ดีเอสไอ 6 พ.ย.- พ่อค้าส้มตำผู้เสียหายในคดีถูกตำรวจกรรโชกทรัพย์ ร้องดีเอสไอตรวจสอบพยานและหลักฐานหลังถูกเสนอเงิน 1 ล้าน เพื่อจบคดี และมีการยุ่งเหยิงพยาน
นายรณณรงค์ แก้วเพชร์ ทนายความ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม นำนายศักดิ์ชัย แน่นอุดร พ่อค้าส้มตำ ซึ่งเป็นผู้เสียหายในคดีถูกตำรวจสังกัด บก.น.1และพวกประมาณ 10 คน ร่วมกันกรรโชกและใช้อำนาจโดยมิชอบ เดินทางมายื่นหนังสือ ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ
นายรณณรงค์ กล่าวว่า แม้คดีนี้จะมีการตั้งข้อหาและให้ออกจากราชการไว้ก่อนกับตำรวจทั้ง 6 นายที่เกี่ยวข้องแล้ว รวมทั้งคดีอยู่ในกระบวนการของ ป.ป.ช. แล้ว แต่เนื่องจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีบุคคลหนึ่ง ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับคู่กรณีซึ่งเป็นตำรวจทั้ง 6 นาย ได้ยื่นข้อเสนอเป็นเงิน 1 ล้านบาท เพื่อให้พยานในคดีเซ็นเอกสารยินยอมจบคดี ซึ่งพยานคนดังกล่าวได้ยืนยันหลักฐานในเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน แต่ไม่สามารถเปิดเผยบุคคลที่มาเสนอเงิน 1 ล้านบาทได้ เนื่องจากจะทราบทันทีว่าเป็นใคร และจะเป็นอันตรายสำหรับครอบครัวของนายศักดิ์ชัยเอง ดังนั้นจึงต้องการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษมาตรวจสอบในเรื่องนี้
นายรณณรงค์ กล่าวต่อว่า ได้เตรียมพยานและหลักฐานสำคัญ ที่ยืนยันว่ามีการเสนอเงิน 1ล้านบาทจริงและมีความพยายามในการยุ่งเหยิงกับพยานมายื่นให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก ซึ่งก็จะทราบข้อมูลที่แท้จริงได้ทันที รวมทั้งถ้าเป็นไปได้จะขอให้ดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบเรื่องวัตถุพยานสำคัญในคดีที่เคยเรียกร้องให้ ป.ป.ช. เรียกไปตรวจสอบตั้งแต่ต้น แต่จนถึงขณะนี้ป.ป.ช. ก็ยังไม่ได้เรียกตัวนายศักดิ์ชัยไปให้ถ้อยคำหรือเรียกตรวจสอบวัตถุพยานสำคัญนั้น ซึ่งถ้าอยู่ในอำนาจของกรมสอบสวนพิเศษก็จะขอให้ช่วยตรวจสอบด้วยเพราะถ้าปล่อยเวลาไปวัตถุพยานอาจจะสูญหายได้
ด้านนายศักดิ์ชัย กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจ สน.พญาไทได้จัดชุดดูแลความปลอดภัยเป็นอย่างดีทั้งที่บ้านและที่ร้านขายส้มตำ ซอยพระราม 6 แต่ก็ยังคงมีความกลัวอยู่ โดยเฉพาะหลังจากมีการเข้ามาเสนอเงิน 1 ล้านบาทให้ จึงอยากให้ดีเอสไอเข้ามาช่วยตรวจสอบในเรื่องนี้ และตนก็เตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งกรณีที่ขาดรายได้จากการเปิดร้านส้มตำช่วง 2-3เดือน หลังเกิดเรื่องตั้งแต่เดือนสิงหาคม แต่จำนวนเงินยังไม่ได้คิดออกมาว่าจะเป็นเท่าไหร่ ในขณะนี้ยืนยันถึงความบริสุทธิ์ของตัวเองว่าไม่ได้ทำความผิดตามที่มีการกล่าวหา ไม่เคยมีคดีไม่เคยมีหมายจับหรือไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และยังคงมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของประเทศโดยบอกว่าถ้ามีการดำเนินการจริงจังก็จะสามารถตรวจสอบและมีความก้าวหน้าทางคดีแน่นอน
ด้าน พ.ต.ต.วรณัณ ศรีล้ำ ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ออกมารับหนังสือและกล่าวว่า เนื่องจากผู้ร้องมีเอกสารประกอบการร้อง ต้องตรวจสอบรายละเอียดก่อน โดยเท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการทางคดีแล้ว และมีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐและส่งเรื่องให้กับ ป.ป.ช.พิจารณาตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา ในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษจะพิจารณา 2 ส่วน ส่วนแรกกรณีสำนวนที่ส่ง ป.ป.ช. แล้วทางกรมสามารถสนับสนุนข้อมูลอะไรได้บ้างและประเด็นที่ยังไม่ได้ส่งให้ป.ป.ช.ทางกรมมีอำนาจในการดำเนินการอย่างไร โดยจะต้องพิจารณาประกอบ พ.ร.บ.คดีพิเศษซึ่งมีการแก้ไขสาระสำคัญเปลี่ยนแปลงไปหลายข้อ.-สำนักข่าวไทย