กรมพินิจและคุ้มครองเด็กฯ 4 ต.ค.-อธิบดีกรมพินิจฯ คาดสรุปผลสอบวินัยร้ายแรง ผอ.สถานพินิจฯพิจิตร ได้ปลายเดือนนี้ ผลสอบมี2 ทางเลือก ปลดออก-ไล่ออก หลังถูกศาลอาญา คดีทุจริต พิพากษานำรถหลวงใช้ส่วนตัว ผิดอาญา ม.151
นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กล่าวถึงกรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 สั่งจำคุก 5 ปี นางนุสรา แสนนาม ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดพิจิตร ฐานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ กรณีนำรถหลวงไปทำธุระในวันหยุดราชการ ขณะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดเพชรบูรณ์ ว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2551 สมัยที่นางนุสรา เพิ่งย้ายไปเป็นผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดเพชรบูรณ์ และได้สั่งใช้รถส่วนกลางของสถานพินิจฯ รับส่งเช้า-เย็นระหว่างโรงแรมที่พักและสถานพินิจฯ ในระยะทาง 1 กิโลเมตร และใช้รถส่วนกลางทำธุระส่วนตัว โดยมีการร้องเรียนไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซึ่ง ป.ป.ท.ก็ได้ส่งเรื่องไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก่อนส่งฟ้องศาลและศาลมีคำพิพากษาจำคุก 5 ปีดังกล่าว
อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กล่าวอีกว่า ในส่วนของการสอบสวนทางวินัย กรมพินิจฯ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงเมื่อปี 2560 ขณะนี้อยู่ระหว่างสรุปผลสอบคาดว่าจะเสนอคณะกรรมการกระทรวงยุติธรรมลงมติได้ภายในปลายเดือน ต.ค.นี้ หากมีความผิดวินัยร้ายแรงจริงก็มีโทษ 2 อย่าง คือไล่ออกหรือปลดออก
ทั้งนี้ ข้อมูลที่นางนุสราให้ถ้อยคำไว้กับคณะกรรมการสอบสวนว่าเส้นทางระหว่างที่พักและสถานที่ทำงานไม่มีรถประจำทาง ซึ่งสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดเพชรบูรณ์ ไม่ใช่สถานแรกรับและไม่มีการควบคุมตัวเด็ก จึงไม่มีบ้านพักข้าราชการ แต่ข้าราชการสามารถเบิกค่าเช่าบ้านได้ โดยตำแหน่งผู้อำนวยการจะไม่มีรถยนต์ประจำตำแหน่งอยู่แล้ว เมื่อนำรถส่วนกลางมาใช้ก็ถือว่ามีความผิด ซึ่งระเบียบและกฎหมายก็ได้ระบุชัดเจนห้ามใช้ทรัพยากรของทางราชการโดยไม่ชอบ
เมื่อถามว่า กระทรวงยุติธรรมจะนำคำพิพากษาของศาลมาประกอบการพิจารณาทางวินัยด้วยหรือไม่ อธิบดีกรมพินิจฯ กล่าวว่า การสอบสวนทางอาญาและทางวินัยเป็นคนละทางกัน แต่มีคำพิพากษาบางส่วนที่เชื่อมโยงกับ พ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551เรื่องคุณสมบัติการเป็นข้าราชการ หากศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกก็ถือว่าขาดคุณสมบัติการเป็นข้าราชการ แต่ขณะนี้คดียังไม่ถึงที่สุดนางนุสรายังสามารถใช้สิทธิ์อุทธรณ์และฎีกาได้.-สำนักข่าวไทย