กทม. 24 พ.ย. – สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รับหลักการร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ปลดล็อกกัญชา ให้ใช้ทางการแพทย์ได้ โดยตั้งเป้าออกกฎหมายภายใน 60 วัน
ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ลงมติด้วยคะแนนเอกฉันท์รับหลักการวาระแรก ในร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษตามที่สมาชิก สนช. 44 คน เข้าชื่อเสนอ พร้อมตั้งกรรมาธิการ 29 คน กำหนดแปรญัติ 7 วัน โดยตั้งเป้าจะพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน หลังจากเมื่อวันที่ 9 พ.ย. คณะรัฐมนตรี ขอไปพิจารณาแล้วส่งกลับ สนช.โดยไม่ได้มีการเสนอร่างกฎหมายลักษณะเดียวกันมาประกบ มีเพียงข้อสังเกต ความเห็นจากกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการกฤษฎีกา และ ป.ป.ส.
สาระสำคัญของร่างกฎหมายนี้ เป็นการแก้ไขพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ปลดล็อกให้ กัญชา สามารถใช้เป็นยารักษาโรคได้ พร้อมกำหนดให้สามารถขออนุญาต ผลิต นำเข้าหรือส่งออก ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ซึ่งประกอบด้วย กัญชา และกระท่อม เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์สามารถนำไปใช้ในการรักษาโรคเฉพาะตัวได้ เช่นเดียวกับยาเสพติดให้โทษประเภท 2 แบบฝิ่น เท่านั้น ไม่ได้รวมถึงการใช้เสพเพื่อสันทนาการ และให้ ป.ป.ส. กำหนดเขตพื้นที่ทดลองเพาะปลูก และเสพกัญชา โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกามีมาตรการตรวจสอบควบคุม ทั้งนี้มีการกำหนดโทษผู้ที่มีครอบ ครองเกินกฎหมายกำหนดทั้งปรับและจำคุก
สำหรับผู้ที่สามารถอนุญาตครอบครองกัญชาได้ จะต้องไม่เคยต้องโทษตามกฎหมายยาเสพติดมาก่อนและให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้พิจารณาอนุญาตตามความเห็นของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ
ก่อนหน้านี้มีการเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชน ซึ่งส่วนใหญ่ เกือบ 100 % เห็นด้วย เช่นเดียวกับสมาชิก สนช. หลายคนที่อภิปรายสนับสนุน เพราะเห็นว่ากัญชามีโทษน้อยกว่าเหล้าและบุหรี่ที่ไม่ได้กำหนดเป็นยาเสพติด
อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายยาเสพติดให้โทษมีเพียง 17 มาตรา และต้องการดำเนินการในประเด็นปลดล็อกกัญชาให้เป็นยารักษาโรค เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทย .- สำนักข่าวไทย