กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ จับมือพันธมิตร พัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันไทย เน้นรักษาสิ่งแวดล้อม

กรุงเทพฯ 21 พ.ย. – กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ร่วมกับ 9 หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ลงนาม MOU การพัฒนาฐานข้อมูลน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันในประเทศไทย หาแนวทางแก้ไขปัญหาและป้องกันผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมทางทะเล


นางเปรมฤทัย วินัยแพทย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรมชาติ พร้อมด้วยผู้บริหารจาก 9 หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วย กรมควบคุมมลพิษ กรมเจ้าท่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมศุลกากร ศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศลชร.) ในส่วนกองทัพเรือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย วิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี   บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) และสมาคมอนุรักษ์สภาพแวดล้อมของกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมัน ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การพัฒนาฐานข้อมูลลายนิ้วมือน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย เพื่อร่วมบูรณาการฐานข้อมูลและพัฒนาเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาและป้องกันผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมทางทะเลอย่างมีประสิทธิภาพ 


ทั้งนี้ มองว่า เป็นการบูรณาการในการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐแลเอกชนทางแก้ไขปัญหาและป้องกันผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมทางทะเลอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อดำเนินการศึกษา และจัดทำข้อมูลลายนิ้วมือน้ำมันดิบ และผลิตภัณฑ์น้ำมันที่เกี่ยวข้อง  รวมถึงการวิเคราะห์ก้อนน้ำมันดินและคราบน้ำมัน เพื่อสนับสนุนการการบ่งชี้แหล่งที่มาของก้อนน้ำมันดิน และคราบน้ำมันในประเทศไทยบนพื้นฐานทางวิชาการภายใต้กรอบมาตรฐานสากลอย่างมีประสิทธิภาพ และโปร่งใส รวมถึงเพื่อสนับสนุนการดำเนินการป้องกันและแก้ปัญหา การรั่วไหลของน้ำมัน และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสังคมทุกภาคส่วน ซึ่งการดำเนินงานร่วมกันครั้งนี้ จะใช้ระยะเวลา 3 ปี นับตั้งแต่วันลงนาม เพื่อให้ได้ฐานข้อมูลที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพเพื่อไปสู่การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเลได้อย่างยั่งยืน

ด้านการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมในกิจการการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ มีนโยบายและมาตรการในการป้องกันปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นจากการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในทุกพื้นที่อย่างเข้มงวดตลอดมา โดยกำหนดให้ผู้ประกอบกิจการปิโตรเลียมจะต้องดำเนินการในด้านการป้องกันและบำบัดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานสากลและตามมาตรา 75 แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ.2514 เพื่อให้การดำเนินกิจการปิโตรเลียมสามารถอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมและชุมชนได้อย่างยั่งยืน. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง