ก.เกษตรฯ สั่งเพิ่มจุดรับซื้อน้ำยางสด

กรุงเทพฯ 26 พ.ย. – รมว.เกษตรฯ สั่ง กยท.เพิ่มจุดรับซื้อน้ำยางสดจากเกษตรกรในพื้นที่โดยตรง หวังลดต้นทุนค่าขนส่ง-ก่อสร้างถนนยางพารา  


นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้เกษตรและสหกรณ์ (กษ.) จังหวัดและผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จังหวัดหลายจังหวัดรายงานว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ประสงค์สนับสนุนงบประมาณก่อสร้างถนนงานดินซีเมนต์ผสมยางพารา โดยจังหวัดที่ทำถนนสายสาธิตหนองบัวลำภู นอกจากนี้ ยังมีจังหวัดสงขลา สุราษฎร์ธานี ชุมพร ตรัง ขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดประสาน อปท. เพื่อเชิญชวนเข้าร่วมโครงการแล้ว

นายกฤษฎา กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก กษ.จังหวัดอุทัยธานีและนายสุชิน เถื่อนม่วง ผอ.กยท.จังหวัดอุทัยธานีว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดมีกำหนดเชิญ อปท.ทุกแห่งมาประชุม เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจที่ศาลากลางจังหวัดอุทัยธานี วันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ เวลา 09.30 น. โดยจะขอความร่วมมือ อปท.ใช้งบประมาณเหลือจ่าย งบประมาณสะสม หรืองบอื่น ๆ มาสร้างถนนงานดินผสมยางพาราในตำบลและหมู่บ้านอย่างน้อยแห่งละ 1 สาย ๆ ละอย่างน้อย 1 กิโลเมตร ทั้งนี้ จังหวัดอุทัยธานีมีสถาบันเกษตรกรทำสวนยางพารา แต่ขายเป็นยางแผ่นดิบไม่ได้ขายเป็นน้ำยางสด เนื่องจากไม่มีโรงงานแปรรูปยางพารา จึงไม่มีจุดรับซื้อน้ำยางสดในพื้นที่ เบื้องต้นจึงประสาน กยท.จังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้ที่สุด เพื่อขอรับซื้อน้ำยางสดจากสถาบันเกษตรกร แต่หาก อปท.ที่เข้าร่วมโครงการมีจำนวนมากจะหาแนวทางให้สหกรณ์ชาวสวนยางเปิดเป็นจุดรับซื้อน้ำยางสด เพื่อเกษตรกรในพื้นที่ขายน้ำยางได้ในราคาสูงขึ้น อีกทั้งสามารถลดต้นทุนค่าขนส่งลงได้


สำหรับถนนตัวอย่างที่ดำเนินการแล้ว คือ ถนนคันคลองชลประทาน ตำบลทุ่งโพ อำเภอหนองฉาง ดำเนินการโดยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาทับเสลา อำเภอลานสัก ซึ่งกรมชลประทานจัดทำโดยใช้งบประมาณจากโครงการไทยนิยมยั่งยืน เดิมเป็นถนนแอสฟัลท์ทรุดโทรมแล้ว จึงปรับปรุงผิวทาง โดยทำรูปแบบงานยางพาราแอสฟัลต์ติกคอนกรีต ซึ่งนำยางมะตอยเดิมมารีไซเคิล ปั่นผสมซีเมนต์และหินคลุกพร้อมบดอัดแน่น ราดไพร์มโคท แล้วขั้นตอนสุดท้ายจึงราดยางพาราแอสฟัลท์เป็นผิวทาง ความยาว 7.918 กิโลเมตร งบประมาณ 40 ล้านบาท โดย กยท.จังหวัดพร้อมนำเสนอแบบก่อสร้าง สูตรผสมในการทำถนนได้ทั้งในแบบถนนงานยางพาราแอสฟัลต์ติกคอนกรีตและถนนงานดินซีเมนต์ผสมยางพารา ซึ่งใช้ยางพาราผสมกับลูกรังและปูนซีเมนต์สูตรผสมยางพาราประมาณ 12 ตันต่อกิโลเมตรต่อความกว้างถนน 6 เมตรเป็นผิวทางเช่นกัน ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ กยท.พิจารณาเพิ่มจุดรับซื้อน้ำยางสดในจังหวัดอื่นที่ยังไม่มีจุดรับซื้อด้วยเพื่อจะได้ใช้ผลผลิตยางจากเกษตรกรในท้องถิ่น

นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า จากที่มีข้อเสนอของสถาบันเกษตรกรที่ต้องการให้ อปท.รับซื้อน้ำยางสดราคากิโลกรัมละ 60 บาท โดยขณะนี้ราคาซื้อขายน้ำยางสดตลาดกลาง กยท.กิโลกรัมละประมาณ 37 บาทนั้น มีตัวอย่างจากจังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่ง ผอ.กยท.หนองบัวลำภูรายงานว่าการซื้อขายน้ำยางสดจะคิดที่ราคาน้ำยางข้น 60% โดยวันที่ 15 พฤศจิกายน อบจ.หนองบัวลำภูรับซื้อน้ำยางสดจากสหกรณ์ 1,200 กิโลกรัม กิโลกรัมละ 26.67 บาท กลุ่มเกษตรกรมีรายได้ 32,004 บาท ทั้งนี้ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการนำแอมโมเนียและสารกันกอกเพื่อป้องกันยางจับตัวเป็นก้อนมาผสม รวมทั้งค่าขนส่ง ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นอีก 10.23 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งในวันเดียวกันนั้นที่ตลาดกลางยางพาราสงขลาน้ำยางข้น 60% อยู่ที่กิโลกรัมละ 36 บาท ดังนั้น หากขายน้ำยางสด 1,200 กิโลกรัมตามเปอร์เซ็นต์เนื้อยางแห้งเท่ากับ 348.16 กิโลกรัม ตามราคาตลาดกลางสงขลาจะขายได้ 12,533.76 บาท เมื่อเปรียบเทียบแล้วราคาที่สหกรณ์ขายให้ อบจ. หนองบัวลำภูอยู่ที่กิโลกรัมละ 55.31 บาท สูงกว่าตลาดกลางสงขลาถึง 19.31 บาทต่อกิโลกรัม หาก อปท. สนับสนุนโครงการนี้จะทำให้ราคายางพาราปรับตัวสูงขึ้นได้อีก ซึ่งจะเกิดผลดีต่อเกษตรกรอย่างมาก.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

วิเคราะห์แนวทางดำเนินคดีกัมพูชา

10 ส.ค. – ฟังการวิเคราะห์ปมดำเนินคดีกัมพูชา กับ รศ.ดร. ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากหลักฐานที่มีชัดเจน กระสุนกัมพูชายิงตกฝั่งไทย เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินพลเรือน และมีกระสุนที่ต้องเก็บกู้มากกว่า 800 นัด ขณะที่หลังการเจรจา GBC ผ่านไป พบกัมพูชายังเสริมกำลังทหารต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้านศรีสะเกษสุดช้ำ บ้านเรือนถูกกัมพูชายิงถล่มเหลือแต่ซาก

ศรีสะเกษ 10 ส.ค. – ชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กลับจากศูนย์อพยพเจอสภาพบ้านเหลือแต่ซาก หลังถูกลูกปืนใหญ่กัมพูชายิงถล่ม ขณะที่พบหัวจรวด BM-21 กลางทุ่งนา อีก 2 จุด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายเรียบร้อย ปลัดอำเภอน้ำยืน เน้นย้ำหากชาวบ้านพบหลุมลึก-ปากหลุมแคบ ให้รีบแจ้งทันที ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นนาทีกระสุนโจมตีของกัมพูชายิงตกใส่บ้านเรือนประชาชนอย่างรุนแรงจนฝุ่นฟุ้งกระจาย จากภาพจะเห็นว่ามีรถอีแต๋นคันหนึ่งวิ่งผ่านจุดที่กระสุนพุ่งตกลงมาเพียงเสี้ยววินาที เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ วันนี้ นายกุลนที อายุ 45 ปี เดินทางกลับมาบ้าน หลังอพยพออกจากพื้นที่ไปกว่า 2 สัปดาห์ ในช่วงเหตุปะทะแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทันทีที่เห็นบ้าน นายกุลนทีถึงกับน้ำตาคลอ เพราะบ้านเสียหายอย่างหนัก ทั้งโครงสร้างไม้และปูนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ประตู หน้าต่าง กระจก และหลังคาถูกกระสุนถล่มจนแทบไม่เหลือสภาพเดิม […]

มทภ.2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด

10 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ จากการตรวจสอบพบเป็นทุ่นใหม่ ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยภายหลังการรับมอบสิ่งของช่วยเหลือทหารและเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดน จากภาครัฐและเอกชน ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ เมื่อวานว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นทุ่นใหม่ที่ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานเพื่อป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ก่อนที่จะถอนกำลังออกไป ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง จึงสั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร เช่น รถไถ รถตักในการเคลียร์เส้นทางและค้นหาทุ่นระเบิดบุคคล เพื่อป้องกันไม่ให้กำลังพลได้รับอันตรายซ้ำ สำหรับพื้นที่แนวปะทะที่มีการวางกำลังของทหารกัมพูชายังถือว่าไม่ปลอดภัยสำหรับทหาร เนื่องจากมีการวางระเบิดไว้มาก ส่วนพื้นที่ชาวบ้านซึ่งอยู่นอกแนวชายแดนลึกเข้ามา ไม่น่าเป็นห่วงจากทุ่นระเบิดบุคคล แต่ยังมีความเสี่ยงจากจรวดที่ยิงเข้ามาแล้วไม่ระเบิด หากประชาชนพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ห้ามเข้าไปจับ ดึง หรือเก็บเอง อย่างไรก็ตาม พื้นที่ส่วนใหญ่ เช่น ภูมะเขือ อานม้า ซำแปร และตาเมือนธม ไทยสามารถครอบครองได้ […]

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]