ปปง.แถลงยึดทรัพย์คดีดังกว่า 20,000 ล้านบาท

ปปง.9 ก.ย.-ปปง.แถลงผลจับกุมยึดทรัพย์คดีสำคัญ ‘ทุจริตจำนำข้าวแบบรัฐต่อรัฐ-ทัวร์ศูนย์เหรียญ-บ่อนพนันออนไลน์’ รวบผู้ต้องหารายใหญ่ รวมมูลค่าความเสียหาย กว่า20,000 ล้านบาท


 

พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว  นายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ ผู้บัญชาการสำนักบริหารกลาง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)  ร่วมแถลงข่าวยึดทรัพย์คดีสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชน  มูลค่าความเสียหายกว่า 2 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย ทุจริตจำนำข้าวขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์กับพวกรวม21คนกระทำความผิดกรณีการจำนำข้าวขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจี เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทไม่ต้องแข่งขันราคากับผู้เสนอรายอื่นแล้วนำข้าวที่ซื้อได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคาขายในประเทศหรือต่ำกว่าราคาที่รับจำนำ นำไปขายต่อให้กับผู้ประกอบการค้าข้าวในประเทศ หรือนำไปให้ บริษัท สยามอินดิก้า นำไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่กรมการค้าต่างประเทศและประเทศชาติ คิดเป็นมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท อันเป็นความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ. ศ. 2542 และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ. ศ.2542 จากการรวบรวมพยานหลักฐานและตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินพบว่า          กลุ่มบุคคลดังกล่าวมีพฤติกรรมทุจริตโดยการปลอมสัญญาให้ดูเสมือนมีการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐจริง รวมถึงการตรวจสอบซึ่งทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดกับการทุจริตตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทั้งกลุ่มบริษัทสยามอินดิก้า บริษัท สิราลัย ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทกีธา และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนายอภิชาติ จันทร์ สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง


 

สำนักงาน ปปง.ตรวจสอบทรัพย์สินกลุ่มผู้กระทำผิดดังกล่าวพบว่าทรัพย์ สินมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าได้มาจากการกระทำความผิดและเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (5 )แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินพ.ศ.2542 โดยเมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินของกลุ่มบริษัทสยามอินดิก้า บริษัท สิราลัย ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นชื่อบริษัทกรีฑาและบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร เป็นเงินฝากในบัญชีธนาคารจำนวน 51 บัญชีมูลค่าประมาณ 921 ล้านบาทและที่ดินในกรุงเทพฯซึ่งเป็นที่ดินย่านประดิพัฒธ์ กว่า2พันไร่ รวมถึงที่ดินใน ลำพูน ภูเก็ต พังงา อยุธยา อ่างทอง จำนวน 611 รายการมูลค่าประมาณ 5, 970 ล้านบาท รวมการยึดทรัพย์ครั้งนี้ ทั้งสิ้น 662 รายการ มูลค่าประมาณ 7,000 ล้านบาท

 


สำหรับคดีที่ 2 คือทัวร์ศูนย์เหรียญ ที่สำนักงานปปง.บูรณาการร่วมกับกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กรมการท่องเที่ยว กรมการพัฒนาธุรกิจการค้า กรมการขนส่งทางบกและเจ้าหน้าที่ทหาร ร่วมดำเนินการเข้าตรวจค้น บริษัท ทัวร์แอนด์ทราเวลจำกัด และบริษัท ซินหยวน ทราเวล จำกัด เป็นบริษัทนำเที่ยวภายในประเทศไทย ต่ำกว่าทุน หรือ บริษัททัวร์ศูนย์เหรียญที่มี นางถวัลย์ แจ่มโชคชัย และนายสมเกียรติ คงเจริญ ชาวจีน ที่ลักลอบสวมบัตรประชาชนของนายสมเกียรติ คงเจริญคนไทย ซึ่งเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2550 เป็นกรรมการผู้จัดการและมีหุ้นอยู่ใน บริษัท ฝูอัน จากการตรวจสอบเพิ่ม เติมพบว่าบริษัทดังกล่าวใช้บริการรถบัสโดยสารของบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ตจำกัด ซึ่งเป็นบริษัทนอมินีจีน มาเปิดในไทย โดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่ารถบัสโดยสาร แต่มีข้อตกลงและเงื่อนไขจะต้องพานักท่องเที่ยวไปซื้อสินค้าตามร้านหรือสถานที่ตามที่บริษัท โอเอ  ทรานสปอร์ตจำกัด กำหนดไว้ 4 ที่ เท่านั้น โดยห้ามซื้อสินค้าที่อื่นเด็ดขาด มิเช่นนั้นห้ามนำขึ้นรถและนำกลับจีน คือ 1.บริษัทรอยัล เจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด2 .บริษัทรอยัลพาราไดซ์จำกัด 3. บริษัทรอยัลไทยเฮิร์บจํากัด 4.บริษัทบางกอกแฮนดิคราฟท์เซ็นเตอร์จำกัด และมัคคุเทศก์ใช้วิธีบังคับล่อลวงขู่เข็ญนักท่องเที่ยวให้ซื้อสินค้าในราคาสูงเกินโดยบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด ซึ่งมีนางนิสา โรจน์รุ่งรังสี และนายวสุวัฒน์ โรจน์รุ่งรังสี กับพวกเป็นประธานกรรมการ  จะจ่ายเงินค่าตอบแทนจำนวน 20-30% จากยอดขายที่นักท่องเที่ยวซื้อสินค้าและหากไม่เป็นไปตามข้อตกลง บริษัท ฝูอัน ทราเวล จำกัด และบริษัท ซินหยวนทราเวล  จำกัด จะต้องถูกปรับค่าเสียหาย

 

ต่อมาศาลอนุมัติหมายจับนายสมเกียรติ คงเจริญและนางธวัล แจ่มโชคชัย ในความผิดฐานเป็นสมาชิกอั้งยี่และร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวกระทำการอันจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวแหล่งท่องเที่ยว และเมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา นางนิสา รุ่งโรจน์รังสี ประธานกรรมการบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด นายวสุรัตน์  โรจน์รุ่งรังสี กรรมการบริษัทโอเอทรานสปอร์ต ในความผิดฐานเป็นสมาชิกอั้งยี่และร่วมการประกอบธุรกิจนำเที่ยวกระทำการอันจะเกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวแหล่งท่องเที่ยว สำนักงาน ปปง.ได้ดำเนินการตรวจสอบเส้นทางทางการเงินและทำธุรกรรมของ บริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต ตามพฤติการณ์ร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหรือการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมที่มีกฎหมายกำหนดเป็นความผิดกับผู้ต้องหาอันเป็นความผิดมูลฐานมาตรา3(10) แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 โดยเมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติยึดและอายัดทรัพย์สินจำนวน 3 ครั้งดังนี้

ครั้งที่ 1 เงินบัญชีธนาคารของผู้เกี่ยวข้องบริษัทฝูอัน รวม 25 รายการ มูลค่า 28,543,556.29 บาท , ครั้งที่ 2 เงินฝากในบัญชีธนาคารของผู้เกี่ยวข้องบริษัทฝูอัน สลากออมสินรวม 2 รายการ มูลค่า 3,100 ,000 บาท ครั้งที่ 3 เงินฝากในบัญชีธนาคารของผู้เกี่ยวข้องของบริษัทโอเอทรานสปอร์ตรวม 2,247 รายการ แบ่งเป็นเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร 92 บัญชี เป็นเงิน 4,200 ล้านบาท และรถบัสโดยสารจำนวน 2,155 คัน มูลค่า 9,000 ล้านบาท รวมทรัพย์สินทั้งหมด 2,274 รายการ เป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 13,200 ล้านบาท

 

สำหรับคดีที่ 3 คดีลักลอบเล่นการพนันผ่านสื่อ ออนไลน์รายใหญ่สืบเนื่องจากรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ สศช.  และรัฐบาลมีนโยบายด้านการปราบปรามการพนันเพื่อให้เกิดความสงบสุขในสังคมและประเทศชาติ มีคำสั่งและประกาศให้ดำเนินการอย่างเป็นรูปประธรรมไปยังส่วนราชการ  ที่เกี่ยวข้อง และให้เพิ่มมาตรการกำกับดูแลไม่ให้มีการเล่นพนันที่ผิดกฎหมายในพื้นที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะบ่อนการพนันตู้ม้า หวยใต้ดิน การพนันฟุตบอล การพนันออนไลน์ ทั้งนี้สำนักงานปปง.ได้รับการประสานจากกองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล 6 และสน. ตลิ่งชัน กองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมทั้งได้รับการร้องเรียนว่ามีการลักลอบเล่นพนันทายผลฟุตบอลและบาคาร่า ผ่านสื่อออนไลน์จึงได้ทำการสืบสวนธุรกรรมเส้นทางการเงินผู้เกี่ยวข้องพบว่ามีเว็บไซต์เปิดลักลอบให้เล่นการพนัน ดังกล่าวจำนวน 5 เว็บไซต์  จากผลการตรวจสอบดังกล่าวพบว่ามีบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจำนวน 98 บัญชี จึงได้มีคำสั่งให้ยึดและอายัดบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดดังกล่าวไว้เป็นเงินรวมประมาณ 25 ล้านบาท และจะได้ขยายผลการตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมดของผู้เกี่ยวข้องต่อไป นอกจากนี้ยังตรวจพบว่าผู้ที่มีส่วน เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดกฎหมายอาญาฟอกเงินอีกกว่า 10 คนซึ่งจะได้มอบหมายให้ไปกล่าวโทษดำเนินคดีต่อไป

 

โดยวันนี้สำนักงาน ปปง.ได้ลงพื้นที่เข้าตรวจค้น smart condo ห้องเลขที่ 12/2 2 2 และห้องเลขที่ 10 2/9 8 เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯพบทรัพย์สินเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ 10 เครื่องและจับกุมผู้ต้องหาที่ลักลอบเปิดให้มีการเล่นพนันจำนวน 8 คน ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ปัจจุบันสำนักงานปปง.ตรวจพบเว็บไซต์ที่ลักลอบเปิดให้เล่นการพนันผ่านสื่อออนไลน์ กว่า 100 เว็บไซต์ ซึ่งจะดำเนินการตรวจสอบธุรกรรมยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดต่อไป .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก