ทำเนียบฯ 5 พ.ย.-กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นำประชาคมวิจัย เข้าพบนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ ชี้ งบ 2 แสนไทยนิยมลงหมู่บ้าน เป็นการสร้างประชาธิปไตย ยันรัฐบาลมุ่งหวังให้ประชาชนหลุดจากกับดักรายได้ปานกลาง เน้นดำเนินไปตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ จัดสรรงบประมาณ ให้เกิดความคุ้มค่า
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบาย วิทยาศาสตร์และนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) และนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นำประชาคมวิจัยทั้งภาครัฐเอกชนและมหาวิทยาลัย รวม 500 คน เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมนำเสนอและมอบสมุดปกขาว BCG in Action การพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
นายกรัฐมนตรี กล่าวบนเวทีตอนหนึ่งว่า เมื่อช่วงเช้าได้ไปเปิดอุโมงค์ข้ามแยกรัชโยธิน แต่รู้สึกแปลกใจทำไมรถยังติด แล้วไม่ลงอุโมงค์ หรือกลัวเสียเงิน ได้สร้างเสียงหัวเราะให้กับคนที่เข้าฟัง จากนั้นกล่าวอีกว่า ประเทศไทยมีการพัฒนามาโดยตลอด รัฐบาลมุ่งหวังให้เกิดความก้าวหน้า เพื่อให้หลุดจากกับดักรายได้ปานกลาง และดำเนินไปตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ การจัดสรรงบประมาณ มีระเบียบการใช้งบเพื่อเกิดความคุ้มค่าและต่อเนื่อง ที่ต้องทำการศึกษาและก่อสร้างไปพร้อมกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาติดขัด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร ต้องมีการวิจัยพัฒนาเพิ่มขึ้น อยากให้นำปัญหาก้าวไปสู่การกำหนดเป้าหมาย ที่ไม่ใช่เป็นการเทงบประมาณไปให้งานวิจัย เพราะรายได้นั้นมาจากการเก็บภาษีของรัฐบาล ที่ยังเกิดการขาดทุน เนื่องจากรัฐต้องนำไปลงทุนเพื่อให้เกิดการสร้างงาน รัฐบาลจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ต้องเกิดจากการทำความเข้าใจของคนในประเทศ ที่การลงทุนทุกอย่างต้องใช้ความร่วมมือของทั้ง 3 ฝ่ายทั้งรัฐ เอกชน และประชาชน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การสร้างกลุ่มสตาร์ทอัพเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จำเป็น เพื่อการก้าวสู่ SMEs ในอนาคต ทุกอย่างต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง รักไม่รักตนไม่ว่า ต้องมองว่าจะพาประเทศไปอย่างไร อย่าจ้องแต่โจมตี ว่าโครงการไทยนิยม ลงเงิน 2 แสนต่อหมู่บ้าน ไม่เกิดประโยชน์ ขอให้มองว่านำเงินไปทำอะไร ส่วนใหญ่นำไปสร้างถนน นี่คือประชาธิปไตยในหมู่บ้าน ที่รัฐบาลพยายามดำเนินการ
“เรานำงบประมาณลงไปช่วยในสิ่งที่ผมทำได้ ถ้าทุกคนไม่รู้ว่า 4 ปีที่ผ่านมาเกิดอะไร ก็จะวนอยู่ที่เก่า พร้อมกับทุกวันนี้มีทนายออกโทรทัศน์ เช้า กลางวัน เย็น ทุกคนต้องมีสำนึกไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร ไม่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย ต้องมีจิตสำนึกทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากให้ช่วยกันสร้างหลักคิดใหม่ให้ประชาชน เช่นรัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาจราจร แต่ระหว่างก่อสร้างรถติด คนบ่น อยากให้มองถึงอนาคตข้างหน้า ทุกวันนี้การผังเมืองยังคงติดปัญหาอยู่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การปลูกยาสูบได้สั่งนักวิจัย ให้ไปวิจัยจะปลูกสิ่งใดให้กลายมาเป็นยาสูบได้บ้าง และยังกล่าวถึงการออกมาเรียกร้องให้กัญชาถูกกฎหมาย ตนมองว่าเรื่องยาทำได้ แต่เพื่อบรรเทิงเริงรมณ์ไม่ได้ ยาเสพติดนั้นอันตรายไม่เช่นนั้นหากสุ่มตรวจปัสสาวะที่ได้ก็จะม่วงทุกที่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาปาล์มราตาตกต่ำ กลุ่มในประเทศอียูนั้นกำลังจะรณรงค์ยกเลิกใช้ปาล์มน้ำมัน เนื่องจากมีผลกระทบกับสุขภาพ ปีหน้าไทยจะเป็นประธานอาเซียน ต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มประเทศ
โดยในครั้งนี้นักวิจัยจะนำเสนอและมอบสมุดปกขาว BCG in Action โดย BCG Model ถือเป็นรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิที่มุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและความยั่งยืนของฐานทรัพยากรธรรมชาติ ผ่านการนำองค์ความรู้ มาต่อยอดฐานความเข้มแข็งภายในของประเทศ นอกจากนี้โมเดลดังกล่าวยังเป็นการบูรณาการพัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติคือเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งแนวทางจะตอบโจทย์การพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติอย่างน้อย 5 เป้าหมาย ได้แก่การผลิตและบริโภคที่ยั่งยืน การรับมือกับความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การอนุรักษ์ความหลากหลาย ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน อีกทั้งยังสอดรับกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งเป็นหัวใจของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่พล.อ.ประยุทธ์ จะขึ้นกล่าวบนเวที ได้เดินชมนิทรรศการ ของประชาคมวิจัยที่นำเสนอประเด็น BCG โมเดล เพื่อการพัฒนาประเทศ โดยมีการนำเสนอทางด้านเศรษฐกิจ อาหารสุขภาพ การแพทย์ พลังงาน เคมี และวัตถุชีวภาพ ด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจหมุนเวียน และยังเปิดเพลงแร๊พไทยแลนด์ 4.0 ฉบับปรับปรุงเป็นครั้งแรกอีกด้วย .-สำนักข่าวไทย
