สมคิดบอกนายกฯคนต่อไปหน้าคล้ายคนเดิม

กรุงเทพฯ 31 ต.ค.- “สมคิด” เชิญชวนนักธุรกิจต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย พร้อมย้ำ 5 โครงการหลักของอีอีซี อนุมัติก่อนเลือกตั้งแน่ สังหรณ์ใจว่า นายกรัฐมนตรีคนใหม่หน้าตาจะคล้ายคนเดิม


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา Forbes Global  CEO Conference ครั้งที่ 18 โดยชักชวนผู้บริหารระดับสูงของธุรกิจต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยให้เหตุผลว่า  แม้ประเทศไทยจะเผชิญความท้าทายด้านต่าง ๆ อย่างมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จนเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในที่สุด แต่ทุกวิกฤตการณ์ มีโอกาสอยู่เสมอ รัฐบาลได้ใช้เวลาเพียง 3-4 ปีที่ผ่านมา นำความสงบ สร้างเสถียรภาพทางการเมืองให้กลับคืนมา พร้อมกับหยุดการถดถอยทางเศรษฐกิจ พร้อมกันนี้ยัง วางรากฐานสำคัญที่จะสร้างศักยภาพความเข้มแข็งในอนาคตให้กับประเทศ ซึ่งแม้ทำไม่ได้ทั้งหมด ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่เป็นการเริ่มต้นที่มุ่งมั่นและจริงจัง และเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่มุ่งการปฏิรูปประเทศเช่นนี้  

นายสมคิด ยังกล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยว่า ตนจะไม่ระบุว่า เศรษฐกิจไทยฟื้นแล้วหรือไม่ เพราะขึ้นอยู่กับว่า แต่ละคนคิดอย่างไร แต่บอกเพียงว่า 3 ปีที่ผ่านมา จากการเป็นประเทศผู้ป่วยแห่งอาเซียน ขณะนี้เศรษฐกิจไทยจากโตต่ำกว่าร้อยละ 1  เศรษฐกิจโตกระโดดขึ้นโตร้อยละ 4.8  แต่ไทยเป็นประเทศเดียวที่ได้รับการปรับจีดีพีให้สูงขึ้นจากกองทุนการระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)และจากธนาคารพัฒนาเอเชีย(เอดีบี) ไทยมีหนี้ต่างประเทศในสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 40 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) มีทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศสูงถึง 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดุลบัญชีบัญชีเดินสะพัด ดุลชำระเงินเข้มแข็ง การปรับระดับต่าง ๆ ของไทยดีขึ้น นี่คือสิ่งที่รัฐบาลได้ทำมา


นายสมคิด กล่าวว่า ประเทศไทย จะมีการเลือกตั้งต้นปีหน้า นักลงทุนจำนวนมากสอบถามว่า โครงการต่าง ๆ จะสะดุดลงหรือต้องหยุดลงหรือไม่ จึงได้ตอบไปว่า โครงการลงทุนหลักสำคัญๆ ทีโออาร์ จะออกมาก่อนการเลือกตั้งแน่นอนโดยกฎหมายโครงการเหล่านี้ จะต้องเดินหน้าอยู่แล้ว ประเทศไทยมีคณะกรรมการปฎิรูปประเทศ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ประเทศ โดยรัฐธรรมนูญไทยการจะไม่ทำตามไม่ใช่เรื่องทำได้ง่ายๆ 

“ผมมีลางสังหรณ์ว่า นายกฯ คนต่อไปอาจจะหน้าตาคล้ายๆ คนเดิม แต่ที่สำคัญคือ สิ่งที่รัฐบาลทำมา คนย่อมเห็นและเรารู้เมืองไทยไปได้ดีกว่านี้ ขอให้ร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านพัฒนา อาเซียน CLMVT จะเป็นบิ๊กชอร์ตแห่งอนาคต ไม่ต้องกังวลกับจีดีพีที่ขึ้น ๆ ลงๆ ในระยะสั้น มองระยะยาว วันนี้ จึงมาพูดสร้างความมั่นใจว่า อาเซียนมีอนาคต สามัคคีกันเป็นมิตรกับทุกฝ่ายแล้วเราจะไปได้ดี” นายสมคิดกล่าว

นายสมคิด ยังระบุถึงตลาดหุ้นไทยว่า  ตลาดหุ้นของไทย ในขณะที่โลกปั่นป่วนเต็มไปด้วยความวิตกกังวล จากสงครามการค้า และปัญหาเศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่ แต่ตลาดทุนไทยถือเป็น  Save Haven ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในขณะนี้ แม้ตลาดหุ้นจะมีขึ้นมีลง แต่โดยปัจจัยพื้นฐานแล้วตนเชื่อว่า ในภูมิภาคนี้ตลาดหุ้นไทยไม่ได้ด้อยไปกว่าตลาดหุ้นประเทศใดๆ  แม้ตลาดทุนไทยมีขนาดเล็กกว่าของสิงคโปร์ แต่มีขนาดที่ใกล้เคียงกัน บริษัทจดทะเบียนของไทยมีคุณภาพสูงเพราะผ่านวิกฤติต้มยำกุ้งในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา โดยเอกชนไทยได้รับบทเรียนและสร้างความเข้มแข็งมาแล้ว ดังนั้นวิกฤตการณ์เศรษฐกิจในปี ค.ศ.2008 เศรษฐกิจไทยจึงไม่ได้รับผลกระทบ จึงเป็นปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแรงมากของตลาดทุนไทย ที่สำคัญประเทศไทยตั้งอยู่กลางของกัมพูชา ลาว เมียนมาร์และเวียดนาม  นักธุรกิจจึงสามารถเข้าไปทำธุรกิจและไปลงทุนตลาดเหล่านี้ได้


สิ่งสำคัญหลายคนยังกังวลว่า เศรษฐกิจโลกข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ซึ่งตนมองว่า เศรฐษกิจโลกในวันข้างหน้าจะไม่ดีนัก เศรษฐกิจโลกหดตัวแน่นอน จึงจะมีความผันผวนทางการเงินมาก สิ่งสำคัญคือ  ต้องไม่ประมาท ดังนั้นจึงได้กำชับให้ทุกกระทรวงไม่ประมาท เตรียมพร้อมไว้ เตรียมพร้อมดูแล กระทรวงพาณิชย์ให้ดูตลาดใหม่ๆ เช่น จีนหากเจาะตลาดระดับมลฑลได้ยังโอกาสยังมีหาศาล

ด้านอื่นๆ คือ การใช้จ่ายของรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงที่รัฐบาลลงทุนมาก หากเดินหน้าต่อไปจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญในปีหน้า ด้านการท่องเที่ยวแม้ตกไปบ้างในช่วงนี้ แต่เชื่อว่า นักท่องเที่ยวจะกลับมาเที่ยวอีก และเชื่อว่าในอนาคตข้างหน้า ตลาดท่องเที่ยวไทยจะยิ่งใหญ่ และหากยังทำหน้าที่ต่อจะพัฒนาการท่องเที่ยวของไทยต่อไป แม้มีความเสี่ยงปีนี้ แต่จะรักษาแรงส่งของการเติบโตทางเศรษฐกิจเอาไว้ ปีหน้าก็จะไปได้ดี ซึ่งบอกไม่ได้ แต่จะทำให้ดีที่สุด 

นายสมคิด กล่าวว่า  ในทุกวิกฤตมีโอกาส แม้เศรษฐกิจไม่ดี แต่ประเทศไทยมีประตูโอกาสอยู่หน้าบ้าน เพราะขณะนี้ อาเซียนเป็นตลาด ซัพพลายเชน แรงงาน โดยที่ประเทศไทยอยู่ตรงกลางของกลุ่มประเทศอาเซี่ยน  CLMVT ที่มีขนาดตลาดรวมกันมากถึง 250 ล้านคน มีการลงทุนเชื่อมต่อระหว่างกัน ซึ่งนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงในไทยขณะนี้ เข้ามาเพื่อตั้งสำนักงานใหญ่เข้าสู่ clmvt  ตะวันออกกลาง และเข้าสู่ตลาดเอเซียใต้ และไม่มีประเทศไหนที่อยู่ในจุดที่ดีเท่ากับประเทศไทย

และในช่วง 1-2 ปี ที่เกิดนโยบายต่างประเทศอเมริกามาก่อน (America first policy) ทำให้มีกิจกรรมในภูมิภาคนี้ ที่จะพยายามให้ก่อการค้าเสรีขึ้นทดแทน เช่น  การเปิดเสรีการค้าสินค้าภายในกรอบอาร์เซป อาเซี่ยนบวก 6 ประชากรครึ่งโลก ประเทศไทยมีที่ตั้งตรงกลาง  ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ซีพีทีพีพี) เหลือเพียง 11 ชาติ ซึ่งประเทศไทยต้องการเป็นสมาชิก อินเดียญี่ปุ่น อเมริกาพยายามโปรโมท ภูมิภาคอินโดจีน และการสร้างทางรถไฟ เชื่อมจากจีนลงมาไทยอยู่ตรงกลาง ประเทศไทยที่แข็งแรงที่พัฒนา จะไม่เป็นจุดสนใจได้อย่างไร 

ที่สำคัญกว่านั้น จีนกำลังพัฒนา โครงการเส้นทางสายเศรษฐกิจ” หรือ“วันเบลต์ วันโรด” เส้นทางลงมาจากทางใต้ของจีนเส้นทางในส่วนของลาวไปได้ดีมาก ส่วนของไทยเริ่มก่อสร้างแล้ว ในอนาคตจะเชื่อมต่อ และแม้เส้นทางจบลงที่ประเทศไทยแต่ประโยชน์ได้เกิดแล้ว เพราะทุกคนลงจากจีนมาได้ การพัฒนาย่อมเกิดขึ้น  ประเทศไทยกำลังพัฒนาท่าเรือที่จังหวัดระนอง รถไฟรางคู่ตัดจากชุมพรสู่ระนอง เชื่อมระหว่างอ่าวไทยกับทะเลอันดามัน เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญมากกับไทย และความสัมพันธ์ไทยกับจีนยาวนาน และไทยเป็นประเทศแรกที่มีความสัมพันธ์ระดับสูงกับประเทศจีน วางยุทธศาสตร์ในการช่วยเหลือกันและกัน  

ดังนั้นตนจะเดินทางไปจีนต่ออีก 5 วัน แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ข้อตกการค้าเสรีไทยจีน แต่จะความร่วมมือเป็นพันธมิตรร่วมกัน และไม่เพียงจีน ประเทศไทยยังร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นด้วย โดยที่ผ่านมานักลงทุนญี่ปุ่น เข้ามาลงทุน 7,000-8,000 บริษัท ลงทุนในไทยที่อีสเทินร์ซีบอรด์ และมีความสำคัญลึกซึ้งมากระดับระดับสูงของเจ้าหน้าที่รัฐบาล ประเทศไทยจึงสามารถคิดได้ว่า จะบริหารอย่างไรเมื่อไทยเป็นสมาชิกความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี – เจ้าพระยา – แม่โขง ACMECS และขณะนี้เป็นครั้งแรกที่ได้มีการสร้างแผนแม่บทขึ้นมาได้ ทำให้ในอนาคตจีน ญี่ปุ่นไม่ต้องแข่งขันกัน ล่าสุดการประชุมที่ที่ปักกิ่งจีนและญี่ปุ่น จะยุติการแข่งขันที่ไม่สร้างสรรค์ แต่จะนำจุดแข็งมาลงทุนประเทศที่ 3 ซึ่งประ เทศที่ 3 มีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย และยังแสดงความสนใจเข้ามาลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและสมาร์ทซิตี้ในอีอีซี ของไทยด้วย

นายสมคิด ระบุว่า ล่าสุด สัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับรายงานจากสำนักงาคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ระบุว่า  สงครามการค้า ส่งผลให้นักลงทุนจีนเข้ามายื่นโครงการเพื่อขอรับส่งเสริมการลงทุนมากขึ้น โดยเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(FDI) โดยครึ่งปีแรกปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 40-50 เพราะหลายคนมองประเทศไทยเป็นทางออก ดังนั้นโอกาสจึงอยู่ที่ไทย และอยู่ที่ประเทศไทยจะปรับตัวเองได้หรือไม่ ซึ่งอนาคตมีหลายอย่างเป็นดิจิตอล รัฐบาลนี้พยายามผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงแต่ไม่ใช่เรื่องง่าย 

นายสมคิด กล่าวถึงความเหลื่อมล้ำว่า ยังมีอยู่มาก ซึ่งเรื่องนี้ เกิดขึ้น จากผลพวงการเมืองที่ไม่สามารถลงไปแก้ไขในระดับรากหญ้า มานานนับสิบ ๆ ปี  ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า  30,000 บาทต่อปีถึง 4 ล้านคน หากรวมกลุ่มที่มีรายได้ต่ำก่วา 100,000 บาทต่อปี มีจำนวนรวมประมาณ 11 ล้านคน และมีประชากร 20 ล้านคนขึ้นไปอยู่ในภาคการเกษตรซึ่งกลุ่มนี้ไม่ใช้เทคโนโลยี ไม่สร้างมูลค่าเพิ่ม หากไม่แก้ไข ประเทศจะหมดความเหลื่อมล้ำได้อย่างไร ไม่ใช่ความผิดรัฐบาลนี้ แต่ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาที่ไม่ทุ่มเทกับสิ่งเหล่านี้  การเมืองเน้นเพียงการประกาศราคาสินค้า ฉะนั้นจึงเป็นปัญหาสั่งสมที่ต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ ซึ่งทุกประเทศมีปัญหาเหล่านี้  ไม่ใช่ไทยเท่านั้น จีน อเมริกา ก็มี ดังนั้นขึ้นกับความจริงจังของรัฐบาล

ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลนี้ต้องการคือ การปรับเปลี่ยนประเทศไทยใหม่ ดังนี้ เรื่องแรก การไม่มีเศรษฐกิจที่สมดุล เพิ่งพิงแต่การส่งออกเท่านั้น เมื่อเศรษฐกิจโลกถดถอยส่งออกลดลง ในเดือนที่ผ่านมาส่งออกไทยลดลงร้อยละ 5  จึงต้องหันมาให้ความสำคัญเศรษฐกิจฐานราก เปลี่ยนภาคเกษตร โดยหันมาเพิ่มมูลค่า เปลี่ยนการปลูกเชิงเดี่ยวเป็นปลูกแบบหลากหลาย มีผลิตภาพ มีการค้าออนไลน์ สิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดในไทย จึงไม่ของง่าย  แต่พยายามดำเนินการโดยมีหุ้นส่วนที่ดีช่วยเหลือทั้งจีน ญี่ปุ่นและสหรัฐ 

ประเทศ ไทยปัจจุบัน ไม่ใช่โปรดักชั่นเซ็นเตอร์ แต่ภาคบริการเป็นตัวนำ เพราะมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 60 ของจีดีพีเป็นภาคบริการ ทัวร์ การเงินธนาคาร และอื่น ๆ  จึงเป็นโอกาสที่ประเทศอื่น ๆ ไม่ค่อยจะมี โดยเฉพาะการท่องเที่ยวจะต้องได้รับการพัฒนา หากสามารถจนพานักท่องเที่ยวจากเมืองหลักออกไปเมืองรองออกสู่ภูมิภาค เช่น จากเชียงใหม่ ไปเชียงราย สู่พะเยา แพร่น่าน ต่อไปเรื่องนี้รัฐบาลนี้มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยจัดงบประมาณแบบกลุ่มจังหวัดในการพัฒนา 

เรื่องที่ 2 ด้านการส่งออกต้องการสร้างมูลค่าเพิ่ม อุตสาหกรรมรถยนต์ต้องการรถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้นและ เพื่อให้เกิดโครงการเหล่านี้ จึงออกโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี  และกำลังลงทุนสร้างเคเบิ้ลใต้น้ำกับจีนไปที่ฮ่องกงเพื่อให้ไทยเป็นอินเตอร์เนชั่นแนลเก็ตเวย์ได้

สำหรับภาคใต้ที่หลายสิบปีไม่เจริญ คนเที่ยวกระบี่ มีสินค้าปลา และยางพารา  ราคาถูก เมื่อราคาโลกดีซื้อรถกระบะเพิ่ม แต่ราคาตกได้รับผลกระทบ รัฐบาลมองว่า ท่องเที่ยวเป็นหัวใจจึงเดินหน้าสร้างรถไฟรางคู่และถนนเลียบชายฝั่งโดยมีหาดทรายตั้งแต่จังหวัดเพชรบุรีลงไป ทำให้นักท่องเที่ยวไปท่องเที่ยวและเกิดการบริโภค ยังมีผลไม้ไม่ต้องรออานิสสงส์จากราคายางและผลไม้เท่านั้น

และเรื่องโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ไม่มีการลงทุนมากว่า 10 ปี การลงทุนครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลทำโครงการ โครงการที่รัฐบาลให้ดำเนินการแล้วได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่จังหวัดเชียงราย เมื่อวานนี้(30 ต.ค.) เห็นชอบเพิ่มอีก  4 โครงการลงทุนในพื้นที่อีอีซี ได้แก่ โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา  โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง  ระยะที่ 3 และโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด  ระยะที่ 3 นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ  3-4 เส้น และยังจะมีการลงทุนที่จังหวัด เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต ด้วย 

และรัฐบาลยังมีการพัฒนาด้านดิจิทัล โดย2 ปีที่ผ่านมา มีการลงทุนสร้างโครงข่ายอินเตอร์เน็ตหมู่บ้าน ใช้ประโยชน์ด้านการสาธารณสุข และการศึกษา โดยมีเอกชนพัฒนาแอพพลิเคชั่นช่วย ไทยยังมีจีน ญี่ปุ่น เข้ามาช่วยพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิตอล โดยญี่ปุ่นร่วมกับกระรวงอุตสาหกรรมตั้งศูนย์ ITC และกำลังประสานงานกับทางฮ่องกงเพื่อสร้างไซเบอร์พอร์ตที่อีอีซี เพื่อสร้างเอสเอ็มอีและฮ่องกงยังจะร่วมกันสร้างอีทีโอ สำนักงานการค้าแห่งใหม่ในไทยเปิดต้นปีหน้า  และจะมีการสร้างไทยแลนด์ไซเบอร์พอร์ต เป็นความร่วมมือเอกชนไทยและเอกชนต่างประเทศช่วยพัฒนาสตาร์ทอัพ  – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมาก

กทม. 19 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก คลื่นลมทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 5 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย คลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 19-24 กรกฎาคม 2568) ประเทศไทยจะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน ประเทศลาวตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มจังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักถึงหนักมากมีดังนี้ วันที่ 19 กรกฎาคม 2568ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานีภาคกลาง: จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และสระบุรีภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราดภาคใต้: จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี […]

รวบแล้ว “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สืบนครบาลจับ “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง พร้อมสมุน หลังหนีซุกบ้านเช่าย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เร่งล่าอีก 1 ยังหลบหนี กรณีคนร้าย 7 คน แก๊งเสือปุ่น ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท จากผู้มาซื้อคริปโตฯ เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.) และตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี […]

เดินหน้าเอาผิดหญิงกัมพูชาชี้หน้าด่าไล่ทหารไทย

18 ก.ค. – ปกติคดีทำร้ายร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่คดีใหญ่ แต่เมื่อเป็นคู่กรณีไทย-กัมพูชา ในสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน จึงกลายเป็นคดีระดับประเทศที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างรัดกุม ทั้งคดีอดีตทหารพรานทำร้ายร่างกายทหารกัมพูชา และคดีหญิงกัมพูชา ชี้หน้าด่าไล่ทหารไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์.-สำนักข่าวไทย

ไทยเตรียมประท้วง UN หากทุ่นระเบิดเป็นของใหม่

18 ก.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่นรอผลตรวจสอบกับระเบิดทำทหารไทยขาขาด หากเป็นของใหม่ จะเสนอประท้วงไปยังยูเอ็น ขอให้มีมาตรการคว่ำบาตรกัมพูชา ทำผิดอนุสัญญาออตตาวา กรณีทหารเหยียบกับระเบิด บนเนินช่องบก จ.อุบลราชธานี คาดว่าไม่เกิน 2 วัน จะชัดเจนว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่หรือของเก่า แต่มีคำยืนยันว่าไทยไม่เพิกเฉยเรื่องนี้แน่นอน พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 บอกว่า หากผลพิสูจน์ชัดเจนว่า ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ จะใช้กลไกกองทัพบกประสานต่อกระทรวงต่างประเทศ ให้ยื่นประท้วงกัมพูชาต่อองค์การสหประชาชาติ เพื่อดำเนินการคว่ำบาตรกัมพูชา ตามสนธิสัญญาออตตาวา ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งไทยและกัมพูชาก็เป็นสมาชิกที่มีเกือบ 200 ประเทศทั่วโลก ส่วนมาตรการตอบโต้อย่างอื่น ยังบอกไม่ได้ สำหรับบริเวณช่องบก จุดเกิดเหตุระเบิดจนทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 3 นาย จุดนั้น เป็นพื้นที่สู้รบเก่าที่สามารถพบทุ่นระเบิดเก่าได้ ซึ่งวันนี้ ทางชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดแห่งชาติ ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านกับระเบิดซึ่งทั่วโลกยอมรับ ได้ลงพื้นที่พิสูจน์ มีแนวโน้มเป็นไปได้ทั้งนำมาวางไว้ก่อน หรือหลังเหตุปะทะที่ช่องบก เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนในพื้นที่ ได้กำชับกำลังพลทุกนายให้เฝ้าระวังมากยิ่งขึ้น แม่ทัพภาคที่ 2 ยังพูดถึงประเด็นดราม่า […]