สิงคโปร์ 2 พ.ย. – รมว.พลังงานนำคณะผู้บริหาร พพ. ชูแนวทางบริหารจัดการขยะของโรงไฟฟ้าขยะแซมบ์คอร์ปประเทศสิงคโปร์ ต้นแบบการแข่งขันด้านราคาค่าไฟฟ้าที่เหมาะสมในหลักการจัดการขยะที่ยั่งยืน “ผู้ก่อขยะเป็นผู้จ่าย” เดินหน้ารณรงค์คนไทยส่งเสริมนำขยะกำจัดถูกวิธีสู่การผลิตพลังงานเพื่อความมั่นคง
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้นำคณะผู้บริหาร กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน และสื่อมวลชนเข้าศึกษาดูงานภายในโรงงานผลิตไฟฟ้าจากขยะ ของบริษัท แซมบ์คอร์ป จำกัด (Sembcorp) ซึ่งตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมจูล่ง ประเทศสิงคโปร์ เพื่อเป็นแนวทางส่งเสริมการนำขยะมาเป็นเชื้อเพลิงสำหรับประเทศไทยตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก หรือ AEDP 2015 ที่อยู่ภายใต้แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ PDP 2015
ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวมีศักยภาพการผลิตไฟฟ้า – ไอน้ำที่ใช้ขยะด้วยเทคโนโลยีในกระบวนการผลิตที่ทันสมัย ซึ่งสามารถกำจัดขยะได้ 140 ตันต่อชั่วโมง โดยขยะที่นำมาใช้ในกระบวนการเผาต้องเป็นขยะที่คัดแยกแล้ว และต้องนำมาผสมกับเศษไม้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเชื้อเพลิงก่อนเข้าเตาเผา ซึ่งโรงไฟฟ้าขยะดังกล่าว ใช้เทคโนโลยีใกล้เคียงกับประเทศไทย เพียงแต่แตกต่างหลักการและวิธีการจัดหาขยะ โดยในประเทศสิงคโปร์ผู้ผลิตขยะจะต้องเป็นผู้รับชอบค่าใช้จ่ายในการกำจัดขยะ ขณะที่ประเทศไทยโรงกำจัดขยะจะต้องเป็นผู้รับซื้อทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าในไทยจะสูงกว่าในประเทศสิงคโปร์
สำหรับโรงไฟฟ้าขยะที่ประเทศสิงคโปร์ทำหน้าที่เป็นผู้รับจ้างกำจัดขยะ โดยคิดอัตราค่าจ้างประมาณ 90 เหรียญสิงคโปร์ต่อตัน หรือประมาณ 2,250 บาทต่อตัน ขณะที่ประเทศไทยโรงไฟฟ้าจะเป็นผู้จัดหาและรับซื้อขยะ 800 – 1,200 บาทต่อตัน ทำให้ราคาไฟฟ้าในประเทศสูงและไม่สามารถแข่งขันกับราคาค่าไฟฟ้าที่มาจากการผลิตจากก๊าซธรรมชาติได้เช่นเดียวกับที่ประเทศสิงคโปร์ โดยประเทศไทยต้องมีนโยบายการอุดหนุนค่าไฟฟ้า เพื่อผลักดันให้เกิดโรงไฟฟ้าจากขยะ
“โรงไฟฟ้าขยะในประเทศไทยมีเทคโนโลยีและมีระบบมาตรฐานในการผลิตไฟฟ้าขยะและไอน้ำใกล้เคียงกับโรงงานแห่งนี้ แต่สิ่งที่มีความแตกต่างคือมุมมองวิธีคิดเรื่องหลักการทางเศรษฐศาสตร์ในการบริหารจัดการขยะ และโครงสร้างทางธุรกิจการผลิตไฟฟ้าจากขยะ ซึ่งตามหลักสากลทั่วโลกดำเนินการคือผู้ผลิตขยะจะต้องเป็นผู้จ่ายค่าบำบัด ขณะที่ประเทศไทยการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าที่อยู่ในฐานะผู้กำจัดขยะกลับต้องเป็นผู้ซื้อขยะ จึงทำให้ต้นทุนของขยะที่ใช้ผลิตสูงส่งผลต่อราคาต้นทุนค่าไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เพราะคนไทยมองว่าขยะมีมูลค่ามากกว่าที่จะลดปริมาณขยะและผลิตไฟฟ้าได้อย่างยั่งยืน” นายศิริ กล่าว
ดังนั้น ปัญหาขยะที่เกิดขึ้นจำนวนมากในประเทศไทยจะต้องมีการปรับมุมมองและทัศนคติในเรื่องหน้าที่ความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการกำจัดขยะอย่างถูกวิธี ซึ่งเป็นการรณรงค์ให้คนไทยลดการผลิตขยะมากกว่าการส่งเสริมให้เกิดขยะ ซึ่งเรื่องนี้หน่วยงานต่าง ๆ จะต้องดำเนินการอย่างจริงจังและต้องทำอย่างต่อเนื่อง . – สำนักข่าวไทย