นนทบุรี 16 ต.ค. – เปิดเวทีเจรจาการค้า 35 บริษัทเคนย่ากับนักลงทุนไทย หวังเปิดตลาดการค้าระหว่างกันมากขึ้น ชี้ถือเป็นลู่ทางการค้าตลาดใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานในช่วงเช้าวันนี้ว่าทางมหาวิทยาลัยราชพฤกษ์ร่วมกับศูนย์การเรียนรู้และธุรกิจเคนย่า (แอฟริกา) ไทย และบริษัท KenThai Global Streeling Limited จัดกิจกรรมดึงผู้ประกอบการนักธุรกิจไทยที่กำลังมองหาตลาดใหม่ ๆ ได้เข้าร่วมงานการเจรจาธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างนักธุรกิจไทยกับนักธุรกิจจากเคนย่าในกลุ่มแอฟริกา 7 โดยประเทศเคนย่านำนักธุรกิจกว่า 35 บริษัทและหน่วยงานภาครัฐของเคนย่ามาร่วมการเจรจาธุรกิจกับกลุ่มเอสเอ็มอีของไทย ซึ่งได้รับความร่วมมือกับสถานทูตเคนย่า ศูนย์การเรียนรู้และธุรกิจเคนย่า (แอฟริกา) – ไทย มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์ และบริษัท KenThai Global Streeling Limited และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินกิจกรรมนี้ ซึ่งกลุ่มนักธุรกิจไทยจะเน้นเอสเอ็มอีที่มีสินค้าทั้งอุปโภคและบริโภคและธุรกิจบริการ เช่น โรงแรม ขนส่งที่จะมาร่วมเจรจาเป็นพันธ์มิตรกับนักธุรกิจจากเคนย่า คาดว่าการเจรจาครั้งนี้จะตกลงร่วมกันได้หลายธุรกิจและเป็นก้าวแรกและสำคัญของทั้ง 2 ฝ่ายอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ได้วิเคราะห์ข้อมูลและเดินทางสำรวจทวีปแอฟริกา ถือว่าเป็นตลาดใหม่ หรือ New Frontiers และทาง EXIM BANK อยู่ระหว่างการขยายความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนไทยและเคนย่า เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนไทย-เคนย่าระหว่างกันมากขึ้น ปัจจุบันไทยยังมีความเชื่อมโยงทางธุรกิจกับเคนย่าค่อนข้างน้อยทั้งด้านการค้าและการลงทุน โดยไทยส่งออกไปเคนย่าคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 0.1 ของมูลค่าส่งออกรวม ขณะที่เคนย่ามีความต้องการนำเข้าสินค้าอีกมากเกือบทุกกลุ่มสินค้า ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค วัตถุดิบ และสินค้าทุน เนื่องจากภาคการผลิตของเคนย่ายังไม่สามารถตอบสนองความต้องการภายในประเทศได้เพียงพอ ทำให้ต้องพึ่งพาการนำเข้าเป็นหลัก เช่นเดียวกับการลงทุนที่ยังมีผู้ประกอบการไทยเพียงไม่กี่รายเข้าไปลงทุนในเคนย่า
ทั้งนี้ เคนย่าถือเป็นตลาดใหม่ที่ห่างไกล ทำให้ผู้ประกอบการไทยยังไม่คุ้นเคยและขาดข้อมูล ดังนั้น EXIM BANK ได้ขยายความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนของไทยและเคนย่า เพื่อส่งเสริมให้การค้าและการลงทุนไทย-เคนย่าขยายตัวเพิ่มขึ้น เพื่อสอดคล้องกับศักยภาพทางเศรษฐกิจของเคนย่าที่คาดว่าขยายตัวร้อยละ 6-7 ในอีก 5 ปีข้างหน้า และพื้นฐานทางเศรษฐกิจ การเงิน และอัตราแลกเปลี่ยนของเคนย่าที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกันและเคนย่าถือเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาคแอฟริกาตะวันออกที่สามารถเชื่อมโยงกระจายสินค้าไปสู่ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคนี้ได้ โดยรัฐบาลเคนย่ามีนโยบายส่งเสริมการลงทุนให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ แก่นักลงทุนต่างชาติ ทั้งสิทธิประโยชน์ทางภาษีและมิใช่ภาษี อาทิ ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบและเครื่องจักร มีศูนย์ให้บริการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (One Stop Service Center)
อย่างไรก็ตาม สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปเคนย่า ได้แก่ ข้าว น้ำตาลทราย รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และเม็ดพลาสติก ขณะที่สินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากเคนย่า ได้แก่ เคมีภัณฑ์ สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่งแปรรูป แผงวงจรไฟฟ้า สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ และเนื้อสัตว์สำหรับการบริโภค ในด้านการลงทุนผู้ประกอบการไทยได้เข้าไปลงทุนในเคนย่าบ้างแล้วในธุรกิจร้านอาหารไทย สปา และโรงแรม ดังนั้น กิจกรรมดึงนักธุรกิจเคนย่าเจรจากับนักธุรกิจไทยครั้งนี้จะเป็นโอกาสขยายการค้าต่อกันเพิ่มขึ้นในอนาคต และเพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างกัน EXIM BANK มีสิทธิพิเศษให้แก่ลูกค้ารายใหม่ที่ต้องการทำประกันการส่งออกกับ EXIM BANK เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ คือ ให้ส่วนลดอัตราเบี้ยประกันการส่งออกร้อยละ 50 จากอัตราเบี้ยประกันที่คำนวณได้และวิเคราะห์ข้อมูลผู้ซื้อในต่างประเทศ และลดค่าข้อมูลร้อยละ 50 สำหรับผู้ซื้อรายที่ 3-5 โดย EXIM BANK จะชดเชยความเสียหายจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าให้แก่ผู้เอาประกันในอัตราร้อยละ 80 ของความเสียหายที่เกิดขึ้นจากความเสี่ยงทางการค้าและการเมือง ตั้งแต่บัดนี้จนถึงสิ้นปีนี้ ผู้ประกอบการไทยสนใจสอบถามได้ที่ EXIM BANK . – สำนักข่าวไทย