่วมกับควายเพศเมียอีก 2 ตัว และเจ้าของกำลังจะขายควายทั้งหมดที่ฝากไว้ รวมถึงเจ้าทองคำด้วย ในราคาตัวละ 100,000 บาท และได้มีผู้มาติดต่อขอซื้อแล้ว แต่ต่อมาทางเจ้าของยื่นขอเสนอให้นายสุรัตน์เป็นผู้ซื้อควายตัวดังกล่าวไว้ แต่ติดปัญหาตรงที่ว่าเป็นราคาที่สูงเกินกว่านายสุรัตน์จะรับซื้อไว้ได้ จึงได้ตัดสินใจเปิดรับบริจาคเพื่อระดมเงินจากผู้ใจบุญไถ่เจ้าทองคำคืนมา



ต่อมานายสุรัตน์ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก แจ้งว่าขณะนี้มียอดเงินบริจาคกว่า 130,000 บาท แล้ว สามารถนำไปไถ่เจ้าทองคำ ควายยิ้ม จากเจ้าของได้แล้ว จึงขอปิดการรับบริจาค พร้อมทั้งขอบคุณผู้ที่ช่วยเหลือ ร่วมถึงสื่อมวลชน และหน่วยงานต่างๆ โดยมีรายละเอียดดังนี้

“ขอแจ้งยอดเงิน ได้ 135,969 บาท ซึ่งเกินจำนวนแล้วครับ ผมขอปิดการรับบริจาคครับ ผมขอขอบคุณทุกคนครับ ที่ช่วยเหลือผมกับเจ้าทองคำ ให้ได้อยู่ร่วมกันแล้วสร้างรอยยิ้มให้ทุกคนได้เห็นกันต่อไปครับ ขอขอบคุณสื่อต่างๆ และหน่วยงานต่างๆ ที่เข้ามาช่วยเหลือผม และขอขอบคุณเจ้าของทองคำที่ให้โอกาสผมและเจ้าทองคำได้อยู่ร่วมกันครับ ส่วนยอดเงินที่เกิน ผมอยากให้เพื่อนๆ ลงความเห็นเพื่อให้ทุกคนมีความสบายใจ ผมขอขอบคุณทุกคนที่มั่นใจในตัวผมจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง และจะสร้างรอยยิ้มให้ทุกคนได้เห็นต่อไปครับ ขอขอบคุณทุกๆ คนมากครับ

หลังนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ พร้อมด้วยนายบุญเลิศ การภักดี นายก อบต.สุขเดือนห้า อ.เนินขาม จ.ชัยนาท เข้าให้ปากคำกับตำรวจ สน.คันนายาว กรณีนายสุรัตน์ แผ้วเกตุ ชาวชัยนาท หรือ “พี่คล้าว 2018”  ที่ออกมาร่ำไห้ผ่านสื่อขอเรี่ยไรเงินไถ่ควายชื่อ “เจ้าทองคำ” ซึ่งเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนและนำเข้าข้อความอันเป็นเท็จตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ทุ่งนาของนายสุรัตน์ แผ้วเกตุ ที่หมู่ 11 ต.เนินขาม อ.เนินขาม จ.ชัยนาท เพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าว แต่ไม่พบตัวนายสุรัตน์ พบแต่ฝูงควาย 4 ตัว หนึ่งในนั้นคือควายชื่อ “ทองคำ” กำลังลงเล่นน้ำอยู่ในบ่อ และเดินกินหญ้าอยู่รอบคอกเลี้ยงโดยไม่มีคนเฝ้า และมีการขึงลวดไว้รอบๆ ทุ่งนา ป้องกันไม่ให้ควายเดินออกไปนอกพื้นที่

จากการสอบถามนายสุรัตน์ทางโทรศัพท์ บอกว่า อยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี กำลังนำรถยนต์ไปซ่อม ไม่สะดวกที่จะมาพบผู้สื่อข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงเรื่องที่ถูกแจ้งความ นายสุรัตน์ บอกว่า ทราบจากข่าวแล้ว แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดมากนัก เบื้องต้นขอยืนยันว่าไม่ได้หลอกเรี่ยไรเงินไปซื้อควาย แต่เพื่อนในเฟซบุ๊กทราบว่าเจ้าของควายจะขายจึงอยากให้ตนเลี้ยงไว้เอง จึงรวบรวมเงินมาให้ตนนำไปให้ นายบุญเลิศ กาฬภักดี นายก อบต.สุขเดือนห้า เจ้าของควาย ตามที่ตกลงกันไว้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแจ้งความเช่นนี้   อย่างไรก็ตาม ตนก็พร้อมจะเดินทางไปพบตำรวจเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ โดยไม่คิดหลบหนีแต่อย่างใด และจะหาทนายความเพื่อต่อสู้คดี

ทั้งนี้ นายสุรัตน์ ที่ชาวโซเชียลเรียกว่า “พี่คล้าว 2018” โด่งดังในโลกโซเชียลเพียงชั่วข้ามคืน จากการถ่ายรูปตัวเองยิ้มคู่กับควายชื่อ “ทองคำ” ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว เป็นที่ถูกใจชาวเน็ตแห่กดไลค์กดแชร์จำนวนมาก ควายทองคำ เป็นควายของนายบุญเลิศ กาฬภักดี นายก อบต.สุขเดือนห้า ได้นำไปฝากนายสุรัตน์เลี้ยงไว้ ก่อนที่จะนำไปขาย แต่ด้วยความผูกพันกับควายทองคำ นายสุรัตน์จึงอยากซื้อควายไว้เลี้ยงเอง แต่ไม่มีเงิน  จึงได้โพสต์ลงเฟซบุ๊ก จนกระทั่งชาวเน็ตสงสาร จึงส่งเงินบริจาครวมเป็นเงิน 130,000 บาท ไปช่วยให้นายสุรัตน์ซื้อควายทองคำในราคา 100,000 บาท ได้เป็นผลสำเร็จ แต่สุดท้ายก็มาถูกแจ้งความดำเนินคดีฐานฉ้อโกงประชาชน . – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.รับทราบเหตุปะทะเดือดสงขลา ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กต่าย” พยักหน้ารับทราบ เหตุปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ พื้นที่ จ.สงขลา ระบุขอเข้าประชุมก่อน พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมร่วมกับกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ได้รับรายงานเรื่องการปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่บ้านห้วยเต่า สงขลา แล้วหรือไม่ โดยพลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบคำถาม ระบุเพียงว่าขอเข้าประชุมก่อน -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์ ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์โผล่วันจับ “ทิดอลงกต” ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ พบพิรุธ ยังไม่มารายงานตัว พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทิดอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่มีการเปิดเผยออกมาว่า ตลกชื่อ 3 พยางค์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินวัดพระบาทน้ำพุด้วย ว่า มีตลกอีก 1 คนที่ยังเป็นเป้าหมายยังไม่ได้มาแสดงตัวและยังไม่ได้มาให้การ พนักงานสอบสวนจะเรียกมาเอง ซึ่งพบพิรุธเยอะว่าทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามวิธีการที่ทำในการเข้าไปช่วยเหลือ ทิดอลงกต ในการขนย้ายสิ่งของ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญ และไม่เหมือนดาราท่านอื่น ที่เป็นการรับจ้างงาน แต่คนนี้น่าจะเป็นคนที่สนิทส่วนตัว เป็นคนที่เคยถูกดำเนินคดีอยู่ เมื่อถามว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่าเป็นคนลึกลับซับซ้อน ซึ่งเป็นคนที่เคยโผล่ให้เห็นในวันที่ทิดอลงกตถูกจับ -สำนักข่าวไทย

พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที จนท.สวนสัตว์ ลงจากรถ แล้วถูกสิงโตตะปบรุมขย้ำ

กทม. 10 ก.ย.-พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที สิงโตตะปบเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ จากนั้นสิงโตอีก 5 ตัว รุมขย้ำ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนหรือร้องขอความช่วยเหลือ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือในคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต ก็พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างล่างของรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้า เข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที ก็มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาทางข้างหลังช้าๆ ก่อนจะตะครุบเข้าข้างหลังเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวทันที โดยที่เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าที ขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้น สิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ เดินตามมารุมกัดตามที่ปรากฏในคลิป ตนเองไม่รู้จะต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงแต่บีบแตรรถ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคันอื่น ที่ช่วยกันบีบแตร ผ่านไปประมาณ 10 […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ไทยฝนฟ้าคะนอง ตกหนักบางแห่ง

กทม. 13 ก.ย.-กรมอุตุฯ รายงานไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง และฝนตกหนักบางแห่งในภาคอีสาน ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตะวันออก และใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน […]

“พล.ท.บุญสิน” ยันยังไม่ดำเนินการโครงการอบรมโดรนเกษตร

กทม. 12 ก.ย.- “พล.ท.บุญสิน” แจงบริษัทเอกชนมามอบของ-ถ่ายรูป พร้อมเสนอโครงการอบรมโดรนเกษตร ยืนยันยังไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อวันที่ 12 ก.ย.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีที่มีบริษัทเอกชนเข้ามาถ่ายรูปร่วมกับแม่ทัพภาคที่ 2 โดยมีการนำโครงการ “อบรมการใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ให้กับทหารเพื่อเป็นการเพิ่มทักษะ เพื่อใช้ในการเกษตร” วานนี้ (11 ก.ย.) ว่า บริษัทดังกล่าวได้เข้ามาพบเหมือนกับพี่น้องประชาชนและบริษัทต่างๆ ที่เข้ามาพบมอบของ เพียงแต่ว่าทางบริษัทนี้เข้ามานำเสนอโครงการโดรน ตนก็ไม่ได้พูดคุยอะไรมาก เพียงแต่รับฟังไว้ ประมาณ 10 นาที ทางคณะดังกล่าวก็ขอถ่ายภาพ ก่อนเดินทางกลับ “ผมยืนยันว่า ยังไม่ได้มีการดำเนินการทำอะไรเลย ยังไม่ผ่านการตรวจสอบให้รอบคอบ ยืนยันอีกครั้งยังไม่ได้ดำเนินการอะไรทั้งนั้น” พล.ท.บุญสิน กล่าว.-313.-สำนักข่าวไทย

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

ผลักดัน “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว 7 คน กลับกัมพูชา

จันทบุรี 12 ก.ย. – ตม.ศรีสะเกษ ประสาน ตม.จันทบุรี ส่งตัว “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว รวม 7 คน กลับกัมพูชา หลังถูกกล่าวหาเป็นไส้ศึก และถูกชาวบ้านรวมตัวขับไล่ ทั้งยังพบอาศัยอยู่ในไทยอย่างผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดศรีสะเกษ นำตัวนางเขื่อน ชาวกัมพูชา และสมาชิกครอบครัว รวมทั้งหมด 7 คน เดินทางไปที่ด่านผ่านแดนถาวรบ้านแหลม จ.จันทบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รอรับตัวอยู่ก่อนแล้ว เพื่อผลักดันกลับประเทศกัมพูชา เนื่องจากที่ผ่านมา นางเขื่อน ถูกชาวบ้านในพื้นที่ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ รวมตัวกันขับไล่ หลังจากถูกกล่าวหาว่าเป็น “ไส้ศึก” คอยส่งข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของทหารไทยให้กับฝ่ายกัมพูชา และยังพบว่าทั้งหมดอาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย จึงดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายและระเบียบการต่างประเทศ เพื่อส่งตัวกลับภูมิลำเนา. – สำนักข่าวไทย