ประกาศเขตควบคุมศัตรูพืชป้องกันโรคใบด่าง

กรุงเทพฯ 25 ต.ค. – กระทรวงเกษตรฯ ประกาศเขตควบคุมศัตรูพืช ป้องกันการแพร่ระบาดโรคใบด่างมันสำปะหลัง ตั้งวอร์รูมเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ยังไม่พบโรคในจังหวัดเสี่ยงตามแนวชายแดน


นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานประชุมร่วมกับกรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ และสมาคมมันสำปะหลัง 4 แห่ง เพื่อกำหนดมาตรการเฝ้าระวังโรคใบด่างมันสำปะหลัง ซึ่งกำลังระบาดอย่างรุนแรงในประเทศเพื่อนบ้าน ว่า ได้สั่งการให้กรมวิชาการเกษตรและกรมส่งเสริมการเกษตรส่งเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครเกษตรสำรวจพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังทั่วประเทศรวมกว่า 3.1 ล้านไร่ ซึ่งดำเนินการสำรวจไปแล้ว 1.87 ล้านไร่ พบต้นที่มีอาการใบด่างคล้ายโรคใบด่างมันสำปะหลังที่เกิดจากเชื้อไวรัส Sri Lankan cassava mosaic virus (SLCMV)  22 ต้นในพื้นที่ 906 ไร่ ซึ่งได้ถอนทำลายต้นที่แสดงอาการใบด่างเรียบร้อยแล้ว และเข้าไปติดตามการระบาดทุก 2 สัปดาห์ ยกเว้นพื้นที่หมู่ 3 และหมู่ 6 ตำบลกรอกสมบูรณ์  อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี  

ทั้งนี้ จากการสำรวจพบการระบาดกระจายเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ 850 ไร่ จึงจำเป็นต้องออกประกาศกรมวิชาการเกษตรกำหนดเขตควบคุมศัตรูพืช พ.ศ.2561 เพื่อห้ามไม่ให้บุคคลใดนำพืช ศัตรูพืช หรือพาหะออกไปนอกหรือนำเข้ามาในเขตควบคุมศัตรูพืชพื้นที่ทั้ง 2 หมู่บ้านตามประกาศเป็นแหล่งผลิตพันธุ์มันสำปะหลังที่สำคัญแหล่งหนึ่ง ซึ่งสามารถกระจายพันธุ์ไปปลูกต่อในพื้นที่ได้ถึง 50,000 ไร่ หากมีการขนย้ายไปปลูกในแหล่งอื่นอาจทำให้โรคแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง


นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า โรคใบด่างมันสำปะหลังมีสาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส SLCMV สามารถทำลายมันสำปะหลังได้ทุกระยะการเจริญเติบโต มีแมลงหวี่ขาวเป็นพาหะ หากพบต้นมันที่เป็นโรคต้องทำลายทิ้ง ไม่เช่นนั้นจะทำให้ผลผลิตผลผลิตเสียหายเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ปี 2558-2561 โรคใบด่างมันสำปะหลังระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน กรมวิชาการเกษตรได้เฝ้าระวังโรคไม่ให้เข้ามาในประเทศไทย โดยเข้มงวดการนำเข้ามันสำปะหลัง จัดทำมาตรการด้านวิชาการ ด้านกฎหมาย และแผนปฏิบัติการฉุกเฉินในกรณีเกิดการแพร่ระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลังขึ้นในประเทศไทย พร้อมทั้งสร้างการรับรู้โดยประชุมชี้แจงกับผู้เกี่ยวข้องและดำเนินการสำรวจและเฝ้าระวังโรคใบด่างมันสำปะหลังในพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังทั่วประเทศ 50 จังหวัดอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงจังหวัดที่อยู่บริเวณชายแดน

ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สั่งการให้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการ (วอร์รูม) เฝ้าระวังการแพร่ของโรคจากประเทศเพื่อนบ้านมายังไทยอย่างเข้มงวด ให้หน่วยงานในพื้นที่สำรวจพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังทั่วประเทศ โดยแบ่งพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังออกเป็น 3 ระดับ คือ พื้นที่เสี่ยงมาก ได้แก่ พื้นที่ติดชายแดนในภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างรวม 6 จังหวัด และแหล่งจำหน่ายพันธุ์ พื้นที่เสี่ยงปานกลาง ได้แก่ พื้นที่ติดชายแดนในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนรวม 11 จังหวัด และ พื้นที่เสี่ยงน้อย ได้แก่ พื้นที่ปลูกมันสำปะหลังทั่วไป  31 จังหวัด โดยดำเนินการให้เสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนพื้นที่ทั่วไปเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน รวมทั้งประสานผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศพื้นที่แพร่ระบาดกรณีต้องทำลายมันสำปะหลังเป็นเขตภัยพิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2556 เพื่อจะได้สนับสนุนเงินชดเชยให้แก่เกษตรกรไร่ละ 1,148 บาท ไม่เกิน 30 ไร่

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอความร่วมมือเกษตรกรไม่ให้นำเข้าท่อนพันธุ์จากประเทศเพื่อนบ้านมาปลูก ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรคเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. กักพืช พ.ศ. 2507 และย้ำว่าท่อนพันธุ์มันสำปะหลังในไทยมีเพียงพอ นอกจากนี้ ทางสมาคมมันสำปะหลังยังเตรียมไว้ 3.9 ล้านท่อน เพื่อใช้ปลูกในฤดูกาลเพาะปลูกมันสำปะหลังใหม่ในเดือนมกราคม อีกทั้งกรมส่งเสริมการเกษตรจะชี้แหล่งท่อนพันธุ์สะอาดปราศจากโรคให้เกษตรกรไปซื้อได้ ปัจจุบันราคาท่อนละ 50 สตางค์และได้เตรียมท่อนพันธุ์จากศูนย์วิจัยของกรมไว้ส่วนหนึ่งเพื่อสนับสนุน โดยระยะเวลาปลูกมันสำปะหลังจนถึงเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 9 เดือน 


ทั้งนี้ ยืนยันว่าอาการผิดปกติของต้นมันสำปะหลังที่พบขณะนี้คล้ายโรคใบด่าง แต่เมื่อตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการยังไม่พบเชื้อไวรัสก่อโรค ซึ่งการตรวจในห้องปฏิบัติการสามารถทราบผลได้ภายใน 1 วัน หากยืนยันเป็นโรคใบด่างเจ้าหน้าที่จะต้นทิ้งทันทียกแปลง จากนั้นจะต้องตรวจสอบดินอีก 2 ครั้งใน 1 เดือน หากไม่พบเชื้อและพาหะสามารถปลูกใหม่ได้ ทั้งนี้ ขอความร่วมมือเกษตรกรหากพบอาการผิดปกติของต้นมันสำปะหลัง ใบด่าง เสียรูปทรง ให้แจ้งเกษตรตำบล เกษตรอำเภอ และเกษตรจังหวัดในพื้นที่ทันที เพื่อให้การควบคุมการระบาดทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ด้านสมาคมมันสำปะหลังทั้ง 4 แห่งจะช่วยเข้าไปสร้างการรับรู้แก่เกษตรกร เพื่อให้ตระหนักว่าหากเกิดโรคต้องแจ้งเจ้าหน้าที่เกษตรทันที ทั้งนี้ ไทยส่งผลิตมันสำปะหลังได้ประมาณ 30 ล้านตัน ส่งออกเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ 40 ล้านตัน โดยมีการนำเข้าหัวมันสำปะหลังจากกัมพูชาและลาว กรมวิชาการเกษตรยืนยันว่าเชื้อไวรัสก่อโรคไม่ได้ปนเปื้อนที่หัวมันสำปะหลัง ทางสมาคมมันสำปะหลังจะรับซื้อหัวมันจากแปลงที่ถูกทำลายต้น แต่หัวมันยังไม่เสียหายเป็นกรณีพิเศษ โดยโรงงานจะรับซื้อหัวมันที่มีเชื้อแป้งอย่างน้อย 25 % กิโลกรัมละ 2.98 บาท แต่หากเชื้อแป้งต่ำกว่านี้ปกติโรงงานจะไม่รับซื้อ แต่ระยะนี้จะรับซื้อจากเกษตรกรเป็นกรณีพิเศษในราคาที่เหมาะสม แต่หากเชื้อแป้งเกินกว่า 25% จะเพิ่มราคาให้อีก ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรปิดบัง หากพบอาการน่าสังสัยของมันสำปะหลัง เนื่องจากเกรงจะถูกทำลาย เพราะหัวมันยังขายได้และกรณีต้องทำลายทั้งแปลงจะมีค่าชดเชยจากรัฐ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

สึกแล้ว “ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง” ปมร้องเรียนทุจริตเงินวัด-พัวพัน 3 สีกา

19 ก.ย. – สึกแล้ว “ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง” และเดินทางออกจากวัดทันที หลังก่อนหน้านี้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับทุจริตเงินวัด และพัวพัน 3 สีกา เป็นภาพเอกสารที่พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ส่งไปยังเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เพื่อชี้แจงกรณีของผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง พร้อมแนบภาพถ่ายการลาสิกขาของผู้ช่วยเจ้าอาวาส เอกสารระบุข้อความว่า “ตามที่มีประเด็นปรากฏในสื่อออนไลน์ และสื่อต่างๆ เกี่ยวข้องกับผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ทางวัดหัวลำโพง ขอชี้แจงตามประเด็นดังต่อไปนี้ 1.กรณีพฤติกรรมชู้สาวของพระครูปริยัติวัฒนกิจ ทางวัดยังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนบุคคล2.กรณียักยอกงินวัดนั้น ทางวัดขอชี้แจงว่า ยังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากหน้าที่ของพระครูปริยัติวัฒนกิจ เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ฌาปนสถานวัดหัวลำโพง มีหน้าที่ประสานงานกับเจ้าภาพที่มาติดต่อเกี่ยวกับการจองศาลาบำเพ็ญกุศล อีกทั้งฌาปนสถานวัดหัวลำโพง ประกอบด้วยกรรมการบริหารจำนวน 5 รูป โดยมีเจ้าอาวาสเป็นประธาน และมีการทำบัญชีรายรับรายจ่ายในส่วนฌาปนสถานของวัดมาโดยตลอด 3.กรณีลาสิกขา ทางพระครูปริยัติวัฒนกิจ แจ้งความประสงค์ลาสิกขาด้วยความสมัครใจ เพื่อมิให้กระทบกระเทือนต่อภาพลักษณ์ของวัด และศรัทธาของสาธุชน โดยลาสิกขา 18 ก.ย. 2568 เวลา 19.10 น. และเดินทางออกจากวัดทันที ย้อนดูคำชี้แจง “อดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ”ย้อนดูคำชี้แจงจากปากของอดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ ก่อนหน้านี้ที่ทีมข่าวได้พูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ สำหรับเรื่องทุจริตเงินวัด อดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ บอกว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเอง […]

“อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูเชิญถกอาเซียน ยันไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยได้

พรรคภูมิใจไทย 19 ก.ย.- “อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูหาเชิญร่วมประชุมอาเซียน ยันไม่มีใครเคลียร์-แทรกแซงรัฐบาลได้ หลัง “ฮุน มาเนต” ขอมาเลเซียเป็นตัวกลาง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาเปิดเผยว่าได้โทรศัพท์พูดคุยเป็นการส่วนตัว โดยนายอนุทิน ยอมรับว่า เมื่อวานนายอันวาร์ได้โทรมาหา พูดคุยถึงการเชื้อเชิญว่า ถ้าหากตนได้รับตำแหน่งเรียบร้อยแล้วคงจะได้พบกันโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในช่วงเดือนหน้า ส่วนการพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนจังหวัดสระแก้ว นายอนุทิน ระบุว่า ไม่ได้มีการพูดคุยในรายละเอียด อีกทั้งตนยังไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เนื่องจากยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงมีรัฐบาลรักษาการ เราให้เกียรติกัน “ผมรับตำแหน่งได้ ก็ต่อเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อน ส่วนเรื่องนโยบาย ข้อสั่งการ ต้องรอการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งขณะนี้เราก็ยังรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไว้ให้มากที่สุด” นายอนุทิน กล่าว ส่วนกรณีที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร้องขอไปยังนายอันวาร์ เพื่อให้เข้ามาแทรกแซงการเจรจานั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยและอธิปไตยของไทยได้ ส่วนเรื่องการพูดคุย นายอนุทิน ย้ำว่า เราสามารถทำได้ เพราะเป็นคนที่คุ้นเคยรู้จักกัน […]

“อนุทิน” กินข้าว “อภิสิทธิ์” ขอคำแนะนำอดีตนายกฯ

กทม. 19 ก.ย.- “อนุทิน” โพสต์ภาพร่วมโต๊ะกินมื้อกลางวันคู่กับ “อภิสิทธิ์” บอกขอคำแนะนำอดีตนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพรับประทานอาหารกลางวันคู่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นการส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า “ได้รับคำแนะนำที่มีประโยชน์และคุณค่ามากมายจากท่านนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ให้เกียรติมาให้กำลังใจและทานอาหารกลางวันด้วยกันในวันนี้ ขอบพระคุณท่านมากครับ” ทั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวแรกของนายกรัฐมนตรี หลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนายอนุทิน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีอีกกระแสข่าว ที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ กลับไปเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ -สำนักข่าวไทย

รวบยกแก๊ง 4 ชาวอังกฤษขับรถชิงทรัพย์ชาวอเมริกัน

ภูเก็ต 19 ก.ย. – วานนี้มีเหตุอุกอาจกลางเมืองภูเก็ต กลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายก่อนลงไปชิงนาฬิกาหรู มูลค่ากว่า 2 ล้าน เช้านี้ตำรวจรวบผู้ก่อเหตุได้ครบ เชื่อวางแผนทำกันเป็นขบวนการ.-สำนักข่าวไทย