วิภาวดีรังสิต31 ต.ค.-รองนายกฯ ‘ประจิน’ เผยคืบหน้าปลคล็อคกัญชา ยธ.ส่งข้อมูลให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว คาดเริ่มใช้มาตรการระยะสั้นภายในเดือนธันวาคมนี้
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการปลดล็อคให้สามารถนำกัญชามาใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และการศึกษาวิจัยว่า ขณะนี้นายกรัฐมนตรีอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อมูลและงานวิจัยที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)เเละกระทรวงสาธารณสุขได้ทำเอกสารร่วมกัน ซึ่งได้รวบรวมเเนวคิดของเเต่ละประเทศ ระบุข้อดีข้อเสีย การวิจัยในประเทศ รวมถึงดูกรอบความร่วมมือขององค์การสหประชาชน อาเซียนเเละกลุ่มเเม่น้ำโขงว่ามีอะไรบ้าง กำหนดหลักเกณฑ์ไว้อย่างไร
ขณะเดียวกันมองสิ่งที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งเคยใช้ได้ในอดีต จะฟื้นฟูอย่างไร เเต่มาตรการสำคัญคือการควบคุมที่จะเลือกสายพันธุ์ การปลูก การสกัดผสมสูตรต่างๆ ที่ต้องผ่านมาตรฐาน อย.เเละลดความเสี่ยงที่จะเกิดเป็นผลข้างเคียงไป โดยขณะนี้รอการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ซึ่งหวังว่ามาตรการระยะสั้นจะออกมาภายในเดือนธันวาคมนี้ ขณะที่มาตรการระยะกลางต่อเชื่อมถึงกฎหมายก็จะออกตามมา
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวด้วยว่า ในข้อมูลที่ได้ส่งให้นายกรัฐมนตรีพิจารณานั้น มีการเสนอในด้านการบริหารที่จะมีคณะกรรมการองค์ความรู้ด้านการวิจัย เเละคณะกรรมการเรื่องกฎหมายเเละการประสานงานต่างประเทศ โดยคณะทำงาน 2 ชุดนี้จะทำงานร่วมกัน ขณะที่ด้านข้อกฎหมาย มาตราที่มีความจำเป็นต้องเอามาใช้ก่อนก็จะเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นการเเก้ไขกฎกระทรวงสาธารณสุข ระเบียบ สธ. ออกพระราชกำหนดหรือพระราชกฤษฎีกาเพิ่มเติมเฉพาะจุดที่สำคัญ ซึ่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก็ดำเนินการควบคู่กัน
ด้านนายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส.กล่าวว่า มองการศึกษาเรื่องกัญชาใน 2 มิติ ผลการศึกษาบอกว่ามีประโยชน์ทางการเเพทย์อย่างไรบ้าง ขณะเดียวกันมีการพูดถึงผลกระทบทางลบที่เกิดขึ้น เช่นที่สหรัฐอเมริกามีการใช้เพิ่มมากขึ้น มีผลเสียผู้ป่วยเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีกัญชาจากตลาดมืดเเทรกเข้ามารวมกับกัญชาที่ถูกกฎหมาย ขณะที่มีสารเคมี ยาฆ่าเเมลงเจือปน จนทำให้มีคนป่วยมากขึ้น มีผู้หญิงใช้กัญชามากขึ้น มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเยอะขึ้น
อย่างไรก็ตามเห็นด้วยกับการใช้ในเรื่องการศึกษาวิจัยเเละประโยชน์ทางการแพทย์ ขณะนี้การกำหนดพื้นที่การปลูก การดูสายพันธุ์ การควบคุมการปลูกหรือหลักเกณฑ์ต่างๆอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการ ที่กระทรวงสาธารณสุขตั้งขึ้นอย่างเข้มงวดเเละรัดกุมมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย