ปปง.แถลงยึดทรัพย์คดีดังกว่า 20,000 ล้านบาท

ปปง.9 ก.ย.-ปปง.แถลงผลจับกุมยึดทรัพย์คดีสำคัญ ‘ทุจริตจำนำข้าวแบบรัฐต่อรัฐ-ทัวร์ศูนย์เหรียญ-บ่อนพนันออนไลน์’ รวบผู้ต้องหารายใหญ่ รวมมูลค่าความเสียหาย กว่า20,000 ล้านบาท


 

พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว  นายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ ผู้บัญชาการสำนักบริหารกลาง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)  ร่วมแถลงข่าวยึดทรัพย์คดีสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชน  มูลค่าความเสียหายกว่า 2 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย ทุจริตจำนำข้าวขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์กับพวกรวม21คนกระทำความผิดกรณีการจำนำข้าวขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจี เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทไม่ต้องแข่งขันราคากับผู้เสนอรายอื่นแล้วนำข้าวที่ซื้อได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคาขายในประเทศหรือต่ำกว่าราคาที่รับจำนำ นำไปขายต่อให้กับผู้ประกอบการค้าข้าวในประเทศ หรือนำไปให้ บริษัท สยามอินดิก้า นำไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่กรมการค้าต่างประเทศและประเทศชาติ คิดเป็นมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท อันเป็นความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ. ศ. 2542 และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ. ศ.2542 จากการรวบรวมพยานหลักฐานและตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินพบว่า          กลุ่มบุคคลดังกล่าวมีพฤติกรรมทุจริตโดยการปลอมสัญญาให้ดูเสมือนมีการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐจริง รวมถึงการตรวจสอบซึ่งทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดกับการทุจริตตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทั้งกลุ่มบริษัทสยามอินดิก้า บริษัท สิราลัย ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทกีธา และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนายอภิชาติ จันทร์ สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง


 

สำนักงาน ปปง.ตรวจสอบทรัพย์สินกลุ่มผู้กระทำผิดดังกล่าวพบว่าทรัพย์ สินมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าได้มาจากการกระทำความผิดและเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (5 )แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินพ.ศ.2542 โดยเมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินของกลุ่มบริษัทสยามอินดิก้า บริษัท สิราลัย ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นชื่อบริษัทกรีฑาและบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร เป็นเงินฝากในบัญชีธนาคารจำนวน 51 บัญชีมูลค่าประมาณ 921 ล้านบาทและที่ดินในกรุงเทพฯซึ่งเป็นที่ดินย่านประดิพัฒธ์ กว่า2พันไร่ รวมถึงที่ดินใน ลำพูน ภูเก็ต พังงา อยุธยา อ่างทอง จำนวน 611 รายการมูลค่าประมาณ 5, 970 ล้านบาท รวมการยึดทรัพย์ครั้งนี้ ทั้งสิ้น 662 รายการ มูลค่าประมาณ 7,000 ล้านบาท

 


สำหรับคดีที่ 2 คือทัวร์ศูนย์เหรียญ ที่สำนักงานปปง.บูรณาการร่วมกับกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กรมการท่องเที่ยว กรมการพัฒนาธุรกิจการค้า กรมการขนส่งทางบกและเจ้าหน้าที่ทหาร ร่วมดำเนินการเข้าตรวจค้น บริษัท ทัวร์แอนด์ทราเวลจำกัด และบริษัท ซินหยวน ทราเวล จำกัด เป็นบริษัทนำเที่ยวภายในประเทศไทย ต่ำกว่าทุน หรือ บริษัททัวร์ศูนย์เหรียญที่มี นางถวัลย์ แจ่มโชคชัย และนายสมเกียรติ คงเจริญ ชาวจีน ที่ลักลอบสวมบัตรประชาชนของนายสมเกียรติ คงเจริญคนไทย ซึ่งเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2550 เป็นกรรมการผู้จัดการและมีหุ้นอยู่ใน บริษัท ฝูอัน จากการตรวจสอบเพิ่ม เติมพบว่าบริษัทดังกล่าวใช้บริการรถบัสโดยสารของบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ตจำกัด ซึ่งเป็นบริษัทนอมินีจีน มาเปิดในไทย โดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่ารถบัสโดยสาร แต่มีข้อตกลงและเงื่อนไขจะต้องพานักท่องเที่ยวไปซื้อสินค้าตามร้านหรือสถานที่ตามที่บริษัท โอเอ  ทรานสปอร์ตจำกัด กำหนดไว้ 4 ที่ เท่านั้น โดยห้ามซื้อสินค้าที่อื่นเด็ดขาด มิเช่นนั้นห้ามนำขึ้นรถและนำกลับจีน คือ 1.บริษัทรอยัล เจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด2 .บริษัทรอยัลพาราไดซ์จำกัด 3. บริษัทรอยัลไทยเฮิร์บจํากัด 4.บริษัทบางกอกแฮนดิคราฟท์เซ็นเตอร์จำกัด และมัคคุเทศก์ใช้วิธีบังคับล่อลวงขู่เข็ญนักท่องเที่ยวให้ซื้อสินค้าในราคาสูงเกินโดยบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด ซึ่งมีนางนิสา โรจน์รุ่งรังสี และนายวสุวัฒน์ โรจน์รุ่งรังสี กับพวกเป็นประธานกรรมการ  จะจ่ายเงินค่าตอบแทนจำนวน 20-30% จากยอดขายที่นักท่องเที่ยวซื้อสินค้าและหากไม่เป็นไปตามข้อตกลง บริษัท ฝูอัน ทราเวล จำกัด และบริษัท ซินหยวนทราเวล  จำกัด จะต้องถูกปรับค่าเสียหาย

 

ต่อมาศาลอนุมัติหมายจับนายสมเกียรติ คงเจริญและนางธวัล แจ่มโชคชัย ในความผิดฐานเป็นสมาชิกอั้งยี่และร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวกระทำการอันจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวแหล่งท่องเที่ยว และเมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา นางนิสา รุ่งโรจน์รังสี ประธานกรรมการบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด นายวสุรัตน์  โรจน์รุ่งรังสี กรรมการบริษัทโอเอทรานสปอร์ต ในความผิดฐานเป็นสมาชิกอั้งยี่และร่วมการประกอบธุรกิจนำเที่ยวกระทำการอันจะเกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวแหล่งท่องเที่ยว สำนักงาน ปปง.ได้ดำเนินการตรวจสอบเส้นทางทางการเงินและทำธุรกรรมของ บริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต ตามพฤติการณ์ร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหรือการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมที่มีกฎหมายกำหนดเป็นความผิดกับผู้ต้องหาอันเป็นความผิดมูลฐานมาตรา3(10) แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 โดยเมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติยึดและอายัดทรัพย์สินจำนวน 3 ครั้งดังนี้

ครั้งที่ 1 เงินบัญชีธนาคารของผู้เกี่ยวข้องบริษัทฝูอัน รวม 25 รายการ มูลค่า 28,543,556.29 บาท , ครั้งที่ 2 เงินฝากในบัญชีธนาคารของผู้เกี่ยวข้องบริษัทฝูอัน สลากออมสินรวม 2 รายการ มูลค่า 3,100 ,000 บาท ครั้งที่ 3 เงินฝากในบัญชีธนาคารของผู้เกี่ยวข้องของบริษัทโอเอทรานสปอร์ตรวม 2,247 รายการ แบ่งเป็นเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร 92 บัญชี เป็นเงิน 4,200 ล้านบาท และรถบัสโดยสารจำนวน 2,155 คัน มูลค่า 9,000 ล้านบาท รวมทรัพย์สินทั้งหมด 2,274 รายการ เป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 13,200 ล้านบาท

 

สำหรับคดีที่ 3 คดีลักลอบเล่นการพนันผ่านสื่อ ออนไลน์รายใหญ่สืบเนื่องจากรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ สศช.  และรัฐบาลมีนโยบายด้านการปราบปรามการพนันเพื่อให้เกิดความสงบสุขในสังคมและประเทศชาติ มีคำสั่งและประกาศให้ดำเนินการอย่างเป็นรูปประธรรมไปยังส่วนราชการ  ที่เกี่ยวข้อง และให้เพิ่มมาตรการกำกับดูแลไม่ให้มีการเล่นพนันที่ผิดกฎหมายในพื้นที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะบ่อนการพนันตู้ม้า หวยใต้ดิน การพนันฟุตบอล การพนันออนไลน์ ทั้งนี้สำนักงานปปง.ได้รับการประสานจากกองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล 6 และสน. ตลิ่งชัน กองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมทั้งได้รับการร้องเรียนว่ามีการลักลอบเล่นพนันทายผลฟุตบอลและบาคาร่า ผ่านสื่อออนไลน์จึงได้ทำการสืบสวนธุรกรรมเส้นทางการเงินผู้เกี่ยวข้องพบว่ามีเว็บไซต์เปิดลักลอบให้เล่นการพนัน ดังกล่าวจำนวน 5 เว็บไซต์  จากผลการตรวจสอบดังกล่าวพบว่ามีบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจำนวน 98 บัญชี จึงได้มีคำสั่งให้ยึดและอายัดบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดดังกล่าวไว้เป็นเงินรวมประมาณ 25 ล้านบาท และจะได้ขยายผลการตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมดของผู้เกี่ยวข้องต่อไป นอกจากนี้ยังตรวจพบว่าผู้ที่มีส่วน เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดกฎหมายอาญาฟอกเงินอีกกว่า 10 คนซึ่งจะได้มอบหมายให้ไปกล่าวโทษดำเนินคดีต่อไป

 

โดยวันนี้สำนักงาน ปปง.ได้ลงพื้นที่เข้าตรวจค้น smart condo ห้องเลขที่ 12/2 2 2 และห้องเลขที่ 10 2/9 8 เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯพบทรัพย์สินเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ 10 เครื่องและจับกุมผู้ต้องหาที่ลักลอบเปิดให้มีการเล่นพนันจำนวน 8 คน ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ปัจจุบันสำนักงานปปง.ตรวจพบเว็บไซต์ที่ลักลอบเปิดให้เล่นการพนันผ่านสื่อออนไลน์ กว่า 100 เว็บไซต์ ซึ่งจะดำเนินการตรวจสอบธุรกรรมยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดต่อไป .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

แฟนนางงามแห่ต้อนรับ “โอปอล” กลับไทยสุดอบอุ่น

กรุงเทพฯ 14 มิ.ย. – แฟนนางงามแห่รับ “โอปอล สุชาดา” Miss World 2025 กลับไทยสุดอบอุ่น ก่อนขึ้นรถแห่ฉลองทั่วกรุง “โอปอล” สุชาตา ช่วงศรี มิสเวิลด์ 2025 เดินทางกลับถึงไทย ด้วยเที่ยวบิน TG603 ร่วมงาน ‘Home Coming 72nd Miss World 2025’ ท่ามกลางการต้อนรับสุดอบอุ่นจากแฟนนางงามแน่นสนามบินสุวรรณภูมิ โอปอล กล่าวขอบคุณคนไทย และบอกว่ามงกุฎนี้เป็นของพวกเราทุกคน ตั้งเป้าใช้ตำแหน่งเพื่อช่วยเหลือสังคม หลังจบพิธี โอปอลขึ้นรถโรลส์-รอยซ์เปิดประทุน โบกธงชาติไทย มุ่งหน้าท้องฟ้าจำลอง ร่วมขบวนแห่ฉลองชัยมิสเวิลด์คนแรกของประเทสไทยอย่างสมเกียรติ บรรยากาศที่ท้องฟ้าจำลองมีประชาชนมารอต้อนรับโอปอล บรรดาแฟนนางงามต่างแสดงสัญลักษณ์ด้วยการใส่ชุดสีฟ้า บางคนมีการทำมงกุฎ Miss World มาใส่ และทันทีที่รถของโอปอลเลี้ยวเข้ามายังท้องฟ้าจำลอง มีการโห่ร้องต้อนรับอย่างอบอุ่น ส่วนแรงบันดาลใจในการทำรถขบวนแห่ของ Miss World 2025 นี้ นายธีรฉัตร อินถา ผู้ออกแบบขบวน ระบุว่า ได้มีการนำวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างสากลและวัฒนธรรมไทย […]

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย