กรุงเทพฯ 14 ก.ย.-กระทรวงพลังงานขีดเส้น แก้กฏหมายปิโตรเลียม ต้องจบภายในเดือนตุลาคมนี้ คงเป้าหมายเปิดประมูล 2 แหล่งสัมปทานใหญ่ เดือนมี.ค. 2560 ด้านกรมเชื้อเพลิงฯปรับแผน GAS PLAN รับมือทั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินล่าช้า ปรับผลิตทั้งในประเทศและนำเข้าแอลเอ็นจี ด้าน ปตท.สผ.รับกำลังเจรจามาเลเซียเพิ่มเพื่อนำเข้าแอลเอ็นจี
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวว่า คณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม และร่าง พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม อาจจะมีการเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. เลื่อนเวลาพิจารณารอบใหม่อีก 1 เดือน รวมเป็นเวลาพิจารณา 4 เดือนว่า เรื่องนี้ ทางกระทรวงฯ ได้เตรียมแผนงานไว้ว่า หาก สนช.ใช้เวลาพิจารณารวม 4 เดือน ก็ยังเป็นไปตามกรอบที่กระทรวง ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะพิจารณาเสร็จสิ้นและประกาศใช้ได้ภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ หากเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้ การประกาศเปิดประมูล 2 แหล่งสัมปทาน ที่จะหมดอายุ คือ เชฟรอนและบงกช จะเปิดประมูลได้ภายใน เดือนมีนาคม 2560 แต่หาก สนช.ยังพิจารณาล่าช้าไปกว่านี้ ทางรัฐบาลและ สนช.คงต้องคุยกันว่า เกิดจากปัญหาอะไรจะต้องมีเหตุผลชัดเจน เพราะจะกระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงาน
นายวีระศักดิ์ พึ่งรัศมี อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า ในขณะนี้กระทรวงฯกำลังทบทวน แผนการจัดการก าซธรรมชาติ พ.ศ. 2558 – 2579 (Gas Plan) เพื่อจะดูว่า ความต้องการและการจัดหาก๊าซฯ โดยรวมทั้งการนำเข้าแอลเอ็นจี โดย ปตท.และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)เป็นอย่างไร โครงสรร้างพื้นฐานการรองรับต้องก่อสร้างรับปริมาณเท่าใด และการจัดหาในประเทศจะได้รับผลกระทบจากการสัมปทานหมดอายุของแหล่งเอราวัณ(เชฟรอน) และบงกช เป็นอย่างไร ซึ่งประเมินเบื้องต้น หลังปี2560 กำลังผลิต 2 แหล่งนี้จะลดลงร้อยละ 40 จากกำลังผลิตรวม 2,100 ล้านลูกบาศ์กฟุตต่อวัน และหลังปี 2565-2566 กำลังผลิตรวมจะเหลือประมาณ 1,500-1,800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดย แผนนี้มีส่วนสำคัญในการกำหนดกรอบการเปิดประมูล และการจัดหาแอลเอ็นจีในอนาคต
“ตามGas plan เดิม ก๊าซในประเทศในปี 2579จะสัดส่วนเหลือร้อยละ 25 จากความต้องการรวม 4,300-4,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้น่าเป็นห่วงความล่าช้าของโรงไฟฟ้าถ่านหิน ซึ่งหากไม่เกิดหรือล่าช้าไป ก็ต้องใช้ก๊าซเพิ่มขึ้น จะต้องนำเข้าแอลเอ็นจี หรือ ต้องปรับแผนผลิตภายในประเทศอีก ก็ต้องหารือกับ ปตท.และ กฟผ.อีกรอบภายในเดือนนี้” นายวีระศักดิ์
ด้านนายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ซีอีโอ ปตท.สผ. กล่าวว่า บริษัทพร้อมประมูลแห่งบงกช ตามกรอบที่กระทรวงพลังงานกำหนด หากประมูลเสร็จสิ้นปี 2560 การรักษากำลังผลิตภายหลังหมดสัมปทานในปี 2566 ก็จะไม่กระทบ บริษัทยังคงแผนผลิตเพื่อรักษาความมั่นคงด้านพลังงานได้ แต่หากล่าช้าออกไปอีก ก็จะกระทบต่อการลงทุนการวางแผน ซึ่งตามสัญญาสัมปทานนั้นระบุ ก่อนหมดอายุสัญญาภายใน 5 ปี ทางผู้ผลิตสามารถลดกำลังผลิตให้ต่ำกว่าสัญญากำหนดได้
อย่างไร ก็ตาม กลุ่ม ปตท. มีนโยบายในการจัดหาก๊าซทั้งใน ประเทศและ ต่างประเทศ โดยในส่วนของ ปตท.สผ. มีการลงทุนเพิ่มในมาเลเซีย ใน แหล่ง SK410B ในขณะเดียวกัน ได้ร่วมกับ ปตท.กำลังเจรจาอีก 1 แหล่งที่มีการผลิตหรือกำลังจะผลิตแอลเอ็นจีในมาเลเซีย เพื่อนำมาป้อนความต้องการที่เพิ่มขึ้นของไทย ส่วนแหล่งในประเทศโมซัมบิก หลังจากที่รัฐบาลโมซัมบิกเห็นชอบแผนงานลงทุนแล้ว ในขณะนี้กลุ่มผู้ผลิตกำลังเจรจาด้านอื่นๆ เช่น แผนการจำหน่ายแอลเอ็นจี ดังนั้น จึงคาดว่าจะประกาศแผนงานขั้นสุดท้ายสำหรับการลงทุนได้ภายใน ปี 2560 และจะเริ่มผลิตในอีก 4-5 ปี ข้างหน้า โดยแหล่งนี้ มีปริมาณก๊าซฯสำรอง 60-70 ล้านล้านลูกบาศ์กฟุต-สำนักข่าวไทย