GC ทำสถิติใหม่ 9 เดือน กำไร 36,008 ล้านบาท

กรุงเทพฯ 9 พ.ย.- GC ประกาศผลดำเนินงานไตรมาส 3 กำไรสุทธิ 12,793 ล้านบาท มีรายได้จากการขายรวม 136,712  ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิในรอบ 9 เดือนแรกของปี 2561 จำนวน 36,008 ล้านบาท เป็นการทำกำไรที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 21 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจโดยยึดหลัก Circular Economy ประยุกต์ใช้ทั้งภายในและภายนอกองค์กร พร้อมสร้างความตระหนักรู้ มุ่งหวังไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่าและเป้าหมายสร้างให้ GC เป็นต้นแบบองค์กรแห่งความยั่งยืนอย่างแท้จริง



นายสุพัฒนพงษ์  พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (CEO) GC เปิดเผยว่า ไตรมาส 3/2561 บริษัทฯ มีผลการดำเนินการดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีรายได้จากการขาย 136,712 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 มี Adjusted EBITDA 16,830 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวม 12,793 ล้านบาท (2.84 บาท/หุ้น) ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 และร้อยละ 18 ตามลำดับ และเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 3/2560 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 31 ขณะที่ Adjusted EBITDA และกำไรสุทธิรวม ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 และร้อยละ 29 ตามลำดับ สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวม 36,008 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์


ทั้งนี้ ไตรมาส 3/2561 ธุรกิจโอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องมีผลประกอบการปรับลดลงเล็กน้อย จากไตรมาส 3/2560 โดยในส่วนของธุรกิจโพลิเมอร์มีปริมาณการขายเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มีกำลังการผลิตใหม่จากโรงงาน LLDPE กำลังการผลิต 400,000 ตันต่อปี เริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์เดือนมีนาคม 2561 ขณะที่ธุรกิจผลิตภัณฑ์เอทิลีนออกไซด์ปรับตัวลดลงจากราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น และเมื่อเปรียบเทียบกับผลประกอบการไตรมาส 2/2561 พบว่าผลประกอบการไตรมาสนี้ของธุรกิจโอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องมีการปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยเป็นผลจากระดับราคาผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์ที่ปรับตัวลดลง ประกอบกับปริมาณการขายโอเลฟินส์ที่ลดลง ซึ่งเป็นผลจากการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงงานโอเลฟินส์ 1

สำหรับธุรกิจอะโรเมติกส์มีกำไรเพิ่มขึ้น ทั้งจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วและจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของส่วนต่างผลิตภัณฑ์พาราไซลีนเป็นหลักและปริมาณการขายที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อเนื่องจากการที่มีการหยุดซ่อมบำรุง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตปีที่แล้ว สำหรับธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมปรับตัวลดลงจากไตรมาส 3/2560 เป็นผลจากส่วนต่างของผลิตภัณฑ์ที่ลดลงเป็นหลัก แต่ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า จากส่วนต่างของผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นโดยเฉพาะในส่วนของน้ำมันเตา ทั้งนี้ในส่วนของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากผลประกอบการที่ดีขึ้นของธุรกิจอะคริโลไนไตรล์ (AN) ธุรกิจพีวีซี และผลประกอบการดีขึ้นในส่วนของธุรกิจไบโอพลาสติกที่บริษัทฯ ดำเนินการผ่าน บริษัท Natureworks ซึ่งดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา


สรุปผลการดำเนินงานตามกลุ่มธุรกิจ ดังนี้ โรงกลั่นน้ำมัน มีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 102 โรงอะโรเมติกส์ มีอัตราการใช้กำลังการผลิตสารอะโรเมติกส์ (BTX Utilization)  เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 94 โรงโอเลฟินส์ มีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 98 โรงผลิตเม็ดพลาสติก PE มีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 97 ราคาเม็ดพลาสติก HDPE เฉลี่ยอยู่ที่ 1,350 เหรียญฯ ต่อตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2560 ร้อยละ 19

ด้านความคืบหน้าและโครงการลงทุนต่าง ๆ มีดังนี้ โครงการซื้อหุ้น Revolve Group Limited (RGL) จากประเทศสหราชอาณาจักร ร้อยละ 49 เป็นแผนการขยายการลงทุนต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ มุ่งเน้นการลงทุนไปยังผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติเฉพาะทางและมีสมรรถนะสูง (Performance Chemicals) โดย RGL เป็นผู้ผลิต Rotomolding Compound รายสำคัญที่มีสัดส่วนในการทำธุรกิจลำดับต้น ๆ ของทวีปยุโรป มีฐานการผลิตในประเทศต่าง ๆ ทั้งอังกฤษ โปแลนด์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และมาเลเซีย โครงการนี้วัตถุดิบสำคัญ คือ เม็ดพลาสติก LLDPE ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์ของ GC ซึ่งการเข้าสู่ธุรกิจดังกล่าวเป็นการก้าวเข้าไปสู่กลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง (Construction) ด้วยศักยภาพในการผลิต ถังบรรจุขนาดใหญ่ ถังเก็บน้ำใต้ดิน บนดิน ธุรกิจด้าน Sport สร้างสนามเด็กเล่น เรือคายัค เรือใบ ด้วยคุณสมบัติของเม็ดพลาสติก LLDPE Rotomolding Compound ที่มีความแข็งแรง คงทน ทนแดด ทนฝน เหมาะสมในการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกขนาดใหญ่

นายสุพัฒนพงษ์  กล่าวว่า GC ขับเคลื่อนธุรกิจโดยนำหลัก Circular Economy มาประยุกต์ใช้ทั้งภายในและภายนอกองค์กร พร้อมสร้างความตระหนักรู้ โดยมุ่งหวังไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การสร้างให้ GC เป็นต้นแบบองค์กรแห่งความยั่งยืนอย่างแท้จริง

บริษัทฯ มุ่งมั่นในการประกอบกิจการที่เน้นการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า ควบคู่กับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม นอกเหนือจากนี้ยังประยุกต์ใช้หลักการของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อใช้เป็นพื้นฐานในการดำเนินงานด้านความยั่งยืน การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าในขั้นตอนการผลิต การอุปโภคบริโภค และการกำจัดขยะและของเสียจากผลิตภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม  และมุ่งเน้นในการนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาสร้างดุลยภาพระหว่างเทคโนโลยีกับชีวภาพเพื่อลดการเกิดของเสียและลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่อุปทาน

 บริษัทฯ ขับเคลื่อนธุรกิจโดยนำหลัก Circular Economy มาประยุกต์ใช้ทั้งภายในและภายนอกองค์กร พร้อมสร้างความตระหนักรู้ โดยมุ่งหวังไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การสร้างให้ GC เป็นต้นแบบแนวคิดและการดำเนินชีวิตแบบ GC Circular Living โดยมีแนวทางในการบริหารจัดการ 4 ด้าน ได้แก่ การบริหารทรัพยากร (Resources) ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง การบริหารจัดการกระบวนการผลิต (Production) โดยใช้หลัก 3Rs เพื่อก้าวไปสู่ 5Rs (Reduce, Reuse, Recycle, Renewable และ Refuse) การบริโภคและการนำไปใช้ (Consumption) ให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด และการบริหารจัดการขยะ (Waste Management) อย่างมีประสิทธิภาพ

บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะลดปริมาณการใช้พลาสติกชนิดใช้แล้วทิ้ง (Single Used Plastic) เช่น ถุงช็อปปิ้ง จำนวน 150,000 ตันต่อปี ให้เหลือ 0 ตันต่อปี ภายใน 5 ปี การมุ่งสู่ตลาดไบโอพลาสติก ในการผลิต Packaging รูปแบบต่าง ๆ การ Upcycling ด้วยการนำนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์มาเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งดำเนินธุรกิจพลาสติกรีไซเคิล (Recycled Plastic) โดยอยู่ในระหว่างการศึกษาการลงทุนโรงงานรีไซเคิล พลาสติกครบวงจรมาตรฐานสากลระดับโลก ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม จังหวัดระยอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม การแสวงหาพันธมิตรร่วมลงทุน รวมทั้งการจัดหาวัตถุดิบ (Waste Collection) ที่เหมาะสม คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในต้นปีหน้า.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สมุทรปราการอ่วม! ปิด 25 โรงเรียนหนีน้ำท่วม

สมุทรปราการ 8 ก.ย.- สมุทรปราการอ่วม! ระดับน้ำยังท่วมสูง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ด้าน สพท. สั่งปิดแล้ว 25 โรงเรียน ปรับให้สอนแบบออนไลน์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือ สพท. สั่งปิด 25 โรงเรียนจังหวัดสมุทรปราการ 1 วัน พร้อมปรับการเรียนเป็นแบบออนไลน์ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและผู้ปกครอง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ถนนสายสำคัญหลายเส้นถูกน้ำท่วม บางแห่งสูงกว่า 30 เซนติเมตร รวมถึงตรอกซอกซอยต่าง ๆ โดยบางพื้นที่น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ขณะเดียวกันหลายจุดยังคงมีน้ำท่วมขัง ระบายออกไม่ได้ เนื่องจากระดับน้ำในคลองสายหลักสูง ประกอบกับน้ำทะเลหนุน เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำ หากฝนไม่ตกลงมาซ้ำ คาดว่าบ่ายวันนี้สถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ มีรายงานว่าเกิดเหตุ หนุ่มวัย 17 ปี เข็นรถจักรยานยนต์ฝ่าน้ำ ถูกไฟรั่วจากแบริเออร์ก่อสร้างบนถนนแพรกษา ช็อตเสียชีวิตต่อหน้าเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่เร่งสอบหาสาเหตุและป้องกันเหตุซ้ำ -สำนักข่าวไทย

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา “สส.ลูกเกด” คดี ม.112

กรุงเทพฯ 8 ก.ย. – ศาลสั่งจำคุก 4 ปี “ลูกเกด ชลธิชา” สส.ประชาชน คดี ม.112 คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 2 ปี 8 เดือน ส่าสุดศาลให้กันประกันตัวแล้ว กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาต วันนี้ ( 8 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.595/65 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ฟ้อง น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด สส.พรรคประชาชน จ.ปทุมธานี เป็นจำเลยในความผิด ดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ ม.4 (3) จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ย.63 จำเลยได้โพสต์ข้อความ ลงในเฟซบุ๊กตัวเอง เกี่ยวกับราษฎรสาส์น […]

รื้อทั้งยวง! โผ ครม.อนุทิน 1 เหตุ “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ภท.ต้องเกลี่ยใหม่

กรุงเทพฯ 7 ก.ย. – โผ ครม. “อนุทิน 1” รื้อทั้งยวง หลัง “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ทำภูมิใจไทยต้องเกลี่ยใหม่ “ไชยชนก” ดีอี “ซาบีดา” วัฒนธรรม รอเปิดคนนอก “กลาโหม-ยุติธรรม” แว่วพลตำรวจโท อดีตรองผู้การภาค 3 ติดโผ จับตา “ศักดิ์ดา” ร่วมด้วย​ ด้าน “นิพนธ์” จ่อดันลูกสาวเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโผ ครม.ล่าสุด พรรคภูมิใจไทยจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีส่วนใหญ่ประมาณ 12 ที่นั่ง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นั่งนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล […]

ชัยภูมิน้ำท่วมหนัก หลังฝนตกตลอดคืน

ชัยภูมิ 7 ก.ย.-น้ำท่วมหนักใน 3 อำเภอของจังหวัดชัยภูมิ หลังฝนตกหนักตลอดทั้งคืน สภาพภายในวัดดอนไผ่ ริมถนนชัยภูมิ-นครสวรรค์ อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 ก.ย.) หลังพายุฝนกระหน่ำตลอดทั้งคืน ระดับน้ำท่วมสูง 50 เซนติเมตร พระสงฆ์ต้องอพยพหนีน้ำท่วมไปฉันอาหารอยู่บนที่สูง ขณะนี้ระดับน้ำยังไม่ลดลง นอกจากนี้ ยังเกิดน้ำท่วมใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง ย่านเศรษฐกิจในตัวอำเภอแก้งคร้อ และอำเภอบ้านเขว้า น้ำป่าสีแดงขุ่นไหลเข้าท่วมถนนสาย 225 ชัยภูมิ-นครสวรรค์ รวมถึงร้านค้า บ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะที่วัดกลางโนนแดง และวัดดอนไผ่ สาเหตุมาจากกรมทางหลวงก่อสร้างถนน 4 เลน ตัดผ่านบ้านโนนแดง ต.โนนแดง อ.บ้านเขว้า ทำให้น้ำป่าที่ไหลมาจากเขาภูแลนคา ไม่สามารถไหลไปลงแม่น้ำชีได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศุภจี” เปิดใจครั้งแรก จะทุ่มเททำงานระยะสั้นให้เกิดประโยชน์

พรรคภูมิใจไทย 10 ก.ย.-“ศุภจี” เปิดใจครั้งแรก ขอนำประสบการณ์ที่มีทั้งหมด ทุ่มเททำงานระยะสั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขอบคุณเสียงชื่นชม-ความคาดหวัง เป็นกำลังใจทำงาน รับทำไม่ได้ทุกเรื่อง แต่จะเลือกทำสิ่งที่เกิดผลอย่างดีที่สุด นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเปิดใจถึงความมุ่งมั่นที่เข้ามารับตำแหน่งในครั้งนี้ว่า ตนมีความตั้งใจเหมือนนายกฯ พูดไปแล้วว่า ระยะเวลาสั้นๆ นี้ เป็นระยะเวลาที่มีความท้าทาย และมีความสำคัญมาก ประเทศเราต้องเดินไปข้างหน้า ไม่ว่าจะระยะเวลาสั้นแค่ไหน “ดิฉันในฐานะที่มีโอกาสได้ทำงานมาหลากหลาย รวมถึงงานระหว่างประเทศด้วย ตั้งใจจะนำเอาประสบการณ์ ความสามารถที่มีอยู่ทั้งหมด มาทุ่มเทให้ในระยะเวลาสั้นๆ นี้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งมีธงเดียวกับนายกฯ คือ ทำประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศชาติและพี่น้องประชาชนให้ได้อย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ” นางศุภจี กล่าว เมื่อถามว่า สังคมชื่นชมและคาดหวังผลงานต่อจากนี้ นางศุภจี กล่าวว่า ขอบคุณที่ได้รับการชื่นชม และได้รับการคาดหวัง ถือเป็นกำลังใจที่ดีอย่างยิ่ง และจะยิ่งเป็นกำลังใจที่ทำให้ทุกคนไม่ผิดหวัง ดังนั้นก็จะประสานมือกับทีมงานทุกคนภายใต้นโยบายของนายกฯ และนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ทำเรื่องเศรษฐกิจของประเทศไทยให้กลับมาให้ได้ ภายในระยะเวลาอันสั้น เมื่อถามว่า ถือเป็นการบ้านที่หนักหรือไม่ เพราะเข้ามาในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศเป็นแบบนี้ นางศุภจี กล่าวว่า […]

ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ถอนอาวุธหนัก เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบสแกมเมอร์

กัมพูชา 10 ก.ย.- ไทย-กัมพูชา เดินหน้าคืนสันติภาพชายแดน ผลประชุม GBC สมัยพิเศษ ที่เกาะกง สรุป 5 ประเด็นสำคัญ ตั้งแต่ถอนอาวุธหนัก เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบสแกมเมอร์ ไปจนถึงจัดการพื้นที่พิพาท รมช.กลาโหม ย้ำสองประเทศต้องอยู่ร่วมกันด้วยสันติวิธี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยพิเศษ วันที่ 10 กันยายน 2568 ณ จังหวัดเกาะกง ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการตามผลการประชุม GBC ที่มาเลเซียที่ผ่านมา เพื่อนำสันติภาพและความสงบสุขกลับมาสู่พื้นที่ชายแดนได้อย่างถาวร พร้อมย้ำถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในภาพรวม หลังการหยุดยิงดำเนินมากว่า 1 เดือน ว่ามีความสงบมากขึ้น แม้ยังมีข้อกังวลบางประการที่ต้องแก้ไข เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กลับมาเต็มร้อย โดยผลการประชุมสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้ 1. การถอนอาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูง ออกจากพื้นที่ชายแดนกลับสู่ที่ตั้งปกติ โดยฝ่ายเลขานุการ GBC และ RBC จะหารือกันภายใน 3 […]

พนังกั้นน้ำขาด ทะลักท่วมนาข้าว-ถนนถูกตัดขาด

ร้อยเอ็ด 10 ก.ย. – ผลพวงอุทกภัยจากพายุหนองฟ้า ทำพนังกั้นลำน้ำยัง บ้านทรายมูล ต.ขวาว อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ทรุดตัวและขาด ส่งผลมวลน้ำทะลักท่วมนาข้าวเกือบพันไร่ เส้นทางสัญจรถูกตัดขาด ภาพนาทีน้ำจากตอนบนในพื้นที่ อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ไหลทะลักท่วมพื้นที่ ทำให้พนังกั้นลำน้ำยัง บ้านทรายมูล ต.ขวาว อ.เสลภูมิ ถูกน้ำกัดเซาะจนทรุดและขาดกว้างประมาณ 5 เมตร ยาว 6 เมตร และเอ่อเข้าท่วมนาข้าวของชาวบ้าน 3 ตำบล คือ ต.ขวาว, ต.นางาม และ ต.นางาม ชาวบ้านและผู้นำชุมชนต้องระดมเครื่องจักรกล ถุงบิ๊กแบ็ก เข้าอุดพนังที่ขาด เพราะวิตกว่ามวลน้ำจำนวนมากจะทำให้นาข้าวที่กำลังหว่านปุ๋ยรับรวง จำนวนเกือบ 1,000 ไร่ เสียหาย จนไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด ได้สั่งการให้ ปภ. ประสานนำเครื่องจักรกลหนักเข้าเสริมกั้นน้ำ นำถุงบิ๊กแบ็ก 280 ถุง เข้า จัดวาง […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย