ป.ป.ช.7 พย..-กลุ่มCHES ยื่นหนังสือป.ป.ช.สนับสนุนประกาศให้นายกสภา-กรรมการสภามหาวิทยาลัยเเจงบัญชีทรัพย์สิน ย้ำต้องปฏิบัติตามกฎหมาย พร้อมให้เพิ่มตรวจสอบคณบดีด้วย ขณะที่บ่ายนี้ทอป.ใหญ่นัดถกกลุ่มมหาวิทยาลัยที่ไม่เห็นด้วยประกาศดังกล่าว
นายวีรชัย พุทธวงศ์ เลขาธิการศูนย์ประสานงานบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ(CHES) ซึ่งมีเครือข่ายเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเเละกรรมการสภาจากมหาวิทยาลัยกว่า 80 แห่งทั่วประเทศ เดินทางยื่นหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันเเละปราบปรามการทุจริตเเห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อสนับสนุนประกาศของป.ป.ช.เรื่องกําหนดตําแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ตามมาตรา 102 พ.ศ.2561 ที่กำหนดให้นายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภา และอธิการบดี ของมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ มหาวิทยาลัยสงฆ์ มหาวิทยาลัยรัฐ มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) แจงหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เพราะถือเป็นการสร้างธรรมาภิบาลในระบบบริหารงานสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ เเละขอให้มีการพิจารณาออกประกาศเพิ่มเติมให้รวมถึงคณบดีด้วย โดยมีนายทวีป แดงวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานกลาง ป.ป.ช.มารับหนังสือ พร้อมจะนำไปยื่นในที่ประชุมป.ป.ช.ซึ่งจะมีการหารือในเรื่องดังกล่าวเร็วๆนี้
นายวีรชัย กล่าวว่า เมื่อมีกฎหมายออกมา บุคคลในกลุ่มดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยหรือกรรมการสภามหาวิทยาลัย ต้องเเสดงความโปร่งใส เนื่องจากเป็นตำเเหน่งที่มีเชิญให้เข้ามาทำหน้าที่ เเละโปรดเกล้าฯ จึงต้องปฏิบัติตามกฎหมาย จะมีการให้มาละเว้นไม่ได้ การอ้างว่า หากลาออกกันไปจำนวนมาก จะทำให้การบริหารงานต้องสะดุดนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรเเม้เหลือกรรมการสภาเพียงครึ่งหนึ่งก็ยังทำงานได้ เเละเชื่อว่าหากกรรมการชุดเดิมลาออกไป การสรรหาคนหน้าใหม่ก็เกิดขึ้นได้ไม่ยาก เนื่องจากส่วนใหญ่ที่ลาออก จะเป็นกรรมการสภาที่มาจากภาคเอกชน โดยยังมีกรรมการสภาอีกหลายท่านพร้อมทำหน้าที่
ขณะที่เรื่องการตรวจสอบทรัพย์สินเป็นสิ่งจำเป็น เพราะเดิมทีการตรวจสอบสภามหาวิทยาลัยเป็นเรื่องทำได้ยาก ซึ่งที่ผ่านมาพบกรณีที่นายกสภามหาวิทยาลัยเเห่งหนึ่ง มีการนำบริษัทของตนเองมาประมูลเพื่อให้ได้งานของมหาวิทยาลัย เป็นผลประโยชน์ทับซ้อน ขณะที่มหาวิทยาลัยเเต่ละเเห่งมีงบเเละรายได้เข้ามาจำนวนมหาศาล บางแห่งสูงถึง 15,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งถือเป็นหลุมดำที่ยังไม่มีการตรวจสอบการใช้งบ เเละวันนี้ตนก็ได้เป็นตัวแทนกลุ่ม CHES ยื่นเรื่องให้ป.ป.ช. ตรวจสอบหลังมีคนร้องเรียนให้ ตรวจสอบนายกสภามหาวิทยาลัยรายหนึ่งในภาคกลาง เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ร่ำรวยผิดปกติ หลังพบข้อมูล ในระยะเวลาไม่กี่ปี มีที่ดิน500ไร่ มีบ้านทรงยุโรปหลังใหญ่ เเละใช้คนขับรถหลวงมาขับรถส่วนตัวด้วย
ขณะที่วานนี้(6พ.ย.) นายวิโรจน์ ลิ้มไขแสง อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ก็ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงป.ป.ช.เช่นกัน เพื่อให้ทบทวนประกาศดังกล่าว เพราะส่งผลกระทบให้กับการบริหารงานในสภามหาวิทยาลัย เนื่องจากขณะนี้มีกรรมการสภามหาวิทยาลัยยื่นความจำนงขอลาออกจำนวนมาก พร้อมชี้เเจงว่าการทำงานของสภามหาวิทยาลัยเกี่ยวกับเรื่องการเเนะนำหรือเสนอนโยบายในการบริหารงานเท่านั้น ไม่ได้มีผลประโยชน์หรือส่วนได้ส่วนเสียกับการใช้เงินเเต่อย่างใด ขณะเดียวกันช่วง 15.30 น.วันนี้ จะมีการหารือของที่ประชุมอธิการบดีเเห่งประเทศไทย เพื่อให้ป.ป.ช.ทบทวนประกาศดังกล่าวที่สกอ..-สำนักข่าวไทย




