GC ทำสถิติใหม่ 9 เดือน กำไร 36,008 ล้านบาท

กรุงเทพฯ 9 พ.ย.- GC ประกาศผลดำเนินงานไตรมาส 3 กำไรสุทธิ 12,793 ล้านบาท มีรายได้จากการขายรวม 136,712  ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิในรอบ 9 เดือนแรกของปี 2561 จำนวน 36,008 ล้านบาท เป็นการทำกำไรที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 21 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจโดยยึดหลัก Circular Economy ประยุกต์ใช้ทั้งภายในและภายนอกองค์กร พร้อมสร้างความตระหนักรู้ มุ่งหวังไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่าและเป้าหมายสร้างให้ GC เป็นต้นแบบองค์กรแห่งความยั่งยืนอย่างแท้จริง



นายสุพัฒนพงษ์  พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (CEO) GC เปิดเผยว่า ไตรมาส 3/2561 บริษัทฯ มีผลการดำเนินการดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีรายได้จากการขาย 136,712 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 มี Adjusted EBITDA 16,830 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวม 12,793 ล้านบาท (2.84 บาท/หุ้น) ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 และร้อยละ 18 ตามลำดับ และเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 3/2560 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 31 ขณะที่ Adjusted EBITDA และกำไรสุทธิรวม ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 และร้อยละ 29 ตามลำดับ สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวม 36,008 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์


ทั้งนี้ ไตรมาส 3/2561 ธุรกิจโอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องมีผลประกอบการปรับลดลงเล็กน้อย จากไตรมาส 3/2560 โดยในส่วนของธุรกิจโพลิเมอร์มีปริมาณการขายเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มีกำลังการผลิตใหม่จากโรงงาน LLDPE กำลังการผลิต 400,000 ตันต่อปี เริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์เดือนมีนาคม 2561 ขณะที่ธุรกิจผลิตภัณฑ์เอทิลีนออกไซด์ปรับตัวลดลงจากราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น และเมื่อเปรียบเทียบกับผลประกอบการไตรมาส 2/2561 พบว่าผลประกอบการไตรมาสนี้ของธุรกิจโอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องมีการปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยเป็นผลจากระดับราคาผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์ที่ปรับตัวลดลง ประกอบกับปริมาณการขายโอเลฟินส์ที่ลดลง ซึ่งเป็นผลจากการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงงานโอเลฟินส์ 1

สำหรับธุรกิจอะโรเมติกส์มีกำไรเพิ่มขึ้น ทั้งจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วและจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของส่วนต่างผลิตภัณฑ์พาราไซลีนเป็นหลักและปริมาณการขายที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อเนื่องจากการที่มีการหยุดซ่อมบำรุง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตปีที่แล้ว สำหรับธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมปรับตัวลดลงจากไตรมาส 3/2560 เป็นผลจากส่วนต่างของผลิตภัณฑ์ที่ลดลงเป็นหลัก แต่ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า จากส่วนต่างของผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นโดยเฉพาะในส่วนของน้ำมันเตา ทั้งนี้ในส่วนของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากผลประกอบการที่ดีขึ้นของธุรกิจอะคริโลไนไตรล์ (AN) ธุรกิจพีวีซี และผลประกอบการดีขึ้นในส่วนของธุรกิจไบโอพลาสติกที่บริษัทฯ ดำเนินการผ่าน บริษัท Natureworks ซึ่งดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา


สรุปผลการดำเนินงานตามกลุ่มธุรกิจ ดังนี้ โรงกลั่นน้ำมัน มีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 102 โรงอะโรเมติกส์ มีอัตราการใช้กำลังการผลิตสารอะโรเมติกส์ (BTX Utilization)  เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 94 โรงโอเลฟินส์ มีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 98 โรงผลิตเม็ดพลาสติก PE มีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 97 ราคาเม็ดพลาสติก HDPE เฉลี่ยอยู่ที่ 1,350 เหรียญฯ ต่อตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2560 ร้อยละ 19

ด้านความคืบหน้าและโครงการลงทุนต่าง ๆ มีดังนี้ โครงการซื้อหุ้น Revolve Group Limited (RGL) จากประเทศสหราชอาณาจักร ร้อยละ 49 เป็นแผนการขยายการลงทุนต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ มุ่งเน้นการลงทุนไปยังผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติเฉพาะทางและมีสมรรถนะสูง (Performance Chemicals) โดย RGL เป็นผู้ผลิต Rotomolding Compound รายสำคัญที่มีสัดส่วนในการทำธุรกิจลำดับต้น ๆ ของทวีปยุโรป มีฐานการผลิตในประเทศต่าง ๆ ทั้งอังกฤษ โปแลนด์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และมาเลเซีย โครงการนี้วัตถุดิบสำคัญ คือ เม็ดพลาสติก LLDPE ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์ของ GC ซึ่งการเข้าสู่ธุรกิจดังกล่าวเป็นการก้าวเข้าไปสู่กลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง (Construction) ด้วยศักยภาพในการผลิต ถังบรรจุขนาดใหญ่ ถังเก็บน้ำใต้ดิน บนดิน ธุรกิจด้าน Sport สร้างสนามเด็กเล่น เรือคายัค เรือใบ ด้วยคุณสมบัติของเม็ดพลาสติก LLDPE Rotomolding Compound ที่มีความแข็งแรง คงทน ทนแดด ทนฝน เหมาะสมในการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกขนาดใหญ่

นายสุพัฒนพงษ์  กล่าวว่า GC ขับเคลื่อนธุรกิจโดยนำหลัก Circular Economy มาประยุกต์ใช้ทั้งภายในและภายนอกองค์กร พร้อมสร้างความตระหนักรู้ โดยมุ่งหวังไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การสร้างให้ GC เป็นต้นแบบองค์กรแห่งความยั่งยืนอย่างแท้จริง

บริษัทฯ มุ่งมั่นในการประกอบกิจการที่เน้นการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า ควบคู่กับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม นอกเหนือจากนี้ยังประยุกต์ใช้หลักการของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อใช้เป็นพื้นฐานในการดำเนินงานด้านความยั่งยืน การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าในขั้นตอนการผลิต การอุปโภคบริโภค และการกำจัดขยะและของเสียจากผลิตภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม  และมุ่งเน้นในการนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาสร้างดุลยภาพระหว่างเทคโนโลยีกับชีวภาพเพื่อลดการเกิดของเสียและลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่อุปทาน

 บริษัทฯ ขับเคลื่อนธุรกิจโดยนำหลัก Circular Economy มาประยุกต์ใช้ทั้งภายในและภายนอกองค์กร พร้อมสร้างความตระหนักรู้ โดยมุ่งหวังไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การสร้างให้ GC เป็นต้นแบบแนวคิดและการดำเนินชีวิตแบบ GC Circular Living โดยมีแนวทางในการบริหารจัดการ 4 ด้าน ได้แก่ การบริหารทรัพยากร (Resources) ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง การบริหารจัดการกระบวนการผลิต (Production) โดยใช้หลัก 3Rs เพื่อก้าวไปสู่ 5Rs (Reduce, Reuse, Recycle, Renewable และ Refuse) การบริโภคและการนำไปใช้ (Consumption) ให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด และการบริหารจัดการขยะ (Waste Management) อย่างมีประสิทธิภาพ

บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะลดปริมาณการใช้พลาสติกชนิดใช้แล้วทิ้ง (Single Used Plastic) เช่น ถุงช็อปปิ้ง จำนวน 150,000 ตันต่อปี ให้เหลือ 0 ตันต่อปี ภายใน 5 ปี การมุ่งสู่ตลาดไบโอพลาสติก ในการผลิต Packaging รูปแบบต่าง ๆ การ Upcycling ด้วยการนำนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์มาเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งดำเนินธุรกิจพลาสติกรีไซเคิล (Recycled Plastic) โดยอยู่ในระหว่างการศึกษาการลงทุนโรงงานรีไซเคิล พลาสติกครบวงจรมาตรฐานสากลระดับโลก ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม จังหวัดระยอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม การแสวงหาพันธมิตรร่วมลงทุน รวมทั้งการจัดหาวัตถุดิบ (Waste Collection) ที่เหมาะสม คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในต้นปีหน้า.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังข้อเท็จจริง​ปมทุ่นระเบิดช่องบก

กองทัพบก 22 ก.ค.- ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร​ 47 ประเทศ​ รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​-กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ พบ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​วางใหม่​ โดยมีหลายชาติ สนใจรับฟังขณะ​ พลจัตวา​ ฮอม​ คิม ผู้ช่วยทูตทหารดัมพูชา ร่วมด้วย กองบัญชาการ​กองทัพ​บก​ เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย​ รับฟังการชี้แจงสถานการณ์​ชายแดนไทย​-กัมพูชา​ ถึงข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย​ และมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​ ทำให้ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย​ และมีการตรวจสอบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่​ ที่วางในเขตไทย​ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญา​ออตตาวา​ ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคี​ที่ให้สัตยาบัน​​ บรรดาทูต​ทหาร​ ทยอยเดินทางมายังห้อง ศรีสิทธิสงคราม​ ภายในกองทัพบก ตั้งแต่เวลา​ 13.20 น.​ อาทิทูตทหารจากเวียดนาม เมียนมา อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อังกฤษ บูรไน ออสเตเรีย สหรัฐอเมริกา อินโดนิเซีย จีน กัมพูชา เยอรมันนี แคนนาดา […]

พายุวิภากระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านอาหารถล่ม

จันทบุรี 22 ก.ค. – พายุกระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านข้าวมันไก่ถล่ม กระแทกหลังแม่เจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่ภูเก็ตพายุถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต หลังคาร้านข้าวมันไก่ บริเวณตลาดศิริการ อ.เมือง จ.จันทบุรี ถูกพายุพัดร่วงลงมาทั้งแผง ท่ามกลางความตื่นตระหนกของลูกค้าและพนักงานในร้าน เหตุดังกล่าวเกิดช่วงเที่ยงพอดี จึงมีลูกค้ามานั่งกินข้าวเต็มร้าน กระทั่งมีฝนเทลงมา ทางร้านและลูกค้าจึงช่วยกันขนย้ายโต๊ะเก้าอี้เข้าข้างในเพื่อหลบฝน ก่อนพายุจะซัดเข้ามาอย่างรุนแรง จนหลังคาถล่ม เบื้องต้นไม่มีลูกค้าได้รับบาดเจ็บ มีเพียงแม่เจ้าของร้านข้าวมันไก่อีกร้าน ที่อยู่ติดกัน ถูกหลังคากระแทกหลังได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลแล้ว พนักงานร้านข้าวมันไก่ บอกว่า ปกติบริเวณนี้มีฝนตกบ่อย หลังคาแข็งแรงดี ไม่ได้ชำรุดอะไร แต่วันนี้ ลมแรงมาก มาแบบวูบเดียว พัดหลังคาลอยขึ้นก่อนพังลงมา ทั้งนี้ลมพายุได้พัดหลังคาของตึกที่อยู่ในละแวกร้านข้าวมันไก่พังเสียหายจำนวน 15 คูหา เบื้องต้นกำลังทหารและตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบ พร้อมให้การช่วยเหลือ ขนย้ายเศษซากหลังคาเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว พายุโซนร้อนวิภาถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต ที่หน้าหาดเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ หอบข้าวของวิ่งหนีลมพายุ จังหวะนั้นต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกลมพัดโค่นลงมา ในคลิปจะได้ยินเสียงคนพูดว่า “เห็นไหม คน ๆ อยู่ใต้นั้น” หลังเหตุการณ์สงบ […]

รถบรรทุกพุ่งชน จยย.พ่วงข้างรับส่ง นร. ตาย 3 เจ็บ 6

พระนครศรีอยุธยา 22 ก.ค. – สลด รถบรรทุก 6 ล้อ พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 6 คน เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนพระนครศรีอยุธยา พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน โรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ ก่อนตกลงไปในร่องน้ำ บนถนนชนบทเลียบคลองระพีพัฒน์ หมู่ 5 ตำบลวังน้อย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอัดกับรั้วบ้านจนรถพังยับ มีผู้ติดอยู่ในรถ 2 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนออกมา แต่ผู้โดยสารเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนขับบาดเจ็บสาหัส ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง สภาพรถเสียหายยับเยิน คนบนรถ 7 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ 6 คน ผู้ปกครอง 1 คน บาดเจ็บทั้งหมด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังน้อย และมีนักเรียน 2 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ จุดกิตติวังน้อย […]

โฆษก ทบ. เผยนานาชาติเข้าใจไทยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด

กองทัพบก 22 ก.ค.- โฆษก ทบ. เผยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด นานาชาติเข้าใจไทย ขณะผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชานั่งนิ่งไม่โต้แย้ง – ให้กองทัพภาคที่ 2 ประเมินสถานการณ์หลังคนไทยนัดรวมตัวปราสาทตาเมือนธม ปลายเดือนนี้ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการเชิญผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​- กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นการรับฟังและมีคำถามบ้าง ถือว่าน้อย เนื่องจากทุกท่านอาจจะได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่พยายามบอกกล่าวและชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในเรื่องข้อเท็จจริง พลตรีวินธัย เปิดเผยว่า ทูตทหารของกัมพูชา ไม่ได้ชี้แจงหรือมีคำถามอะไร คำถามส่วนใหญ่มาจากท่านอื่นมากกว่า ที่ถามเรื่องของความมั่นใจและยืนยันใช่หรือไม่ ซึ่งทางเรา ก็ให้เหตุผลไป และจะให้เอกสารชี้แจง ส่วนท่าทีของประเทศมหาอำนาจ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการเชิญมาในวันนี้เราก็ทำตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก คือทำให้เป็นทางการ ส่วนการหารือได้ชี้แจงเรื่องของการละเมิด บูรณภาพดินแดน และเอ็มโอยู 2543 และอนุสัญญาออตตาวา ด้วยหรือไม่ พลตรีวินธัย ระบุว่า มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว และได้อธิบายตามหลักอนุสัญญา ที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก และเล่าถึงกลไกการแก้ไขปัญหา […]

ข่าวแนะนำ

น้ำท่วมตัวเมืองน่าน-เขตเศรษฐกิจขยายวงกว้าง

น่าน 23 ก.ค. – ตอนนี้น้ำท่วมตัวเมืองน่าน รวมทั้งเขตเศรษฐกิจ ยังเพิ่มสูงขึ้นและแผ่ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ หลังระดับน้ำท่วมสูงเกิน 9 เมตร และทะลักเข้าท่วม .-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

ตอบโต้เขมร! ปิด 4 ด่าน หลังทหารเหยียบกับระเบิดขาขาดอีก 1 ราย

23 ก.ค.- ศบ.ทก. เห็นชอบให้ทัพภาค 2 ปิดด่านชายแดน-สถานที่ท่องเที่ยว 4 จังหวัดอีสานใต้ ตั้งแต่พรุ่งนี้ (24 ก.ค.) หลังล่าสุดทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดอีกราย จากกระแสข่าวมีทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดบริเวณแนวชายแดนไทยกัมพูชาเมื่อเวลา 16.55 น. นั้น ล่าสุด แหล่งข่าวจากศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงโดยกองทัพภาคที่ 2 ได้ปรึกษามาที่ ศบ.ทก. เพื่อขออนุญาตปิดด่านในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีษะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวตามแนวชายแดน เพื่อเป็นการประท้วงกัมพูชา จากการลักลอบวางทุ่นระเบิดที่เกิดขึ้น ซึ่ง ศบ.ทก. เห็นชอบ ขณะเดียวกันจะส่งหนังสือประท้วงโดยใช้กลไก RBC และรายงานกระทรวงต่างประเทศ เพื่อประท้วงต่อไป ดังนั้นตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) จะปิดด่านชายแดนทั้งหมดในพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานใต้ของไทย หลังจากที่ฝั่งไทยมีการกำหนดเวลาเปิด-ปิด และในส่วนสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง 3 ปราสาท คือ ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาควาย […]

พายุวิภาทำเชียงรายอ่วม-รพ.เทิง งดรับผู้ป่วยชั่วคราว

เชียงราย 23 ก.ค. – พายุวิภาทำ อ.เทิง จ.เชียงราย อ่วม น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร โรงพยาบาลเทิง ประกาศงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไปชั่วคราว รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ด้านนายอำเภอสั่งการเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุวิภา ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรหลายอำเภอใน จ.เชียงราย โดยเฉพาะ อ.เทิง สถานที่ราชการ ได้แก่ สภ.เทิง ศาลจังหวัด และโรงพยาบาลเทิง เกิดน้ำท่วมขัง โรงพยาบาลต้องงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไป รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ขณะที่สถานการณ์โดยทั่วไปยังมีฝนตกหนัก นายอำเภอเทิงลงพื้นที่ สั่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ส่วนถนนพหลโยธิน ต.นางแล อ.เมืองเชียงราย น้ำป่าจากดอยโป่งพระบาทไหล่เอ่อท่วมถนนด้านขาขึ้น การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก ภาพรวมสถานการณ์ จ.เชียงราย เบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนประมาณ 100 ครัวเรือน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย